งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

ศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักร

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักร"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1

2 ศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักร

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12 The Word แบบมาตรฐาน (115 โมดูล) – 50 บาท
+ ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย ​พระ​​คริสตธรรม​คัมภีร์ ฉบับ​มาตรฐาน Premium พระ​​คริสตธรรม​คัมภีร์ ฉบับ1971 Premium คู่มือศึกษาพระคัมภีร์ (ภาษาไทย) ประมวลศัพท์ หน้าพิเศษ และแผนที่ (ภาษาไทย) - 400 บาท

13

14 Anthroprocentric

15 Anthroprocentric Theocentric

16 Anthroprocentric Theocentric
มนุษย์เป็นศูนย์กลาง

17 Anthroprocentric Theocentric
มนุษย์เป็นศูนย์กลาง พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

18 เอเฟซัส 2:20 ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก

19 สิ่งที่เราเชื่อ คือสิ่งที่เรากระทำ
สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ

20 สิ่งที่เราเชื่อ คือสิ่งที่เรากระทำ
สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ พระคัมภีร์

21

22 CONVERSION AND CULTURE
การ บังเกิดใหม่ และ วัฒนธรรม

23

24

25

26 สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ

27 ความจริง

28 ความจริง + ความเชื่อ

29 ความจริง + ความเชื่อ  เกิดผลในชีวิต

30

31

32

33 ศาสนศาสตร์การรับใช้ All ministry is God's ministry พันธกิจทั้งหมดเป็นพันธกิจของพระเจ้า

34 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 2. God's ministry is "Reconciliation" พันธกิจของพระเจ้าคือ "การคืนดีกัน”

35 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 3. God's direct ministry is accomplished by His Word พันธกิจของพระเจ้าสำเร็จโดยพระวจนะของพระองค์

36 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 4. One sphere not two “หนึ่ง” ไม่ใช่ “สอง”

37 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 5. God Incarnates Himself พระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์

38 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 6. God's mode of ministry is kenosis วิธีของพระเจ้าคือ คีโนซิส

39 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 7. Death and Resurrection are fundamental to all ministry ความตายและการฟื้นคืนมาเป็นพื้นฐานของพันธกิจทั้งหมด

40 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 8. Every Christian is a minister คริสเตียนทุกคนเป็นผู้รับใช้

41 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 9. There are different outworkings of ministry มีความหลากหลายในการกระทำพันธกิจต่างๆ

42 ศาสนศาสตร์การรับใช้ 10. Financing the Ministry พันธกิจและการเงิน

43 2โครินธ์ 10: 12 เพราะว่าเราไม่กล้าเทียบชั้นหรือเปรียบเทียบตัวเองกับบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเองเปรียบเทียบกันและกันแล้ว พวกเขาก็ปราศจากความเข้าใจ 13 ส่วนเราจะไม่อวดเกินขอบเขต แต่จะอวดในขอบเขตที่พระเจ้าทรงจัดไว้ให้ และขอบเขตนั้นก็ครอบคลุมถึงพวกท่านด้วย 14 เพราะว่าเราไม่ได้ทำเลยขอบเขตของตนเอง นอกจากว่าเราไม่เคยมาหาท่าน เราเป็นพวกแรกที่นำข่าวประเสริฐของพระคริสต์มายังพวกท่าน 15 เราไม่ได้อวดเกินขอบเขต ไม่ได้อวดในการงานของคนอื่น แต่เราหวังว่า เมื่อความเชื่อของท่านเจริญขึ้น ขอบเขตงานของเราจะขยายออกไปอย่างกว้างขวางในพวกท่าน 16 เพื่อว่าเราจะได้ประกาศข่าวประเสริฐในที่ที่อยู่เลยขอบเขตของพวกท่าน โดยไม่อวดสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของคนอื่นที่ทำไว้แล้วนั้น 17 “ถ้าใครจะอวด ก็จงอวดองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” 18 เพราะว่าคนที่ยกย่องตัวเองจะไม่ได้รับการรับรอง แต่คนที่พระเจ้าทรงยกย่องต่างหากจะได้รับ

44 2โครินธ์ 10: 12 เพราะว่าเราไม่กล้าเทียบชั้นหรือเปรียบเทียบตัวเองกับบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเองเปรียบเทียบกันและกันแล้ว พวกเขาก็ปราศจากความเข้าใจ 13 ส่วนเราจะไม่อวดเกินขอบเขต แต่จะอวดในขอบเขตที่พระเจ้าทรงจัดไว้ให้ และขอบเขตนั้นก็ครอบคลุมถึงพวกท่านด้วย 14 เพราะว่าเราไม่ได้ทำเลยขอบเขตของตนเอง นอกจากว่าเราไม่เคยมาหาท่าน เราเป็นพวกแรกที่นำข่าวประเสริฐของพระคริสต์มายังพวกท่าน 15 เราไม่ได้อวดเกินขอบเขต ไม่ได้อวดในการงานของคนอื่น แต่เราหวังว่า เมื่อความเชื่อของท่านเจริญขึ้น ขอบเขตงานของเราจะขยายออกไปอย่างกว้างขวางในพวกท่าน 16 เพื่อว่าเราจะได้ประกาศข่าวประเสริฐในที่ที่อยู่เลยขอบเขตของพวกท่าน โดยไม่อวดสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของคนอื่นที่ทำไว้แล้วนั้น 17 “ถ้าใครจะอวด ก็จงอวดองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” 18 เพราะว่าคนที่ยกย่องตัวเองจะไม่ได้รับการรับรอง แต่คนที่พระเจ้าทรงยกย่องต่างหากจะได้รับ

45 องค์กรและโครงสร้างของพันธกิจ
MODALITY and SODALITY องค์กรและโครงสร้างของพันธกิจ

46 คำนำ ในการเคลื่อนไหวของพันธกิจคริสเตียน มีองค์การหรือกลุ่ม para- church (แขนขาของคริสตจักร) ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับคณะนิกายใดหรือ ไม่ได้บริหารโดยคณะนิกายใด และองค์การเหล่านี้บางครั้งดูเหมือน จะเฉยเมยต่อคริสตจักร และคริสตจักรก็ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ก่อกำเนิดขององค์การเหล่านี้ว่า มีอยู่ในพระคัมภีร์หรือไม่ ใน ขณะเดียวกัน คริสตจักรและคณะนิกายต่างๆ ก็ดูเหมือนว่าจะเฉย เมยต่อการประกาศ ทำให้องค์การพันธกิจหรือกลุ่ม para-church เหล่านี้กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำพันธกิจ

47 โครงสร้างพื้นฐาน 2 ชนิด
A. Modality Modality หมายถึง การรวมตัวกันของกลุ่มที่มีโครงสร้าง เน้นด้านสามัคคี สมาชิกภาพโดยส่วนใหญ่จะสมาชิกโดยกำเนิดหรือโดยการสืบทอด แม้ โดยทั่วไปจะเปิดรับสมาชิกภาพจากภายนอกด้วย โครงสร้างในลักษณะนี้เน้นที่ ความสัมพันธ์ ความห่วงใย และการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม (belongingness) สมาชิกออกจจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของกลุ่ม แต่ยังอาจจะนับว่าเป็น สมาชกของกลุ่ม ตัวอย่าง โครงสร้างแบบ Modality : ได้แก่ครอบครัว, คริสตจักรท้องถิ่น เป็นต้น สมัยพันธสัญญาใหม่ โครงสร้างลักษณะนี้เห็นได้จากคริสตจักร และธรรมศาลาของชาวยิว คริสตจักรในสมัยพันธสัญญาใหม่ มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับธรรมศาลาของ ชาวยิว ธรรมศาลาของชาวยิวประกอบด้วยหญิงชายทั้งคนหนุ่ม-สาวและ อาวุโสมารวมกันเป็นชุมชนของชาวยิว ในเมืองต่าง ๆ คริสตจักรสมัยพันธ สัญญาใหม่ก็เช่นกันเน้นที่การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม

48 โครงสร้างพื้นฐาน 2 ชนิด
B. Sodality Sodality หมายถึง การรวมกันของกลุ่มที่มีโครงสร้างเน้นที่เป้าหมายของกลุ่ม สมาชิกภาพประกอบด้วยอาสาสมัครผู้ใหญ่ มีกำหนดกฎเกณฑ์ในการรับสมาชิกซับซ้อนกว่าแบบ Modality ในด้านของอายุ เพศ สถานภาพ ฯลฯ โดยปรกติการรวมตัวในลักษณะนี้จะเน้นที่การ อุทิศทุ่มเท เพื่อเป้าหมายของกลุ่ม ดังนั้น สมาชิกทุกคนต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรม ของกลุ่มเพื่อ ดำรงสมาชิกภาพไว้ ตัวอย่าง ได้แก่ สมาคมต่าง ๆ, ทีมกีฬา, และองค์การพันธกิจต่าง ๆ สมัยพันธสัญญาใหม่ โครงสร้างลักษณะนี้เห็นได้จากทีมประกาศของเปาโล และทีมมิชชันนารี ซึ่งมีโครงสร้างแตกต่าง จากคริสตจักรพันธสัญญาใหม่มาก พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่ม และอุทิศตนเพื่องานประกาศก่อตั้ง คริสตจักร ทีมแรกถูกส่งไปจากคริสตจักรอันทิโอก แต่เมื่อไปทำงานแล้วก็บริหารกลุ่มเอง และมีความ เกี่ยวข้องกับคริสตจักรอันทิโอกแบบหลวม ๆ เท่านั้น คือ รายงานผลงานกลับไปให้พี่น้องที่อันทิ โอกรับทราบบ้าง

49 โครงสร้างพื้นฐาน 2 ชนิด
C. หลังสมัยพันธสัญญาใหม่ 1. สมัยโรมันคาธอลิค ลักษณะโครงสร้างทั้งสองชนิดคือ แบบ Modality และ Sodality ปรากฎอยู่ในสมัยนี้ นั่นคือ คริสตจักรคาธอลิคในสังฆมณทลมีโครงสร้างแบบ Modality แต่ระบบอารามและระบบสงฆ์มี โครงสร้างแบบ Sodality และระบบสงฆ์ของคาธอลิคนี่เองเป็นองค์กรที่เน้นงานด้านพันธกิจของ คาธอลิคมาเกือบพันปี และยังเป็นองค์การที่สร้างคริสตจักร (Modality) อย่างสืบเนื่องให้แก่ อาณาจักรคาธอลิคด้วย 2. ยุคโปรแตสแตนท์ เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์เริ่มการปฎิรูปศาสนา เขาไม่ได้คิดถึงโครงสร้างในแบบ Sodality ซึ่งเน้นเป้าหมาย และการทำพันธกิจ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้สมัยปฏิรูปศาสนาไม่มีการทำพันธกิจคริสเตียน(โปรแตส แตนท์) เริ่มเป็นองค์กรเป็นรูปเป็นร่างขึ้นก็ในศตวรรษที่ 19 (หรือ 300 ปีหลังสมัยปฏิรูปศาสนา) และเป็นองค์การอิสระไม่ได้ขึ้นอยู่กับคริสตจักร ประเมินผล แท้จริงโครงสร้างทั้งสองลักษณะ คือ ทั้ง Modality และ Sodality ต่างมีความสำคัญต่องานพันธกิจ ดังนี้

50 MODALITY = เน้นสามัคคีธรรม ทุกคนมีส่วนสำคัญ

51 MODALITY = เน้นสามัคคีธรรม ทุกคนมีส่วนสำคัญ SODALITY = เน้นเป้าหมาย ทุกคยต้องร่วม เป้าหมายเดียวกัน

52

53 ศาสนศาสตร์พระกิตติคุณแบบองค์รวม

54 ศาสนศาสตร์พระกิตติคุณแบบองค์รวม
มัทธิว 5:13 "ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ

55 ศาสนศาสตร์พระกิตติคุณแบบองค์รวม
มีคาห์ 6:8 มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี และพระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรจากเจ้า นอกจากให้กระทำความยุติธรรมและรักสัจกรุณา และดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจไปกับพระเจ้าของเจ้า

56 หรือ พันธกิจด้านสังคมสงเคราะห์ เป็นส่วนหนึ่งของข่าวประเสริฐ
พันธกิจด้านสังคมสงเคราะห์ เป็นสะพานเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ หรือ พันธกิจด้านสังคมสงเคราะห์ เป็นส่วนหนึ่งของข่าวประเสริฐ

57

58 แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา
แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา

59 แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา
แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา

60 แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา
แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา

61 แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา
แผ่นดินของพระเจ้า มาแล้ว และ จะมา

62 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
to deal with the guilt of human sin จัดการกับความผิดและโทษของบาป

63 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
to deal with the guilt of human sin จัดการกับความผิดและโทษของบาป อิสยาห์ 53:6 เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง และพระเจ้าทรงวางลงบนท่าน ซึ่งความบาปผิดของเราทุกคน

64 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
to deal with the guilt of human sin จัดการกับความผิดและโทษของบาป 1 เปโตร 2:24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย

65 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
2. to defeat the powers of evil จัดการกับอำนาจของบาป

66 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
2. to defeat the powers of evil จัดการกับอำนาจของบาป โคโลสี 2:15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น

67 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
3. to destroy death จัดการกับความตาย

68 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
3. to destroy death จัดการกับความตาย ฮีบรู 2:14 บุตรทั้งหลายร่วมสายโลหิตกันฉันใด พระองค์ก็ทรงเป็นเช่นนั้นด้วย เพื่อโดยทางความตายนั้นเอง พระองค์จะได้ทรงทำลายผู้ที่มีอำนาจแห่งความตาย คือมารเสียได้

69 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
4. to remove the barrier of enmity and alienation between Jew and Gentile จัดการกับความแตกแยกของมนุญย์

70 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
4. to remove the barrier of enmity and alienation between Jew and Gentile จัดการกับความแตกแยกของมนุญย์ เอเฟซัส 2: 14 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง 15 คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆนั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละ จึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข 16 และเพื่อจะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขน ซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป

71 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง

72 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง คส. 1:20 และโดยพระองค์ ให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระเจ้า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพด้วยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์

73 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง คส.1: พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง 16 เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครองหรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้น โดยพระองค์และเพื่อพระองค์

74 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง คส.1:20 และโดยพระองค์ ให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระเจ้า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพด้วยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์

75 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง อฟ. 1:10 ประสงค์ว่า เมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่ง ทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์

76 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง โรม 8: 19 ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว มีความเพียรคอยท่าปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ 20 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น 21 ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า

77 พันธกิจของพระเจ้าผ่านไม้กางเขน…
5. to heal and reconcile his whole creation จัดการกับผลของบาปต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง วิวรณ์ 21:1 - 3 1 ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว 2 ข้าพเจ้าได้เห็นวิสุทธนคร คือนครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี 3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า "ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา

78

79 ลูกา 4: 18 พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ 19 และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า

80 ลูกา 4: 18 พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ 19 และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า

81

82

83

84 1โครินธ์ 15:20 …พระคริสต์ทรง…เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว …เป็นผลแรก…

85

86

87 1โครินธ์ 15:58 เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้

88 The Kingdom of Our God Seven Mountains Religion Family Education
Government Media Arts & Entertainment Business 하나님의 나라 종교 교육 미디어 사업 가정 정부 예술&연예 Seven Mountains

89 ดังนั้นจึงไม่เพียงเป็นสะพาน

90 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009]

91 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ที่นี่นิยาม "พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง" ว่า เป็นการสอนที่ผู้เชื่อมีสิทธิ์ที่จะได้รับความสุขสบายด้านสุขภาพและความมั่งคั่งด้านวัตถุเงินทอง และที่พวกเขาสามารถได้รับพรเหล่านี้ผ่านความเชื่อและการ "หว่านเมล็ดพันธุ์" โดยการถวายเงินอย่างสัตย์ซื่อ

92 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับ พระพรนานาประการ การอัศจรรย ฤทธิ์เดช และพระคุณของพระเจ้า และฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่… ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ และคัดค้านความคิดที่มนุษย์สามารถควบคุมพระพรของพระเจ้าได้ หรือสามารถควบคุมอำนาจของพระองค์ ด้วยเทคนิคหรือวิธีการหรือพิธีการต่างๆ ที่มนุษย์กระทำ

93 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า พระคัมภีร์ให้ความหวังถึงการเจริญรุ่งเรืองของผู้ที่อยู่ในพระองค์ แต่… ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ และคัดค้านความคิดที่ว่า สวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณสามารถวัดได้โดยความมั่งคั่งด้านวัตถุ หรือที่ว่า ความมั่งคั่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพระพรของพระเจ้า หรือที่ว่า ความยากจนเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการสาปแช่งเสมอ หรือเป็นเพราะขาดความเชื่อเสมอ

94 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า พระคัมภีร์สอนถึงความสำคัญของการทำงานอย่างหนัก โดยใช้ของประทานและความสามารถที่พระเจ้าประทานให้ แต่… ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ และคัดค้านความคิดที่ว่า ความสำเร็จในชีวิตทั้งหมด มาโดยการมุ่งมั่นและความฉลาดของเรา หรือความคิดที่ว่า ถ้าคิดหรือจินตนาการในเชิงบวกอย่างไร สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น (positive thinking)

95 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง มักจะเป็นที่สนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่มีคนยากจน หรือในที่คนถูกเอารัดเอาเปรียบ เราไม่ควรพอใจที่ความยากจนเช่นนี้ยังคงอยู่ และเราไม่เชื่อว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มนุษย์จะต้องอยู่ในความยากจนอย่างต่ำต้อยเช่นนี้ด้วย แต่… ไม่เชื่อว่าการสอนของพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง เป็นคำตอบจากพระคัมภีร์ หรือเป็นประโยชน์ในการแก้ไขบัญหาดังกล่าว และเราสังเกตว่า การสอนเหล่านี้ส่วนมากมาจากอเมริกาเหนือ ซึ่งผู้คนมักไม่จนในลักษณะเดียวกัน เป็นที่สังเกตด้วยว่า… ทำให้ผู้ประกาศมั่งคั่งขึ้น แต่คนอื่นมักจะไม่ดีกว่าเดิม และมักจะมีความผิดหวังเพิ่มขึ้น เน้นว่าวิญญาณชั่วเป็นสาเหตุของความยากจน แต่ไม่ค่อยสนใจสาเหตุอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การเมือง การแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม ฯลฯ จึงมีแนวโน้มที่จะโทษผู้ยากจน โดยทำให้พวกเขารู้สึกว่าความยากจนเป็นความผิดของตัวเอง (ซึ่งพระคัมภีร์ไม่ได้เน้นอย่างนั้น) แต่ไม่ได้โทษหรือประณามผู้ที่เป็นสาเหตุแท้จริงเนื่องจากการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว (ซึ่งพระคัมภีร์มักจะเน้น) การสอนบางครั้ง ไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลือคนจนเลย และไม่ได้เป็นคำตอบสำหรับความยากจนที่แท้จริง

96 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า ผู้สอนมักใช้พระคัมภีร์เวลาสอน แต่… มักจะบิดเบือนความจริงเพื่อส่งเสริมการสอนของตัวเอง และมักจะยกข้อความออกจากบริบทด้วยการตีความหมายที่ไม่มีหลัก ซึ่งทำให้การอธิบายขัดกับการสอนที่ชัดเจนของพระคัมภีร์ส่วนรวม เป็นที่สังเกตด้วยว่า… คริสตจักรส่วนใหญ่ที่เน้นพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง มักจะขาดการสอนพระคัมภีร์อย่างต่อเนื่องและแบบรอบคอบ คริสตจักรเหล่านี้มักจะไม่เอาใจใส่ความรอดที่มาโดยการกลับใจจากบาปและความเชื่อในพระเยซูเพื่อรับการยกโทษและชีวิตนิรันดร แต่มักจะเน้นความมั่งคั่งฝ่ายวัตถุแทน

97 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า มีจำนวนผู้เชื่อเพิ่มขึ้นในหลายที่หลายแห่งที่เน้นพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง แต่… การเจริญเติบโตของตัวเลขหรือสถิติ อาจไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงของสิ่งที่ผู้นั้นเชื่อ จำนวนผู้เชื่อไม่ได้เป็นตัววัดความถูกต้องของสิ่งที่เขาเชื่อ

98 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า ผู้ที่เชื่อพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่งหลายคน ตัดความสัมพันย์กับศาสนาดั้งเดิมที่เขาเคยเชื่อ แต่… บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่งยังสอดคล้องกับความเชื่อดั้งเดิมเหล่านั้น โดยเฉพาะการควบคุมพระพรของพระเจ้าโดยกระทำสิ่งที่คิดว่าจะพอพระทัยพระองค์ (ซึ่งไม่ค่อยแตกต่างกับพิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบนและการไหว้วิญญาณ)

99 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า บางคนเป็นพยานว่า การสอนเหล่านี้ทำให้ความเชื่อของเขาเพิ่มขึ้น แต่… หลายคนถูกหลอกลวงด้วยการสอนเหล่านี้เช่นเดียวกัน ทำให้เขาคาดหวังในสิ่งที่ไม่เป็นจริง สุดท้ายทำให้หลายคนเลิกเชื่อพระเจ้า

100 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า คริสตจักรส่วนใหญ่ที่สอนพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่งอยู่ในคณะนิกายที่เป็นที่ยอมรับ แต่… หลายครั้งคริสตจักรเหล่านี้ ค่อยๆออกจากรากฐานที่ถูกต้องที่เน้นพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง และไม้กางเขนของพระองค์

101 พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง
[คัดจากข้อสรุปของการประชุมผู้นำคริสเตียนโลก (Evangelical) ที่ Lausanne 2008, 2009] ยืนยัน และยอมรับว่า หลายครั้งพระเจ้าแต่งตั้งให้ผู้นำมีอิทธิพลและชื่อเสียงในสังคม แต่… มีลักษณะของการดำเนินชีวิตและความประพฤติของนักเทศน์ที่สอนพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง ที่น่าตำหนิ ที่ผิดหลักจริยธรรม และเป็นการบูชารูปเคารพ (พระของเงินทอง) ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจถือว่าเป็นเครื่องหมายของผู้พยากรณ์เท็จตามมาตรฐานของพระคัมภีร์ … สิ่งเหล่านี้รวมถึง: ความมั่งคั่งหรูหราที่มากเกินไป และการดำเนินชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย เทคนิคผิดหลักจรรยา หรือหลอกลวง เน้นเรื่องเงินมากเกินไป เหมือนว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เรียกให้คนถวายเงิน แทนเรียกให้กลับใจและเชื่อ ความโลภซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ รูปแบบการดำเนินชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับตัวอย่างของพระเยซูและการเป็นสาวกตามการสอนของพระองค์ ละเลยข้อพระคัมภีร์ทีเตือนคริสเตียนเกี่ยวกับความอันตรายของความมั่งคั่งและความโลบ ละเลยที่จะสอนพระวจนะในทางที่เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า ละเลยที่จะประกาศพระกิติคุณอย่างครบถ้วน ซึ่งควรรวมถึงเรื่องความบาป การกลับใจ ความเชื่อและความหวังนิรันดร ละเลยที่จะสอนความจริงอย่างครบถ้วนตามที่พระเจ้าต้องการให้สอน แต่กลับมาสอนสิ่งที่ผู้ฟังต้องการได้ยิน เอาเวลาที่ควรใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐ ใช้ในการระดมเงินแทน

102


ดาวน์โหลด ppt ศาสนศาสตร์เรื่องคริสตจักร

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google