งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

ทรัพย์สินทางปัญญา:สิ่งที่ท่านอาจยังไม่รู้

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ทรัพย์สินทางปัญญา:สิ่งที่ท่านอาจยังไม่รู้"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 ทรัพย์สินทางปัญญา:สิ่งที่ท่านอาจยังไม่รู้
อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ

2 สิ่งที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ (1)
มหาวิทยาลัยมีศูนย์ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Office of Prince of Songkla University, IPOP) ชั้น 12 อาคาร LRC ตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (การคุ้มครองสิทธิ การนำไปใช้ประโยชน์ และการบังคับใช้สิทธิตามกฎหมาย) ระเบียบว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา และ ระเบียบว่าด้วยลิขสิทธิ์

3 สิ่งที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ (2)
ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทุกคน ส่วนตัว (การสร้างสรรค์ผลงาน การใช้ การละเมิดสิทธิ) หน้าที่การงาน (ไม่ว่าสถานะภาพจะเป็นข้าราชการ หรือ พนักงานมหาวิทยาลัย ทุกคนคือลูกจ้าง และมีมหาวิทยาลัยเป็นนายจ้าง) ความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินทางปัญญา (หน่วยงาน vs ผู้สร้างสรรค์, ผู้ประดิษฐ์) พรบ.ลิขสิทธิ์ พรบ.สิทธิบัตร ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา และขอบเขตการคุ้มครอง

4 จำนวนการยื่นคำขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

5 จำนวนทรัพย์สินทางปัญญา แยกตามหน่วยงาน

6 พรบ.สิทธิบัตร (พ.ศ.2542) มาตรา ๑๑ สิทธิขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ซึ่งลูกจ้างได้ประดิษฐ์ขึ้น โดยการทำงานตามสัญญาจ้างหรือโดยสัญญาจ้างที่มีวัตถุประสงค์ให้ทำการประดิษฐ์ ย่อมตกได้แก่นายจ้างเว้นแต่สัญญาจ้างจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น ความในวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ลูกจ้างที่ทำการประดิษฐ์สิ่ง หนึ่งสิ่งใดด้วยการใช้วิธีการ สถิติหรือรายงานซึ่งลูกจ้างสามารถใช้หรือล่วงรู้ได้เพราะการเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างนั้นแม้ว่าสัญญาจ้างจะมิได้เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ มาตรา ๑๒ เพื่อส่งเสริมให้มีการประดิษฐ์และเพื่อความเป็นธรรมแก่ลูกจ้างในกรณีที่การประดิษฐ์ของลูกจ้างตามมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง ถ้านายจ้างได้รับประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือนำสิ่งประดิษฐ์นั้นไปใช้ ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษจากนายจ้างนอกเหนือจากค่าจ้างตามปกติได้ ให้ลูกจ้างที่ทำการประดิษฐ์ตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง มีสิทธิได้รับ บำเหน็จพิเศษจากนายจ้าง สิทธิที่จะได้รับบำเหน็จพิเศษจะถูกตัดโดยสัญญาจ้างหาได้ไม่ มาตรา ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการประดิษฐ์ของข้าราชการ หรือพนักงานองค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ให้ถือว่าข้าราชการ หรือพนักงานองค์การของรัฐหรือ รัฐวิสาหกิจมีสิทธิเช่นเดียวกับลูกจ้างตามความในมาตรา ๑๒ เว้นแต่ระเบียบของทางราชการหรือองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจนั้น จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

7 พรบ. ลิขสิทธิ์ (พ.ศ. 2537) มาตรา ๙ งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธินำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์แห่งการจ้างแรงงานนั้น มาตรา ๑๐ งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้างจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น มาตรา ๑๑ งานใดมีลักษณะเป็นการดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ผู้ที่ได้ดัดแปลงนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้ดัดแปลงตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ในงานของผู้สร้างสรรค์เดิมที่ถูกดัดแปลง มาตรา ๑๒ งานใดมีลักษณะเป็นการนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ มารวบรวมหรือประกอบเข้ากันโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือเป็นการนำเอาข้อมูลหรือสิ่งอื่นใดซึ่งสามารถอ่านหรือถ่ายทอดได้โดยอาศัยเครื่องกลหรืออุปกรณ์อื่นใดมารวบรวมหรือประกอบเข้ากัน หากผู้ที่ได้รวบรวมหรือประกอบเข้ากันได้รวบรวมหรือประกอบเข้ากันซึ่งงานดังกล่าวขึ้นโดยการคัดเลือกหรือจัดลำดับในลักษณะซึ่งมิได้ลอกเลียนงานของบุคคลอื่น ให้ผู้ที่ได้รวบรวมหรือประกอบเข้ากันนั้นมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้รวบรวมหรือประกอบเข้ากันตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ในงาน หรือข้อมูลหรือสิ่งอื่นใด ของผู้สร้างสรรค์เดิมที่ถูกนำมารวบรวมหรือประกอบเข้ากัน

8 สิ่งที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ (3)
ลิขสิทธิ์ทางปัญญา ลิขสิทธิ์ = ทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิ์ คุ้มครองการประดิษฐ์ ผลงานวิจัย ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นระหว่างสิทธิบัตรกับการตีพิมพ์ผลงานวิจัย สิทธิบัตรคุ้มครองเฉพาะ

9 ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา
สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ความลับทางการค้า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ต้องยื่นขอรับการคุ้มครอง ไม่จำเป็นต้องยื่นขอรับการคุ้มครอง (จดแจ้ง) จดแจ้ง อายุการคุ้มครอง 20/10 ปี อายุการคุ้มครอง ตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และต่ออีก 50 ปีนับจากที่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต ต่ออายุได้ทุกๆ 10 ปี ตราบเท่าที่ยังคงเป็นความลับอยู่ ตลอดไป (หากไม่ถูกระงับการใช้งาน) ตลอดไป คุ้มครอง การประดิษฐ์ (ผลิตภัณฑ์ กรรมวิธี และการใช้งาน) คุ้มครองผลงาน วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย ศิลปประยุกต์ นาฏกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ คุ้มครอง สัญลักษณ์ เครื่องหมาย สี กลุ่มของสี ตัวอักษร คุ้มครองข้อมูล ความลับทางการค้า เช่น สูตรการผลิต ฐานข้อมูลลูกค้า คุ้มครองผลผลิตที่มีความเกี่ยวโยงกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ องค์ความรู้ของกลุ่มบุคคลท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน

10 ลิขสิทธิ์คืออะไร สิทธิแต่ผู้เดียว(Exclusive rights) ที่จะกระทำการใดๆตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ กฎหมายลิขสิทธิ์จะคุ้มครองเฉพาะรูปแบบของการแสดงออกของความคิด (expression of ideas) ไม่คุ้มครองถึงตัวความคิดซึ่งยังไม่ได้ถ่ายทอดปรากฏออกมา งานลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องมีความใหม่ (novelty) ขอเพียงแต่ให้เกิดจากความคิดริเริ่มของตนเอง (original) ไม่ลอกเลียนแบบใคร กฎหมายคุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์มิให้ผู้อื่นลอกเลียนแบบหรือทำซ้ำ ตลอดจนห้ามมิให้มีการใช้ประโยชน์จากรูปแบบของการแสดงออกของความคิดของผู้สร้างสรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาต อายุการคุ้มครองของลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นการแสดงออกของความคิดจึงมีระยะเวลายาวนานกว่าการคุ้มครองตัวความความคิดซึ่งเป็นเรื่องของการคุ้มครองการประดิษฐ์ภายใต้กฎหมายสิทธิบัตร

11 งานใดบ้างที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครอง
งานสร้างสรรค์ประเภท “วรรณกรรมและศิลปกรรม” 9 ประเภท (1) วรรณกรรม เช่นหนังสือหรือสิ่งเขียนสิ่งพิมพ์ต่างๆ สุนทรพจน์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (software) ฯลฯ (2) นาฏกรรม เช่น ท่ารำ ท่าเต้น การแสดงโดยวิธีใบ้ ฯลฯ (3) ศิลปกรรม เช่น ภาพเขียน ภาพวาด ภาพถ่าย รูปปั้น สิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น (4) ดนตรีกรรม ได้แก่ งานเพลงต่างๆ คำร้อง ทำนอง และการเรียบเรียงเสียงประสาน (5) โสตทัศนวัสดุ เช่น วิดีโอเทป (6) ภาพยนตร์และเสียงประกอบของภาพยนตร์ (7) สิ่งบันทึกเสียง เช่น แผ่นเสียง เทป แผ่นซีดี เป็นต้น (8) งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หมายถึงการกระจายเสียงทางวิทยุกระจายเสียง และการกระจายภาพและเสียงทางวิทยุโทรทัศน์ (9) งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์หรือแผนกศิลปะ

12 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานหรือเพื่อให้ได้รับผลอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น บันทึกข้อมูลหรือดึงข้อมูลออกมาใช้ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต้องผ่านกระบวนการอ่าน ถึงแม้ว่ารูปแบบการแสดงออกของความคิดในเรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่อาจเข้าใจได้โดยการอ่านตามปกติของมนุษย์ แต่สามารถเข้าใจได้โดยตรงจากการอ่านของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเทียบได้กับการอ่านวรรณกรรมหนังสือของคนเราโดยทั่วไป

13 Patenting Software TIP 1: Do you really need a patent for your software-related invention? In many countries, computer programs (source or object code) are protected under copyright. Major advantage of copyright protection lies in its simplicity. Copyright protection does not depend on any formalities (registration or the deposit of copies.) International copyright protection is automatic (as soon as a work is created) Relatively long period of protection A patent must be applied in each country in which you seek patent protection. Comply with both formal and substantive requirements, and a patented invention shall be disclosed to the public. Legally and technically complex. Term of protection is much shorter(20 years from the filing date of the application) Costs for obtaining and enforcing a patent may be costly. Copyright protection extends only to expressions, and not to ideas, procedures, methods of operation or mathematical concepts as such. Copyright does not protect the “ideas” underlying the computer program, which often have considerable commercial value. Feasibility of using other types of intellectual property, such as trademarks, industrial designs and trade secret protection, may also be considered.

14 Patenting Software TIP 2: What do you wish to protect from your competitors? Identify the core part of your innovation. Software may be incorporated in a computer or an apparatus, such as a household appliance or a car. But often, such software is created, reproduced and distributed on media (such as diskettes, CD-ROMs or an online network) which are separate from the hardware. Software may provide technical functions, such as controlling a machine or regulating the room temperature. It may be used to monitor communication network systems or provide interfaces between a computer and a human being. Or, it may be used to process scientific, financial, economic or social data in order to, for example, explore a new scientific theory or seek the highest possible return on an investment. Depending on how the software is used together with the hardware, what you wish to protect from your competitor may differ. The core part of your software-related innovation may lie in an apparatus, a system, an algorithm, a method, a network, the processing of data or the software itself. Such considerations may help you assess the possibilities to obtain a patent for your innovation.

15 Patenting Software TIP 3: Is your innovation patentable? Not all types of software-related innovation can enjoy patent protection. (i) Invention must consist of patentable subject matter (ii) Invention must be capable of industrial application (or, in certain countries, be useful) (iii) Must be new (novel) (iv) Must involve an inventive step (be non-obvious); and (v) Disclosure of the invention in the patent application must meet certain formal and substantive standards In many countries, “inventions” are required to have a technical character, or to provide a solution using laws of nature. Thus, mere economic theories, methods of doing business, mathematical methods or computer programs as such are not patentable “inventions”. Invention must not be obvious to a person skilled in the art having regard to the prior art. It is not enough that the claimed invention is new, i. e., that it is different from what exists in the state of the art. But the difference between the claimed invention and the existing state of the art should be significant and essential to the invention. Therefore, it is most likely that it will not be possible to obtain a patent for a software-related innovation that simply replaces existing technical and physical solutions with the same solutions using software and a computer, insofar as such a replacement would be obvious to an average engineer in the relevant technical field

16 Patenting Software TIP 4: Do you need to protect your innovation abroad? Patentability requirements are not always the same in each country. In Europe, the European Patent Convention (EPC) expressly excludes “computer program per se” and “methods of doing business per se” from the patentable subject matter. Although there is no definition of the term “invention” in the EPC, it is generally understood that inventions under the patent law should have a technical character. For example, methods for controlling an industrial process, processing of data representing physical entities (temperature, size, shape etc.) and the internal functions of the computer itself are considered to have a technical character. A computer system used in the field of finance may have a technical character if the process is based on technical considerations relating to how a computer works (for example, improvement of security), rather than just on the consideration as to how the financial system works.

17 Patenting Software TIP 4: Do you need to protect your innovation abroad? Patentability requirements are not always the same in each country. On the other hand, in the United States of America (USA), there is no specific exclusion of software or business methods from patentable subject matter. The law states that the subject matter, to be patentable, must be a useful process, machine, manufacture or composition of matter. According to the US Supreme Court , the Congress intended the statutory patentable subject matter to include “anything under the sun made by man,” but the laws of nature, natural phenomena and abstract ideas are three specific areas which are not patentable. For example, the Court of Appeals for the Federal Circuit (CAFC) found that a software invention (mathematical algorithm) to create a smooth display of numeric data on an oscilloscope was patentable subject matter , because the claimed invention as a whole was a practical application of an abstract idea providing a “useful, concrete and tangible result.” Therefore, it may be that certain software-related innovations are considered as patentable subject matter in the USA, while the same innovations might fall outside of the scope of patentable subject matter in Europe or Japan. Source:

18 สิ่งใดบ้างที่ไม่ถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่ครอบคลุมถึงความคิด ขั้นตอน กรรมวิธี ระบบ วิธีใช้หรือวิธีทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ ข่าวประจำวันและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร ไม่ใช่ลักษณะของงานริเริ่มสร้างสรรค์ในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ รัฐธรรมนูญและกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐหรือของท้องถิ่น คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัยและรายงานของทางราชการ คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่กระทรวง ทบวง กรมหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น ตัวอย่างของสิ่งที่ไม่ถือเป็นงานลิขสิทธิ์ เช่น รายชื่อของผู้ใช้โทรศัพท์(จาก ก-ฮ)ในสมุดโทรศัพท์ ชื่อทั่วไป ชื่อเรื่อง วลีสั้นๆ คำขวัญ รูปแบบตัวหนังสือ เป็นต้น

19 สิทธิข้างเคียง (Neighboring Rights)
สิทธิที่คล้ายคลึงใกล้เคียงกับลิขสิทธิ์ เช่นสิทธิของนักแสดง (กลุ่มบุคคลซึ่งถ่ายทอดงานอันมีลิขสิทธิ์ให้แก่สาธารณชนได้รับชม ฟัง เช่น ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง นักเต้น นักรำ และผู้แสดงท่าทาง ร้อง กล่าว พากย์ ฯ) การคุ้มครองสิทธิของนักแสดง นักแสดงจะได้รับการคุ้มครองสิทธิแต่เพียงผู้เดียวเกี่ยวกับการแสดงของตน แพร่เสียงแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน ในการแสดงของตน บันทึกการแสดงที่ยังไม่มีการบันทึกไว้ ทำซ้ำสิ่งที่บันทึกการแสดง ที่บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์อื่น หรือสิ่งบันทึกการแสดงที่เข้าข้อยกเว้นการละเมิดสิทธิของนักแสดง นักแสดงยังได้รับการคุ้มครองสิทธิในกรณีที่มีการใช้ประโยชน์จากการแสดงของตน (secondary use) คือหากมีการนำเอาสิ่งที่บันทึกเสียงการแสดง ซึ่งได้นำออกเผยแพร่เพื่อการค้าแล้วไปแพร่เสียง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยตรง จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่นักแสดง (เว้นแต่จะตกลงไว้เป็นอย่างอื่น)

20 สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
กลุ่มของสิทธิ (bundle of rights) ซึ่งประกอบด้วยสิทธิใหญ่สองประการคือ สิทธิทางเศรษฐกิจ (economic rights) และ สิทธิทางศีลธรรม (moral rights) สิทธิทางเศรษฐกิจ (economic rights) เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการแก่งานของตนดังต่อไปนี้ ทำซ้ำ คือการคัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา ทำแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ ไม่ว่าโดยวิธีใด ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน และดัดแปลงคือการทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไข เพิ่มเติม หรือจำลองงานต้นฉบับในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เผยแพร่ต่อสาธารณชน คือการนำงานสร้างสรรค์ออกเผยแพร่ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชนโดยวิธีต่างๆ เช่นการแสดง การบรรยาย การทำให้ปรากฏด้วยเสียง ด้วยภาพ การก่อสร้าง การจำหน่าย เป็นต้น

21 สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
(3) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์และสิ่งบันทึกเสียง (4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น (5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ โดยจะกำหนดเป็นเงื่อนไขหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขที่กำหนดจะเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ สิทธิในทางศีลธรรม (moral rights) ธรรมสิทธิ์ ผู้สร้างสรรค์มีสิทธิที่จะแสดงตนว่าเป็นผู้สร้างสรรค์และห้ามมิให้มีการบิดเบือน ตัดทอน ดัดแปลง หรือกระทำการให้เกิดความเสียหาย ต่อชื่อเสียงของผู้สร้างสรรค์

22 การอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์และการโอนลิขสิทธิ์
การอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง เป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของผู้สร้างสรรค์ อาจอนุญาตบุคคลมากกว่าหนึ่งคนให้ใช้สิทธิได้ในเวลาเดียวกัน เว้นแต่จะมีการกำหนดเป็นหนังสือระบุเป็นข้อห้ามไว้ การโอนสิทธิ เจ้าของลิขสิทธิ์อาจโอนลิขสิทธิ์ทั้งหมดหรือบางส่วน โดยอาจมีกำหนดระยะเวลาหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ หากการโอนมิใช่เป็นทางมรดก เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน และหากในสัญญาโอนไม่ได้กำหนดระยะเวลาโอนไว้ ก็จะถือว่าการโอนนั้นมีกำหนดระยะเวลา 10 ปี

23 อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์
กฎหมายให้การคุ้มครองลิขสิทธิ์ในงานทั่วไปตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และต่อไปอีก 50 ปี หลังจากผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ จะมีอายุการคุ้มครอง 50 ปี นับตั้งแต่วันที่สร้างสรรค์ หากมีการนำงานออกโฆษณา โดยความยินยอมของเจ้าของลิขสิทธิ์ ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่การโฆษณาครั้งแรก ซึ่งนับในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ผู้สร้างสรรค์ใช้นามแฝง หรือกรณีของงานภาพถ่ายโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ งานศิลปะประยุกต์ หรืองานสร้างสรรค์โดยการจ้างหรือตามคำสั่งของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ หรือท้องถิ่น หรือกรณีที่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้มีการโฆษณานั้น

24 การละเมิดลิขสิทธิ์ ความหมาย: การที่บุคคลใดกระทำการใดแก่งานลิขสิทธิ์ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะกระทำได้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน แบ่งออกได้เป็น การละเมิดลิขสิทธิ์โดยทางตรง การทำซ้ำ ดัดแปลง การเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งในกรณีของโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง และโปรแกรมคอมพิวเตอร์รวมถึง การให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม ได้แก่การที่รู้หรือมีเหตุอันควรรู้อยู่แล้วว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แต่ยังกระทำการเพื่อหากำไรจากงานนั้น การกระทำดังกล่าว ได้แก่ การขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ การเผยแพร่ต่อสาธารณชน แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ การนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการใดๆ นอกจากเพื่อใช้เป็นการส่วนตัว

25 ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
หลักการ ต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ ต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร

26 มาตรา 32 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่งมิให้ถือว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (Download vs. Upload) (2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท (3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อมวลชน โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว (6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์การสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันการศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันการศึกษา ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร (8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ

27 ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ กฎหมายยังมิให้ถือว่าการกระทำต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลต่างๆ ดังต่อไปนี้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (1) การทำซ้ำโดยบรรณารักษ์ห้องสมุด (2) การนำเอางานนาฏกรรม หรือดนตรีกรรมออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมิได้หากำไร ไม่เก็บค่าชม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ได้ให้ค่าตอบแทนแก่นักแสดง และมีวัตถุประสงค์เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา หรือการสังคมสงเคราะห์ (3) การวาดเขียน การเขียนระบายสี การก่อสร้าง การแกะสลัก การพิมพ์ภาพ การถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์ การแพร่ภาพศิลปกรรมที่ตั้งเปิดเผยประจำอยู่ในที่สาธารณะนอกจากงานสถาปัตยกรรม (4) การวาดเขียน การเขียนระบายสี การแกะลายเส้น การปั้น การแกะสลัก การพิมพ์ภาพ การถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์ หรือการแพร่ภาพงานสถาปัตยกรรม (5) การถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์ หรือการแพร่ภาพงานใดๆ ซึ่งศิลปกรรมใดรวมเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย (6) การทำซ้ำบางส่วนของงานศิลปกรรมโดยผู้สร้างสรรค์ร่วม(ในกรณีมีผู้สร้างสรรค์หลายคน) หรือการใช้แบบพิมพ์ภาพร่าง แผนผัง แบบจำลอง หรือข้อมูลที่ได้จากการศึกษาที่ใช้ในการทำศิลปกรรมเดิมโดยมิได้ทำซ้ำ หรือลอกแบบในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ (7) การบูรณะสถาปัตยกรรมในรูปแบบเดิม (8) การนำภาพยนตร์ที่อายุการคุ้มครองสิ้นสุดลงแล้วออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานที่ใช้จัดทำภาพยนตร์นั้น (9) การทำซ้ำงานลิขสิทธิ์ที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการโดยเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ทั้งนี้การกระทำทั้ง 9 ประการต้องตั้งอยู่บนหลักการสำคัญ 2 ประการของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ดังได้กล่าวมาแล้ว

28 การใช้ลิขสิทธิ์ในพฤติการณ์พิเศษ
ถึงแม้ว่ากฎหมายลิขสิทธิ์จะกำหนดให้สิทธิการแปลหรือการดัดแปลงวรรณกรรมจาก ภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของผู้สร้างสรรค์ แต่กฎหมายก็ได้ กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิ(compulsory license) เพื่อให้บุคคลอื่นได้ใช้ “ลิขสิทธิ์ในพฤติการณ์พิเศษ” ได้หากการขออนุญาตแปลงานนั้นเข้าตามหลักเกณฑ์ที่ กฎหมายกำหนด -การให้สิทธิแก่ผู้มีสัญชาติไทยที่ประสงค์จะขอแปลงานต่างชาติเป็นภาษาไทยเพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนหรือค้นคว้าโดยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร ทั้งนี้ผู้นั้นจะต้องได้เคยขออนุญาตแปลหรือทำซ้ำสำเนางานแปลเป็นภาษาไทยจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ต้องไม่เคยมีการแปลงานนั้นเป็นภาษาไทย หรือไม่มีสำเนางานแปลของงานนั้นในท้องตลาดในระยะเวลา 3 ปี หลังจากโฆษณางานครั้งแรก หรือหลังจากจัดพิมพ์งานดังกล่าวครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณี โดยอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา จะเป็นผู้กำหนดค่าตอบแทนที่เป็นธรรมให้แก่เจ้าของสิทธิ อย่างไรก็ดีสำเนาคำแปลภาษาไทยจะถูกส่งออกไปนอกราชอาณาจักรไม่ได้เว้นแต่ผู้รับจะมีสัญชาติไทย และงานแปลที่ส่งออกไปนั้น จะต้องใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเรียน การสอนหรือค้นคว้า ไม่ใช่เพื่อการค้า และประเทศผู้ได้รับอนุญาตให้ไทยส่งงานแปลดังกล่าวไปประเทศนั้น

29 เกณฑ์การพิจารณาในการใช้งานลิขสิทธิ์
หลักการ ต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ ต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร เกณฑ์การพิจารณา (วัตถุประสงค์และลักษณะของการใช้งานลิขสิทธิ์) (1) การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าหรือหากำไร เช่นการนำเพลงของบุคคลอื่นไปทำเทปเพลงเพื่อขายแก่บุคคลทั่วไป หรืออาจารย์ผู้สอนถ่ายสำเนาตำราเรียนบางตอนเพื่อขายนักศึกษาในชั้นเรียนในราคาเกินกว่าต้นทุน เช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม (2) การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีเจตนาทุจริต เช่นการนำงานลิขสิทธิ์มาใช้โดยไม่อ้างอิงถึงที่มา หรือใช้ในลักษณะที่ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นงานของผู้ใช้งานลิขสิทธิ์นั้นเอง (3) เป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม โดยนำงานลิขสิทธิ์มาปรับเปลี่ยน (transform) ให้ต่างไปจากลิขสิทธิ์เดิมหรือมีการเพิ่มเติมสิ่งใหม่เข้าไป ซึ่งถ้าหากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมก็เป็นการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม เช่นการคัดลอกอ้างอิง(quote) ในงานวิจัยเพื่ออธิบายความคิดเห็นของผู้เขียน หรือการรายงานข่าวที่ย่อคำกล่าว (speech) หรือย่อบทความโดยการคัดลอกอ้างอิงมาเพียงสั้นๆ

30 เกณฑ์การพิจารณาในการใช้งานลิขสิทธิ์
ลักษณะของงานอันมีลิขสิทธิ์ พิจารณาระดับของการสร้างสรรค์งาน เช่นถ้าเป็นงานที่มีระดับของการสร้างสรรค์งานหรือใช้จินตนาการมาก เช่น นวนิยาย หรือเรื่องเล่าอัตชีวประวัติบุคคล หากผู้อื่นนำไปใช้โอกาสที่จะถือว่าเป็นการใช้ลิขสิทธิ์ที่ไม่เป็นธรรมจะมากกว่างานลิขสิทธิ์ที่ประกอบด้วยข้อเท็จจริงจำนวนมาก เช่นรายงานการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้น พิจารณาว่าเป็นงานที่มีโฆษณาแล้วหรือไม่ หากงานที่นำมาใช้งานเป็นงานที่ยังไม่มีการโฆษณาจะอ้างว่าเป็นการใช้ที่เป็นธรรมไม่ได้ เนื่องจากงานดังกล่าวผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นที่มีสิทธิที่จะเลือกว่าจะโฆษณางานของตนเมื่อใดก็ได้ แต่หากการใช้งานลิขสิทธิ์เป็นการใช้ที่มีการโฆษณาแล้ว อาจเป็นการใช้ที่เป็นธรรมได้

31 เกณฑ์การพิจารณาในการใช้งานลิขสิทธิ์
ปริมาณและเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญ หากนำงานลิขสิทธิ์ของคนอื่นมาใช้ในปริมาณมาก ก็ถือว่าเป็นการใช้ที่ไม่เป็นธรรม หรือในกรณีที่นำงานลิขสิทธิ์ของคนอื่นมาใช้แม้ปริมาณน้อยก็อาจเป็นการละเมิดได้หากส่วนนั้นเป็นส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือหัวใจของงานชิ้นนั้น ผลกระทบต่อตลาดหรือมูลค่าของงานอันมีลิขสิทธิ์ การใช้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นจะต้องไม่มีผลให้งานลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นดังกล่าวขายไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีผลกระทบหรือกระทบเพียงเล็กน้อย ก็อาจถือว่าเป็นการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรมได้ ในกรณีที่เป็นงานวรรณกรรมที่ไม่ได้พิมพ์จำหน่ายมาเป็นเวลานานแล้ว การใช้งานดังกล่าวก็จะไม่กระทบตลาดของเจ้าของลิขสิทธิ์ เพราะไม่ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์ดังกล่าวขายงานของตนเองไม่ได้ เนื่องจากหนังสือไม่มีขายในท้องตลาดแล้ว

32 การใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรมในการเรียนการสอน
ลักษณะการใช้งานลิขสิทธิ์ในการเรียนการสอน ในการวิจัยหรือศึกษางานอาจมีการทำซ้ำงานวรรณกรรม เช่น บทความ ข้อความจากหนังสือ หรืองานศิลปกรรม(เช่นรูปภาพ) จากงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอน ซึ่งกฎหมายลิขสิทธิ์กำหนดให้การกระทำลักษณะต่างๆ ดังกล่าว เป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ และเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางการศึกษา กฎหมายจึงกำหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนได้ตามสมควร เช่น การทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอน หรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันการศึกษา เพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอน หรือนำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ

33 เกณฑ์การพิจารณา คำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานลิขสิทธิ์ทั้งหมด 4 ประการประกอบกัน วัตถุประสงค์และความเหมาะสมในการใช้งานลิขสิทธิ์ ลักษณะของงานลิขสิทธิ์ ปริมาณการใช้งานและสัดส่วนของงาน ผลกระทบต่อการตลาดหรือมูลค่าของลิขสิทธิ์

34 ปริมาณการใช้งานลิขสิทธิ์
ภาพยนตร์และโสตทัศนวัสดุ การนำออกฉาย ผู้สอนนำออกให้ให้ผู้เรียนในชั้นเรียนชมได้ไม่จำกัดความยาวและจำนวนครั้ง ภายใต้เงื่อนไขดังนี้ สำเนางานที่นำออกฉายต้องเป็นสำเนาที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง เป็นการนำออกฉายในชั้นเรียนโดยไม่แสวงหากำไร เป็นการนำออกฉายเพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนโดยตรง การทำสำเนา ผู้สอนทำสำเนาทั้งเรื่องที่จำเป็นต้องใช้เพื่อประโยชน์ในการสอน ณ ขณะนั้นได้ หากได้พยายามใช้วิธีการและมีระยะเวลาอันสมควรแล้ว แต่ไม่สามารถจัดซื้อจัดหาสำเนาภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายได้ ผู้เรียนทำสำเนาภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุเพื่อใช้ในการศึกษาได้ไม่เกินร้อยละ 10 หรือ 3 นาที ของงานแต่ละผลงาน (แล้วแต่ว่าจำนวนใดน้อยกว่ากัน) ทั้งนี้ภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุที่ใช้ในการจัดทำสำเนานั้นต้องมีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย

35 ปริมาณการใช้งานลิขสิทธิ์
งานแพร่เสียงแพร่ภาพ (เช่นรายการวิทยุ โทรทัศน์) ผู้สอนทำสำเนาและฉายงานแพร่เสียงแพร่ภาพหรือเทปบันทึกภาพงานเพื่อการเรียนการสอนได้ โดยสถาบันการศึกษาใช้เทปบันทึกภาพงานดังกล่าวได้ระยะเวลาหนึ่งปีการศึกษาหรือสามภาคเรียน ดนตรีกรรม การทำสำเนา ผู้สอนทำสำเนาในกรณีเร่งด่วนเนื่องจากไม่สามารถซื้อสำเนางานที่มีลิขสิทธิ์มาใช้ได้ทันการแสดงที่จะมีขึ้น ทั้งนี้จะต้องจัดซื้อสำเนางานที่มีลิขสิทธิ์มาใช้ทันทีที่ทำได้ ผู้สอนทำสำเนาหนึ่งชุดหรือหลายชุดจากท่อนใดท่อนหนึ่งของงานเพื่อการศึกษา ไม่ใช่เพื่อนำออกแสดง ทั้งนี้ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของแต่ละงาน และไม่เกิน 1 สำเนาต่อผู้เรียน 1 คน ผู้สอนทำสำเนาสิ่งบันทึกเสียงของงานเพลง จำนวน 1 ชุด โดยสำเนาจากสิ่งบันทึกเสียงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้สอนหรือสถาบันการศึกษานั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์งานสิ่งบันทึกเสียงดังกล่าว เพื่อจัดทำเป็นแบบฝึกหัดสำหรับการร้อง การฟัง หรือเพื่อใช้ในการเรียนการสอน

36 ปริมาณการใช้งานลิขสิทธิ์
ดนตรีกรรม การดัดแปลง ดัดแปลงสำเนางานเพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนได้ แต่จะดัดแปลงคุณลักษณะสำคัญของงาน รวมถึงเนื้อร้องไม่ได้ รูปภาพและภาพถ่าย ใช้ได้อย่างน้อย 1 ภาพแต่ไม่เกิน 5 ภาพต่อผู้สร้างสรรค์ 1 ราย หรือร้อยละ 10 ของจำนวนภาพของผู้สร้างสรรค์ 1 ราย (แล้วแต่ว่าจำนวนใดน้อยกว่ากัน) ผู้สอนและผู้เรียนดาวน์โหลดภาพจากอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ในการศึกษาได้ในปริมาณเท่ากับข้างต้น แต่จะ upload งานนั้นกลับขึ้นบนอินเทอร์เน็ตไม่ได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์

37 ปริมาณการใช้ลิขสิทธิ์
วรรณกรรม สิ่งพิมพ์ การทำสำเนา 1 ชุดสำหรับผู้สอนเพื่อใช้ในการสอน หรือเตรียมการสอน หรือเพื่อใช้ในการวิจัย 1 บท (chapter) จากหนังสือ 1 เล่ม บทความ (article) 1 บท จากนิตยสาร/วารสาร หรือหนังสือพิมพ์ เรื่องสั้น (short story) หรือเรียงความขนาดสั้น (short essay) 1 เรื่อง บทกวีขนาดสั้น (short poem) 1 บท ไม่ว่าจะนำมาจากงานรวบรวมหรือไม่ก็ตาม แผนภูมิ (chart) กราฟ แผนผัง (diagram) ภาพวาด (painting) ภาพลายเส้น (drawing) การ์ตูน รูปภาพ (picture) หรือภาพประกอบหนังสือ (illustration) จากหนังสือ นิตยสาร/วารสาร หรือหนังสือพิมพ์จำนวน 1 ภาพ

38 ปริมาณการใช้ลิขสิทธิ์
การทำสำเนาจำนวนมากเพื่อใช้ในห้องเรียน ทำได้ไม่เกิน 1 ชุดต่อนักเรียน 1 คน โดยผู้สอน เพื่อใช้ในการเรียนการสอนหรือการอภิปรายในห้องเรียน โดยสำเนาที่ทำขึ้นจะต้องไม่ยาวจนเกินไป และต้องมีการระบุรับรู้ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ไว้ในสำเนาทุกฉบับด้วยดังนี้ ร้อยกรอง บทกวี ที่ไม่เกิน 250 คำและเมื่อพิมพ์แล้วไม่เกิน 2 หน้า (หน้าละ 2000 ตัวอักษร ขนาด 16) หรือ บทกวีขนาดยาว ตัดตอนมาได้ไม่เกิน 250 คำ ร้อยแก้ว บทความ 1 บท เรื่อง 1 เรื่อง หรือเรียงความ 1 เรื่อง หรือไม่เกิน 2500 คำ ตอนใดตอนหนึ่งของร้อยแก้วซึ่งไม่เกิน 1000 คำ หรือร้อยละ 10 ของงานนั้น(แล้วแต่ว่าจำนวนใดน้อยกว่ากัน) แต่ได้อย่างน้อย 500 คำ (ยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม เช่นจบบทกวี) แผนภูมิ กราฟ แผนผัง ภพวาด ภาพลายเส้น การ์ตูน รูปภาพ หรือภาพประกอบหนังสือจากหนังสือนิตยสาร/วารสาร หรือหนังสือพิมพ์ จำนวน 1 ภาพ งานที่มีลักษณะเฉพาะงานที่อยู่ในรูปร้อยกรองหรือร้อยแก้ว หรือผสมผสานกันซึ่งมักจะมีภาพประกอบ อาทิ หนังสือเด็ก ทำทั้งฉบับไม่ได้ แต่ใช้ได้ไม่เกิน 2500 คำ และทำสำเนาตอนหนึ่งตอนใดของงานได้ไม่เกิน 2 หน้าพิมพ์ของงานนั้น หรือไม่เกินร้อยละ 10 ของคำที่ปรากฏในงานนั้น งานของผู้สร้างสรรค์คนเดียวกัน ทำสำเนาบทกวี บทความ เรื่อง หรือเรียงความ ได้ไม่เกิน 1 เรื่อง หรือสามารถตัดตอนมาจากผลงานของผู้สร้างสรรค์คนเดียวกันได้ไม่เกิน 2 ตอน หรือทำสำเนาผลงานได้ไม่เกิน 3 เรื่องจากงานรวบรวมเล่มเดียวกัน หรือจากนิตยสาร/วารสารรวมเล่ม ในเวลา 1ภาคการศึกษา

39 การรับรู้ความเป็นเจ้าของสิทธิ์
ตัวอย่าง ภาพยนตร์และโสตทัศนวัสดุ ชื่อผู้สร้างสรรค์ ภาพจากภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุเรื่อง ปีที่ผลิต ดนตรีกรรม ผู้แต่งคำร้อง/ทำนอง/ผู้เรียบเรียงเสียงประสาน ชื่อเพลง วรรณกรรม ชื่อผู้แต่ง ชื่อบรรณาธิการ(ถ้ามี) (ปีที่พิมพ์) ชื่อหนังสือ ครั้งที่พิมพ์ สถานที่พิมพ์: สำนักพิมพ์/โรงพิมพ์/เจ้าของลิขสิทธิ์

40 เอกสารอ้างอิง ความรู้ลิขสิทธิ์: ลิขสิทธิ์คืออะไร กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2547 คู่มือการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

41 วงจรทรัพย์สินทางปัญญา
Creation Protection Utilization Enforcement

42 การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (IP Management)
องค์ประกอบของการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายและวิสัยทัศน์ด้านทรัพย์สินทางปัญญา กำหนดทิศทาง แนวทางในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กร ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรควรให้ความสำคัญและมีการสื่อสารให้บุคคลากรภายในองค์กรทราบ ควรสอดคล้องกับนโยบายหลักขององค์กร เช่น นโยบายด้านการวิจัยและพัฒนา นโยบายพัฒนาบุคลากร เป็นต้น กฎระเบียบทรัพย์สินทางปัญญา กำหนดกรอบและแนวปฏิบัติให้แก่บุคลากร บุคลากรด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ผู้สร้างสรรค์ (นักวิจัย วิศวกร) ผู้อำนวยการวิจัย ผู้บริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา นักทรัพย์สินทางปัญญา (ตัวแทนสิทธิบัตร นักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา นักพัฒนาธุรกิจ) คณะกรรมการทรัพย์สินทางปัญญา คัดเลือกผลงานเพื่อขอรับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (ทั้งในและต่างประเทศ) ให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และยุติข้อพิพาท

43 การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ในช่วงการสร้างสรรค์ (Creation)
การทำแผนที่สิทธิบัตร (Patent Mapping) กำหนดทิศทางและขอบเขตการวิจัย ป้องกันการละเมิดสิทธิบัตร การตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการสร้างสรรค์ (IP Clearance towards freedom to operate) ตรวจสอบว่าโครงการวิจัยที่จะดำเนินการนั้น ผลงานวิจัยที่ได้มาจะนำไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ โดยการตรวจสอบสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง สัญญาเพื่อการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา สัญญาสนับสนุนการวิจัย (in-house research agreement) สัญญารับจ้างวิจัย (contract research agreement) สัญญาร่วมวิจัย (collaborative research agreement) มาตรการในการเก็บรักษาความลับ (confidential or non-disclosure measure การบันทึกผลงานวิจัย (Laboratory notebook) :Good laboratory practice

44 การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อการคุ้มครอง (Protection)
แสวงหาการคุ้มครองที่เหมาะสมเพื่อให้ได้มาถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา การเปิดเผยการวิจัยต่อหน่วยงาน (Disclosure of invention) การตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญา (IP audit) การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา การโอนสิทธิ การมอบอำนาจ


ดาวน์โหลด ppt ทรัพย์สินทางปัญญา:สิ่งที่ท่านอาจยังไม่รู้

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google