音樂:鋼琴曲 with you โปรดเปิดเครื่องเสียง คนแปลกหน้า 音樂:鋼琴曲 with you โปรดเปิดเครื่องเสียง 文/李家同 File courtesy: Bundit Feng Translator: Udom Pang
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อนแล้ว ขณะนั้นข้าพเจ้ารับมอบหมายให้ไปรับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องรับการอบรม 3 สัปดาห์ บริษัทจึงจัดให้เราอยู่ในโรงแรมพิเศษแห่งหนึ่ง
โรงแรมตั้งอยู่ริมแม่น้ำในวอชิงตัน มีบริเวณสวนที่กว้างใหญ่มาก สิ่งก่อสร้างเป็นแบบในยุคอาณานิคม แม้แต่เครื่องเรือนก็รักษาให้เข้ากับยุคนั้น ยังจำได้ว่าในห้องพักมีเครื่องเคลือบขนาดใหญ่เป็นเหยือกสำหรับล้างมือได้
หนึ่งทุ่มตอนหัวค่ำทุกวัน ทางโรงแรมจะสั่นกระดิ่งแสดงว่าถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว แขกทุกคนจะลงไปกินข้าวที่ชั้นล่าง เจ้าของโรงแรมเป็นสุภาพสตรี จะกินข้าวร่วมกับเราและคุยกันสนุกสนานในบรรยากาศเป็นกันเอง
ข้าพเจ้าไม่ชอบอาหารฝรั่ง แต่ก็สนุกกับอาหารมื้อค่ำทุกวัน อยู่มาไม่นาน ก็สังเกตเห็นว่า มีคุณยายคนหนึ่งเป็นแขกพักประจำห้องๆหนึ่ง ช่วงเย็นทุกวันจะเดินเล่นในสวน โดยมีพนักงานชายคิดตามคอยดูแลอย่างเงียบๆ
คุณยายผู้นี้โอบอ้อมอารี ยิ้มให้กับทุกคนโดยไม่อาจแทรกในวงสนทนาของเรา ทุกครั้งเมื่อกินข้าวเสร็จ เธอจะกล่าวขอบคุณและขอตัวไปก่อน ทุกคนก็จะลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงมารยาทในฐานะที่เธอเป็นผู้อาวุโส และเจ้าของโรงแรมก็จะส่งเธอกลับไปยังห้องพัก
พวกเราเพื่อนร่วมงานต่างสนใจในตัวเธอ เพราะทราบดีว่าการพักโรงแรมระยะยาวต้องใช้จ่ายแพง และคุณยายคนนี้ก็ดูไม่เหมือนคนมีเงิน เธอไม่เคยวางมาด และสุภาพอ่อนโยนกับทุกคน ทุกครั้งที่พนักงานเติมอาหารให้ เธอจะขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
คืนวันหนึ่งราวๆห้าทุ่มกว่า มีเสียงแตกตื่นทั่วโรงแรม มูลเหตุคือคุณยายหายตัวไป มีผู้คนออกไปตามหาในความมืด เสี่ยวเฉินกับข้าพเจ้าเห็นว่ามีอยู่สิบกว่าคนตามหาในสวน เราจึงตัดสินใจขับรถออกไปตามหาข้างนอก
เราวนขวาเข้าถนนใหญ่ ประจวบเหมาะเจอคุณยายพอดี เธอจำเราสองคนได้และยอมขึ้นรถกับเรา เรากลับไปยังโรงแรมเหมือนวีรชนโดยได้รับความชื่นชมจากทุกคน เจ้าของโรงแรมเห็นคุณยายกลับมาโดยสวัสดิภาพ ก็ดีอกดีใจ
คุณยายยังคงกล่าวขอบคุณและยิ้มกับทุกคน เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าของโรงแรม เธอพูดว่า “ต้องขอบคุณจริงๆ คุณไม่รู้จักฉัน ยังดีต่อฉันขนาดนี้ ให้ฉันอยู่ห้องพักฟรี หากไม่มีคุณละก็ ฉันไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” เจ้าของโรงแรมได้ยินดังนั้นแทบจะเป็นลม หลบเข้าไปยังห้องข้างเคียงร้องไห้โฮ
เสี่ยวเฉินกับข้าพเจ้าไม่เข้าใจอากัปกิริยาตอบสนองของเจ้าของโรงแรมเลย จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นตอนกินอาหารเช้า เจ้าของโรงแรมมาหาเราเพื่อขอบคุณพร้อมกับอธิบายว่า คุณยายผู้นี้คือแม่เธอเอง เป็นโรคอัลไซเมอร์ จำลูกสาวตัวเองไม่ได้ คิดว่าเป็นคนแปลกหน้า
ดังนั้น คุณยายจึงเข้าใจว่าตัวเองมีบุญวาสนา มีคนแปลกหน้ามาดูแลตัวเองให้อยู่อย่างมีความสุขในวัยชรา มิน่าเล่าเจ้าของโรงแรมฟังคำพูดของคุณยายแล้ว รู้สึกเสียใจจนแทบลมจับ
ไม่นานเราก็จากอเมริกา หลังจากนั้นอีก 3 ปี ข้าพเจ้าไปดูงานที่วอชิงตัน..... บ่ายวันหนึ่งว่างจากธุระ จึงขับรถไปเยือนโรงแรมที่เคยพัก โรงแรมยังเหมือนเดิมทุกอย่าง มีแขกมากมาย เจ้าของโรงแรมเห็นหน้าก็จำได้ ชวนข้าพเจ้าพักดื่มกาแฟ
เธอเล่าว่า แม่เธอเสียแล้ว ก่อนเสียชีวิต คุณแม่มีอารมณ์ดีโดยตลอด เพราะเข้าใจว่าทุกคนเป็นคนแปลกหน้าที่รักใคร่เธอ คุณแม่จากไปอย่างสงบโดยไม่มีอาการเจ็บปวด
ข้าพเจ้าถามเจ้าของโรงแรมว่า รู้สึกเสียใจไหมที่คุณแม่จำเธอไม่ได้ เธอตอบว่า ระยะแรกก็รู้สึกเสียใจ ต่อมาก็ทำใจได้ เพราะคุณแม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ตลอดเวลาสำคัญผิดว่ามีคนแปลกหน้ามาช่วยดูแล จึงมีจิตใจสุขสันต์
หลังจากคุณแม่สิ้นบุญ เจ้าของโรงแรมเริ่มชีวิตใหม่โดยอุทิศเวลาว่างเป็นอาสาสมัครดูแลคนแปลกหน้า เพราะเชื่อว่าทำเช่นนี้จะนำความสุขแก่คนมากมาย
เจ้าของโรงแรมพาข้าพเจ้าไปดูสถานเลี้ยงคนชราแห่งหนึ่ง พร้อมกับนำเอาเค้กและขนมปังซึ่งทางโรงแรมทำเสร็จสดๆ ติดมือไปด้วย คนชราเห็นเธอมาดีใจกันใหญ่ ขณะนั้นได้เวลาดื่มชาช่วงบ่ายพอดี เธอแจกจ่ายเค้กและขนมปังแก่คนชรา ส่วนน้ำชากาแฟทางสถานเลี้ยงคนชราจัดให้
กลิ่นหอมกรุ่นของขนมสดจากเตาฟุ้งกระจายทั่วไป เจ้าของโรงแรมสั่งให้ข้าพเจ้าปรนนิบัติเหล่าคนชราพร้อมกับเธอด้วย ข้าพเจ้ารู้สึกสุขใจที่ได้รับความชื่นชมจากเหล่าคนชรา และเข้าใจลึกซึ้งว่าทำไมเจ้าของโรงแรมจึงชอบให้บริการแก่คนแปลกหน้า
ข้าพเจ้าทราบดีว่า คนแปลกหน้าเมื่อได้รับบริการจะรู้สึกขอบคุณแล้วก็ดีใจ การให้บริการแก่คนแปลกหน้า จะไม่ได้สิ่งตอบแทนที่เป็นวัตถุเลย แต่เมื่อเห็นคนอื่นมีความสุขเช่นนี้ เราก็ไม่แคล้วมีความสุขด้วย
ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็เริ่มงานอาสาสมัคร การเป็นอาสาสมัครคือให้บริการแก่คนแปลกหน้าถ่ายเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของผู้รับบริการ และผู้รับบริการก็ไม่รู้ว่าเราคือใคร
บางครั้งน่าจะลองคิดดู.......... สมมุติในโลกนี้ไม่มีใครต้องปฏิบัติดีต่อเราเลย ไม่ว่าคนในครอบครัวหรือมิตรสหายก็ตามที เมื่อเราถือเสมือนว่าผู้ที่ดีต่อเราเป็นคนแปลกหน้า เราก็จะถนอมรักใคร่ยิ่งขึ้นต่อผู้ที่ห่วงใยเรา จงถนอมบุญวาสนาที่ได้มาไม่ง่ายนัก... จงถนอมความสุขเกษมสันต์ที่ตนมีอยู่...