งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

เอกสารการประกันภัย Insurance documents.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "เอกสารการประกันภัย Insurance documents."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 เอกสารการประกันภัย Insurance documents

2 เปิดประเด็น หลายคนอาจจะไม่เคยเข้าใจว่าประกันภัยคืออะไร ทำหน้าคุ้มครองเราด้านไหนบ้าง เมื่อเรามีสิทธิ์ประโยชน์ การทำสัญญาประกันภัยนั้นต้องมีผู้เกี่ยวข้องได้แก่ใครบ้าง คิดว่ามีบทบาททางด้านไร ประโยชน์ของประกันภัยมีผลได้ ผลเสีย อย่างไรเมื่อเราทำประกัน ประเภทของประกันภัยมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบนั้นมีช่วงอายุกี่ปี่

3 การประกันภัย คือการบริหารความเสี่ยงภัยวิธีหนึ่ง ซึ่งจะโอนความเสี่ยงภัยของผู้เอาประกันภัยไปสู่บริษัทประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่ได้รับความคุ้มครอง ในกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัท ประกันภัยตามที่ได้ตกลงกันไว้ การประกัน (Insurance) คือการบริหารจัดการความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง โดยมีองค์ประกอบสามส่วน คือ ผู้รับประกัน (Insurer) ผู้เอาประกัน (Insured) หรือผู้ถือกรมธรรม์ (Policy Holder) ผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary) การประกันจักต้องผ่านกระบวนการพิจารณารับประกัน เพื่อผู้รับประกันจักประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า ของ บุคคล, กลุ่มบุคคล หรือ ทรัพย์สิน นั้นๆ พร้อมกำหนด รายละเอียดความคุ้มครอง และค่าเบี้ยประกัน ผู้รับประกันอาจรับประกัน โดยแบ่งความเสี่ยงมาส่วนหนึ่ง หรือ ปฏิเสธ หากความเสี่ยงนั้นไม่อาจรับได้ หรือ ผู้รับประกันอาจรับประกันโดยเพิ่มอัตราเบี้ยพิเศษ เพื่อให้สามารถครอบคลุมความเสียหายที่อาจ เกิดขึ้นในอนาคต

4 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัย
ผู้รับประกัน (Insurer) ตั้งขึ้นในรูปบริษัท มีวัตถุประสงค์ที่จะร่วมรับผิดชอบ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เอาประกัน ผู้เอาประกัน (Assured or Insured) คือ ผู้ที่ต้องการลดการเสี่ยงภัยในความ เดือดร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยการโอนความรับผิดชอบให้แก่ผู้รับประกัน ผู้รับประโยชน์ (Beneficiary) คือ บุคคลที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับ ประกันจ่ายให้ เมื่อผู้เอาประกันได้รับความเดือดร้อนเสียหาย

5 ประโยชน์ของประกันภัย
ช่วยลดภาระการเสี่ยงภัยให้แก่ผู้เอาประกัน ดังนั้นจึงมีประโยชน์ดังนี้ 1. ให้ความคุ้มครองแก่ครอบครัวของผู้เอาประกัน 2. ช่วยลดภาระแก่สังคมและรัฐบาล 3. ช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพ 4. ช่วยให้มีการขยายเครดิต 5. สถานบันการประกันภัยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการออมเพื่อการลงทุน 6. การประกันภัยในชีวิตระยะยาวเป็นการออมทรัพย์ประเภทหนึ่ง

6 สัญญาประกันภัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
1. ผู้ขอเอาประกันต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในการประกัน 2. เจตนารมณ์ในการทำประกันต้องตั้งอยู่บนรากฐานของความสุจริตอย่างยิ่งต่อกัน 3. วัตถุประสงค์ในการทำประกันเพียงเพื่อได้รับการชดใช้ตามความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น เท่านั้น 4. เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งการชดใช้ 5. เมื่อผู้มีประกันภัยหลายฝ่ายรับผิดชอบต่อความเสียหายอันใดอันหนึ่งที่เกิดขึ้น ให้ถือหลัก ช่วยกันเฉลี่ยการชดใช้ 6. เมื่อมีสาเหตุที่ก่อให้เกิดความสูญเสียมากกว่าหนึ่งสาเหตุ ในการวินิจฉัยสาเหตุว่าอยู่ใน ความคุ้มครองหรือไม่ ให้ถือสาเหตุใกล้ชิดเป็นเกณฑ์

7 ประเภทของการประกันภัย
1. การประกันชีวิต (Life Insurance) คือ การที่บุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องมาจาก การตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยที่เมื่อบุคคลใดต้อง ประสบกับภัย ก็จะได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและ ครอบครัว โดยมีบริษัทประกันชีวิตทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการนำเงินก้อนดังกล่าว ไปจ่าย ให้แก่ผู้เอาประกันชีวิต ทายาท ผู้รับประโยชน์ ตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดยผู้เอาประกันชีวิตตก ลงจะส่งเบี้ยประกันให้ผู้รับประกันภัย ได้แก่ การประกันแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) การประกันแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance) การประกันแบบสะสมทรัพย์ (Endownment Insurance) การประกันแบบเงินได้ประจำ (Annuity Insurance) การประกันชีวิตหมู่ (Group Life Insurance) การประกันแบบอุตสาหกรรม (Industrial Insurance) เครดิตไลฟ์อินชัวรันส์ (Credit Life Insurance)

8 การประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Life Insurance) คือ เป็นกรมธรรม์แบบคุ้มครอง ชั่วคราวภายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เช่น 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี หากผู้เอาประกันถึงแก่มรณกรรมภายในระยะเวลานั้น ผู้เอาประกันก็จะได้รับทุนประกัน คืนเท่ากับวงเงินที่ได้เลือก หากผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดระยะเวลาตามกรมธรรม์ ผู้เอาประกันจะไม่ได้รับเงินคืนใด ๆ ตัวอย่าง อายุ 35 ปี ทุนประกัน 100,000 บาท สัญญา 7 ปี เบี้ยปีละ 400 บาท ชำระ 7 ปี เสียชีวิตจ่าย 100,000 บาท เริ่ม ครบสัญญา ปีที่ ปีที่ 7 ไม่ได้รับเงินคืน ผู้เอาประกัน เสียชีวิต = คนหลังได้ใช้ ผู้เอาประกัน มีชีวิตอยู่ครบ = ไม่ได้รับเงินคืน

9 การประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance) คือ เป็นแบบประกันที่มีจุดมุ่งหมาย หลักอยู่ที่การทดแทนความสามารถในการทำงานหรือการสูญเสียรายได้หากผู้เอาประกันถึง แก่มรณกรรม โดยจะให้ความคุ้มครองตลอดชีวิต ของผู้เอาประกัน หรือจนกว่าผู้เอาประกัน จะมีอายุครบ 99 ปี แล้วแต่รายละเอียดที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ตัวอย่าง อายุ 35 ปี ทุนประกัน 100,000 บาท เบี้ยปีละ 3,000 บาท ชำระ 20 ปี เสียชีวิตจ่าย 100,000 บาท เริ่ม ตลอดชีวิต ปีที่1 ปีที่20 หยุดชะรำเบี้ย ผู้เอาประกันเสียชีวิต = คนหลังได้ใช้

10 การประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ หรือแบบรายปี (Annuity Life Insurance) 4
รับบำนาญปีละ 30,000 บาท เริ่ม อายุครบ 60 ปี หยุดชำระเบี้ย ในประเทศไทยจะไม่มีการขายแบบนี้แต่จะมีในลักษณะผสมกับแบบอื่น ไปขายรวมกับแบบอื่น

11 การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Life Insurance) คือ เป็นแบบประกันที่มี รูปแบบคล้ายกับการฝากเงินประจำกับธนาคาร โดยที่กรมธรรม์ประเภทดังกล่าวนอกจากจะ ให้ความคุ้มครองการมรณกรรมของผู้เอาประกันตามวงเงินคุ้มครองที่เลือกไว้แล้ว ในระหว่าง สัญญาผู้เอาประกันก็จะได้รับผลตอบแทนทางการเงินจำนวนหนึ่งตามกำหนดระยะเวลาที่ ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ทุกๆปี ทุก 2 ปี หรือจนครบกำหนดสัญญาฯลฯ ตัวอย่าง อายุ 35 ปี ทุนประกัน 100,000 บาท สัญญา 20 ปี เบี้ยปีละ 5,000 บาท ชำระ 20 ปี เสียชีวิตจ่าย 100,000 บาท เริ่ม ครบสัญญา ปีที่ ปีที่ 20 มีชีวิตอยู่รับ 100,000 บาท ผู้เอาประกัน เสียชีวิต = คนหลังได้ใช้ ผู้เอาประกัน มีชีวิตอยู่ครบ = ได้ใช้เอง

12 การประกันชีวิตประเภทประกันหมู่หรือกลุ่ม (Group Life Insurance) คือ เป็นการเอา ประกันชีวิตกลุ่มของลูกจ้าง พนักงานบริษัทหรือสมาชิกองค์กรต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ความ คุ้มครองกรมธรรม์ฉบับเดียวที่เรียกว่า “กรมธรรม์หลัก” โดยนายจ้างเป็นผู้ขอทำประกันชีวิต และถือกรมธรรม์หลักไว้ ส่วนลูกจ้างคนงาน พนักงานแต่ละคนจะได้รับมอบใบสำคัญ ใน การเอาประกันชีวิตกลุ่มที่เรียกว่า ใบรับรองการประกันชีวิต (Certificate) จากบริษัท รับประกันชีวิต แบบประกันกลุ่มแบบสำเร็จรูป (Package) แผนประกัน ไฟว์ อัพ (5 UP) สำหรับองค์กรที่มีจำนวนพนักงาน 5 – 19 คน แผนประกัน เทน อัพ พลัส (10 UP+GCIR ) สำหรับองค์กรที่มีจำนวนพนักงาน 10 – 19 คน แผนประกัน ทเวนตี้ อัพ พลัส? (20 UP+GCIR ) สำหรับองค์กรที่มีจำนวนพนักงาน ตั้งแต่ 20 คน ขึ้นไป

13 2. การประกันภัยทรัพย์สิน ( Property Insurance ) หมายถึง การประกันที่ บริษัทผู้รับประกันภัยทำสัญญายินยอมที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือ ชดใช้เงินจำนวนหนึ่ง ให้กับผู้เอาประกันภัยในกรณีที่เกิดความเสียหาย เกี่ยวกับทรัพย์สินที่เอาประกัน ซึ่งได้แก่ได้แก่ การประกันอัคคีภัย(Fire Insurance) การประกันภัยทางทะเล(Automobile Insurance) การประกันภัยรถยนต์ (Marine Insurance) การประกันภัยเบ็ดเตล็ด(Marine Insurance)

14 3. การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย ( Liability Insurance ) หมายถึง การ ประกันที่บริษัทผู้รับประกันภัย ทำสัญญายินยอมที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือชดใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับบุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายที่เกิดกับ ชีวิต ร่างกาย หรือ ทรัพย์สิน ของบุคคลภายนอกนั้น อันเกิดจากการกระทำของ ผู้เอาประกันภัย ซึ่งได้แก่ การประกันภัยความรับผิดชอบของบุคคลต่อบุคคลอื่น การประกันภัยความรับผิดชอบของผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะต่อบุคคลอื่น การประกันภัยความรับผิดชอบของธุรกิจต่อบุคคลอื่น

15 บริษัทประกันภัย

16 เอกสารประกอบการรับประกันภัย ได้แก่
ประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย ประกันทางทะเล และขนส่ง ประกันเบ็ดเตล็ด

17 ประกันภัยรถยนต์ ใบคำขอเอาประกันภัย สำเนาทะเบียนรถ สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาใบอนุญาตขับขี่ ใบเตือนต่ออายุบริษัทเดิม

18 ประกันอัคคีภัย ใบคำขอเอาประกันภัย ใบโฉนดที่ดิน
สำเนาเอกสารการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร สำเนาเอกสารสัญญาเช่าอาคาร สำเนาหนังสือ ภพ.20 สำเนาเอกสารงบกำไรขาดทุน

19 ประกันทางทะเล และขนส่ง
ใบตราส่ง (bill of lading หรือ B/L) ใบกำกับสินค้า (invoice)

20 คำศัพท์ ผู้รับประกันภัย ( Insurer ) คือ คู่สัญญาซึ่งตกลงจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือชดใช้เงินจำนวนหนึ่ง ให้ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับ ประโยชน์ ผู้เอาประกันภัย ( Insured ) คือ คู่สัญญาซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัยจำนวนหนึ่งให้ผู้รับประกันภัยเมื่อเกิดมีภัยขึ้น ผู้รับประกันภัยจึงจะ จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับผลประโยชน์ ( Beneficiary ) คือ บุคคลภายนอกสัญญาประกันภัย ที่มีสิทธิ์เข้ามารับประโยชน์ในค่าสินไหมทดแทนตามสัญญา ประกันภัยนั้น ตามข้อตกลงของผู้เอาประกันภัย กับ ผู้รับประ-กันภัย ดังนั้น เมื่อมีผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยแล้ว ผู้เอา ประกันภัยไม่มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาอีกต่อไป ผู้รับประโยชน์อาจเป็นบุคคลเดียวกับผู้เอาประกันภัยก็ได้ เบี้ยประกันภัย ( Premium ) หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายให้แก่ผู้รับประ-กันภัย ตามสัญญาประกันภัย ซึ่งการจ่าย อาจจะจ่ายเป็นรายปี ราย 6 เดือน ราย 3 เดือน รายเดือน แล้วแต่จะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัย ( Policy ) หมายถึง เอกสารที่แสดงข้อตกลง เงื่อนไขต่างๆ ของสัญญาประกันภัย ในกรมธรรม์จะประกอบไปด้วย รายละเอียดต่างๆมากมาย อันเป็นเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย ทุนประกันหรือจำนวนเงินเอาประกัน ( Sum insured ) หมายถึง จำนวนเงินที่ตกลงกันว่า ผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายให้ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อเกิดภัยหรือความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้เอาประกันตามเงื่อนไขในสัญญาหรือ กรมธรรม์

21 แบบฝึกหัด เอกสารประกันภัย
1 . ประกันภัยหมายถึงอะไรจงอธิบาย? 2. การประกันชีวิตมีกี่แบบอะไรบ้าง พร้อมอธิบาย? 3. การประกันภัยแบบช่วงระยะเวลาต้องทำสัญญากี่ปี? 4. การประกันมีองค์ประกอบกี่ส่วน ได้แก่อะไรบ้าง? 5. บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัย ได้แก่ใคร พร้อมอธิบาย?

22 สาขา การจัดการโลจิสติกส์ ปวสพ.2/6
สมาชิกกลุ่มที่4 สาขา การจัดการโลจิสติกส์ ปวสพ.2/6 1.นายกันตินันท์ มุ่งเกิด รหัสนักศึกษา 2.นางสาววิมลรัตน์ นักบุญ รหัสนักศึกษา 3.นางสาวกมลชนก โกสิวาล รหัสนักศึกษา


ดาวน์โหลด ppt เอกสารการประกันภัย Insurance documents.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google