ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง “เพลงชาติ” ของ นภาลัย สุวรรณธาดา
ผูกหัวใจให้สนิทด้วยคิดถึง ไม่มีครึ่งมีแต่เข้มและเต็มค่า เชื่อมหนทางสร้างสะพานกาลเวลา ข้ามขอบฟ้าพบกันนิรันดร “คิดถึง” ของ นภาลัย สุวรรณธาดา
คนอับโชคพบประเด็นเป็นสุขนัก วันซึ่งเธอที่รักทิ้งผลักไส จากวันนี้..และนับรอวันต่อไป มีคนให้ ฉันคิดถึง..อีกหนึ่งคน “โชคของคนอับโชค” ของ รัตนธาดา แก้วพรหม
จึงบินหลาจากดงบินหลงฟ้า โดนแดดกล้าลมแรงแข่งไม่ไหว ค่ำคืนนี้เหน็บหนาวกว่าคราวใด จะหลบนอนที่ไหน..ยังไม่รู้? “บินหลาดงบินหลงฟ้า” ของ รัตนธาดา แก้วพรหม
นั่งเก้าอี้แถวหน้ายศถาสูง อย่าถูกจูงด้วยอำนาจนำชาติล่ม ทำหน้าที่สร้างหวังให้สังคม อยู่ใต้ร่มบารมีจักรีไทย นั่งแถวหน้าเป็นตัวอย่างคนข้างหลัง อย่าเผลอพลั้งรู้คิดทำนำสมัย หากมิมีคุณธรรมนำจิตใจ นั่งแถวไหนก็ไร้ค่าพาชาติพัง “เก้าอี้แถวหน้า” ของ เกียรติศักดิ์ ดอกบัว และเพื่อน
ลูกน้อยรอดกอดกกบนอกแม่ แม่มันแลก่อนดับจิตคิดใจหาย เหมือนจะสั่งฝังฝากปากแย้มพราย ว่า “ฉันตายฝากลูกน้อย..หน่อยนะพราน” “คำสั่งแม่” ของ อรรถกร ถาวรมาศ
กลางนาทีวิกฤติชีวิตนั้น จริงหรือฝันไม่อาจแยกให้แตกต่าง สมองอื้อสับสนไร้หนทาง เหมือนโหวงเหวงเคว้งคว้างอยู่กลางฟ้า
เหตุเกิดครั้งไปธุระชายแดนใต้ ถึงหวาดหวั่นพรั่นไหวไม่ปรารถนา แต่จำเป็นจำไปไม่รอรา เพื่อนอาสาติดตามอีกสามคน ขับรถฝ่าป่าไกลใจยิ่งเปลี่ยว พอรถเลี้ยวลับโค้งคุ้งถนน หัวรถส่ายต่างระวังใจกังวล ยางรถยนต์เป็นเหยื่อโดนเรือใบ
พอยางแบนแอบทางจอดข้างหน้า ชุดโม่งดำก็กรูมาจากป่าใหญ่ ปืนจับจ้องจ่อร่างระวางภัย เสียงลั่นไก ปัง ปัง ปัง ดังระงม โดยมิทันร้องขอต่อชีวิต เพื่อนทั้งสามถูกปลิดชีวิตถล่ม เลือดแดงสาดอุจาดตาเฉือนอารมณ์ ก่อนสิ้นลมกระเสือกสนทุรนทุราย
เฮ้อ..รอดตาย ตกใจตื่นก่อนปืนดัง ! ถึงนาทีวิกฤติชีวิตฉัน ปากปืนมันเล็งมาหาเป้าหมาย ฉันกลั้นใจพร้อมเป็นเหยื่อเหงื่อท่วมกาย เฮ้อ..รอดตาย ตกใจตื่นก่อนปืนดัง ! รัตนธาดา แก้วพรหม