สร้อยฟ้า : ตัวละครพลัดถิ่นในบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน Soifa : A Diaspora in Khun Chang Khun Phaen ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชุมสาย สุวรรณชมภู
วรรณคดีวิจารณ์แนวโพสต์โคโลเนียล (Postcolonial Literary Theory) การจากมาตุภูมิ การสูญเสียอัตลักษณ์ การแย่งชิงพื้นที่
............................ นางโฉมยงองค์นี้เป็นลูกหลวง พึ่งเป็นสาวรุ่นร่างกระจ่างดวง ดูสองถันนั้นเป็นพวงผกาทิพย์ เหมือนโกมุทพึ่งผุดหลังชลา พอต้องตาเตือนใจจะให้หยิบ เจ้าพลายแลเล็งเพ่งไม่พริบ พ่อกระซิบห้ามปรามก็ขามใจ สนิทนิ่งเหนือหมอนดังท่อนแก้ว พระพักตร์แผ้วมิได้มีรอยฝีไฝ งามขนงก่งค้อมละม่อมละไม แต่เนตรหลับยังวิไลประหลาดนาง นาสิกตละทรงพระแสงขอ โอษฐ์ลออเรี่ยมริมเหมือนจิ้มฝาง สองปรางอย่างผิวผลมะปราง ดูทรงศอคอคางอย่างกลึงกลม งามระหงทรงศรีไม่พีผอม เพริศพร้อมแต่บาทจนถึงผม กระหมวดมุ่นเกศาก็น่าชม ปักปิ่นทองถมราชาวดี (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 128)
เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังรับสั่งโปรด ปราโมทย์ดังจะเหาะขึ้นเวหา ก้มกราบทูลพระองค์ทรงศักดา ขอรองพระบาทากว่าจะตาย ไปเบื้องหน้าถ้าจะทำให้เคืองขัด แม้นเป็นสัตย์จงประหารให้ฉิบหาย ตัวจำนำคำรับไม่กลับกลาย ขอถวายบุตรไว้ใต้บาทา (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 170)
อัตลักษณ์ทางสังคม ซึ่งลูกสาวในอกยกให้ข้า ก็ขอบใจหนักหนาเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งลูกสาวในอกยกให้ข้า ก็ขอบใจหนักหนาเจ้าเชียงใหม่ แค่เห็นหน้าข้าก็นึกตั้งใจไว้ จะขอสร้อยฟ้าให้กับอ้ายพลาย มันน่าชมสมกันนี่กระไร ลูกสาวเจ้าเชียงใหม่ก็เฉิดฉาย อ้ายพลายงามความรู้ก็เลิศชาย จะได้เป็นสุขสบายทั้งสองรา อย่าเสียใจว่าได้กับต่ำศักดิ์ อ้ายพลายงามก็รักเหมือนลูกข้า เป็นหัวหมื่นมหาดเล็กเด็กชา จงนึกว่าเราทั้งสองเกี่ยวดองกัน (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 170)
เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังรับสั่งขอ รันทดท้อฤทัยให้ไหวหวั่น เสียดายศักดิ์สุริยวงศ์พงศ์พันธุ์ อัดอั้นมิใคร่ออกซึ่งวาจา นึกถึงสร้อยฟ้านิจจาเอ๋ย ไม่ควรเลยจะระคนลงปนข้า ครั้นขัดก็จะเคืองเบื้องบาทา จึงกราบทูลพระกรุณาด้วยจำใจ (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 170)
ทองประศรีร้องว่าอีห่าลาว ทำฉาวเจียวอีหมาขี้เรื้อนเปื้อน ทองประศรีร้องว่าอีห่าลาว ทำฉาวเจียวอีหมาขี้เรื้อนเปื้อน เทแป้งแกล้งให้เปรอะเลอะทั้งเรือน กระทะกระท่อยต่อยเกลื่อนลาวจัญไร (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 266) หรือ ท่านย่าว่าเหม่มาเปรียบเปรย เหวยอีลาวปากคอมันหนักนัก ก็เพราะมึงอึงฉาวอีลาวโลน ร้องตะโกนก้องบ้านอีคานหัก อีเจ็ดร้อยหมาเบื่อมันเหลือรัก ทำฮึกฮักมี่ฉาวอีลาวดอน (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 268)
อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม สร้อยฟ้าศรีมาลาว่าเจ้าคะ ตั้งกระทะก่อไฟอยู่อึงมี่ ต่อยไข่ใส่น้ำตาลที่หวานดี แป้งมีเอามาปรุงกุ้งสับไป ศรีมาลาละเลงแผ่นบางบาง แซะใส่จานวางออกไปให้ สร้อยฟ้าไม่สันทัดอึดอัดใจ ปามแป้งใส่ไล้หน้าหนาสิ้นดี (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 265)
พลายชุมพลจึงว่าพี่สร้อยฟ้า ทำขนมเบื้องหนาเหมือนแป้งจี่ พระไวยตอบว่าหนาหนาดี ทองประศรีว่ากูไม่เคยพบ ลาวทำขนมเบื้องผิดเมืองไทย แผ่นผ้อยมันกระไรดังต้มกบ แซะม้วนเข้ามาเท่าขาทบ พลายชุมพลดิ้นหรบหัวร่อไป (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 365)
การแย่งชิงพื้นที่ : การทำเสน่ห์ ทำไมไม่เป็นเจ้าขึ้นในบ้าน ใครขัดสนจะได้คลานมาพึ่งเจ้า อย่าเพ่อเหยียบเสียให้ยับจนสับเงา มิได้ตีเมืองเรามาเป็นน้อย (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 271)
จริงอยู่คะข้ามันเชลยเมือง อย่ายกเรื่องเลยเขาลือออกอื้อฉาว พอกองทัพไปถึงอึงเกรียวกราว ค่ำลงเขาจับฉาวที่ในเรือน ทัพกลับก็จับเชลยซ้ำ ช่างปิดงำความร้ายให้หายเงื่อน สงวนพรหมจารีมิต้องเตือน พอดึกหน่อยก็ค่อยเคลื่อนขึ้นไปเอง (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 272)
ตัวข้าหัวเดียวกระเทียมเน่า ทีว่าเราใครหาได้ยินไม่ ช่วยกันถมให้จมทุกด้านไป ครั้นเถียงบ้างก็จะไล่เข้าตบตี (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 274) หรือว่า โอ้ว่าอนิจจาตัวกูเอ๋ย ไม่คิดเลยเมื่อพ่อพามาถวาย จะถูกทั้งตีด่าประดาตาย แสนอายสุดอย่างแล้วครั้งนี้ พ่อแม่อยู่ไกลไม่เหลียวเห็น จะได้ใครผ่อนเข็ญให้กูนี่ จะพึ่งผัวดังเอาตัวทุ่มอัคคี เขาขยี้เหยียบยับดังสับปลา (เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม 2 : หน้า 275)
ผลกระทบจากการแย่งชิงพื้นที่ คนพลัดถิ่นผู้เป็นตัวละครปรปักษ์ ผลกระทบจากการแย่งชิงพื้นที่ คนพลัดถิ่นผู้เป็นตัวละครปรปักษ์