ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยKimnai Iemtadanai ได้เปลี่ยน 10 ปีที่แล้ว
2
Matthew 11 Messengers from John the Baptist
3
1 When Jesus had finished instructing his twelve disciples, he went on from there to teach and preach in their cities. 1 เมื่อพระเยซูตรัสสั่งสาวก สิบสองคนของพระองค์ เสร็จแล้ว พระองค์ได้ เสด็จจากที่นั่นไปสั่งสอน และประกาศในเมืองของ เขา
4
2 Now when John heard in prison about the deeds of the Christ, he sent word by his disciples 2 ฝ่ายยอห์นเมื่อติดอยู่ใน เรือนจำ ได้ยินถึงกิจการ แห่งพระคริสต์ก็ได้ใช้ศิษย์ ไป
5
3 and said to him, “Are you the one who is to come, or shall we look for another?” 3 ทูลถามพระองค์ว่า “ ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือจะต้องคอยผู้อื่น ”
6
4 And Jesus answered them, “Go and tell John what you hear and see: 4 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบ ศิษย์ยอห์นว่า “ จงไปแจ้ง แก่ยอห์นซึ่งท่านได้ยินและ เห็น
7
5 the blind receive their sight and the lame walk, lepers are cleansed and the deaf hear, and the dead are raised up, and the poor have good news preached to them.
8
5 คือว่าคนตาบอดก็หาย บอด คนง่อยเดินได้ คน โรคเรื้อนหายสะอาด คน หูหนวกได้ยินได้ คนตาย แล้วเป็นขึ้นมา และข่าว ประเสริฐก็ประกาศแก่คน อนาถา
9
6 And blessed is the one who is not offended by me.” 6 บุคคลผู้ใดไม่เห็นว่าเรา เป็นอุปสรรค ผู้นั้นเป็น สุข ”
10
7 As they went away, Jesus began to speak to the crowds concerning John: “What did you go out into the wilderness to see? A reed shaken by the wind? 7 ครั้นศิษย์เหล่านั้นไปแล้ว พระเยซูตรัสกับคนหมู่นั้น ถึงยอห์นว่า “ ท่าน ทั้งหลายได้ออกไปในถิ่น ทุรกันดาร เพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลม พัดนะ
11
8 What then did you go out to see? A man dressed in soft clothing? Behold, those who wear soft clothing are in kings' houses. 8 ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลาย ไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้า เนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ใน ราชวัง
12
9 What then did you go out to see? A prophet? Yes, I tell you, and more than a prophet. 9 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดู อะไร ดูผู้เผยพระวจนะ หรือ แน่ทีเดียว และเรา บอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระ วจนะเสียอีก
13
10 This is he of whom it is written, “‘Behold, I send my messenger before your face, who will prepare your way before you.’ 10 คือยอห์นนี้แหละ ที่พระ คัมภีร์กล่าวถึงว่า ' เราใช้ ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของ ท่านไว้ข้างหน้าท่าน '
14
11 Truly, I say to you, among those born of women there has arisen no one greater than John the Baptist. Yet the one who is least in the kingdom of heaven is greater than he.
15
11 เราบอกความจริงแก่ท่าน ทั้งหลายว่า ในบรรดาคน ซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา แต่ว่าผู้ ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดิน สวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์น เสียอีก
16
12 From the days of John the Baptist until now the kingdom of heaven has suffered violence, and the violent take it by force. 12 และตั้งแต่สมัยยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่ คนได้แสวงหาด้วยใจร้อน รน และผู้ที่ใจร้อนรนก็ เป็นผู้ที่ชิงเอาได้
17
13 For all the Prophets and the Law prophesied until John, 13 เพราะว่าคำของผู้เผย พระวจนะทั้งหลาย และ ธรรมบัญญัติได้พยากรณ์มา จนถึงยอห์นนี้
18
14 and if you are willing to accept it, he is Elijah who is to come. 14 ถ้าท่านทั้งหลายจะ ยอมรับให้เป็น ก็ยอห์นนี่ แหละ เป็นเอลียาห์ซึ่งจะ มานั้น
19
15 He who has ears to hear, let him hear. 15 ใครมีหูจงฟังเถิด
20
16 “But to what shall I compare this generation? It is like children sitting in the marketplaces and calling to their playmates, 16 “ เราจะเปรียบคนยุคนี้ เหมือนกับอะไรดี เปรียบ เหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาด ร้องแก่เพื่อนว่า
21
17 “‘We played the flute for you, and you did not dance; we sang a dirge, and you did not mourn.’ 17 ' พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวก เธอ และเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้ และพวกเธอมิได้ตีอกชก หัว '
22
18 For John came neither eating nor drinking, and they say, ‘He has a demon.’ 18 ด้วยว่ายอห์นมาก็ไม่ได้ กินหรือดื่ม และเขาว่า ' มีผีเข้าสิงอยู่ '
23
19 The Son of Man came eating and drinking, and they say, ‘Look at him! A glutton and a drunkard, a friend of tax collectors and sinners!’ Yet wisdom is justified by her deeds.”
24
19 ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกิน และดื่ม เขาก็ว่า ' ดูเถิด นี่เป็นคนกินเติบและขี้เมา เป็นมิตรสหายกับคนเก็บ ภาษี และคนนอกรีต ' แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่า ชอบแล้วโดยผลแห่งพระ ปัญญานั้น ”
25
20 Then He began to denounce the cities where most of His mighty works had been done, because they did not repent. 20 แล้วพระองค์ก็ทรงตั้งต้น ติเตียนเมืองต่างๆที่ พระองค์ได้ทรงกระทำการ มหัศจรรย์เป็นส่วนมาก เพราะเขามิได้กลับใจเสีย ใหม่
26
21 “Woe to you, Chorazin! Woe to you, Bethsaida! For if the mighty works done in you had been done in Tyre and Sidon, they would have repented long ago in sackcloth and ashes.
27
21 “ วิบัติแก่เจ้าเมืองโครา ซิน วิบัติแก่เจ้าเมืองเบธ ไซดา ถ้าการมหัศจรรย์ ซึ่งได้กระทำท่ามกลางเจ้า ได้กระทำในเมืองไทระและ เมืองไซดอน คนในเมือง ทั้งสองคงได้นุ่งห่มผ้า กระสอบ นั่งบนขี้เถ้ากลับ ใจเสียใหม่นานมาแล้ว
28
22 But I tell you, it will be more bearable on the day of judgment for Tyre and Sidon than for you. 22 แต่เราบอกเจ้าว่า ในวัน พิพากษา โทษเมืองไทระ และเมืองไซดอน จะเบา กว่าโทษของเจ้า
29
23 And you, Capernaum, will you be exalted to heaven? You will be brought down to Hades. For if the mighty works done in you had been done in Sodom, it would have remained until this day.
30
23 และฝ่ายเจ้าเมืองคาเปอร นาอุม เจ้าจะถูกยกขึ้น เทียมฟ้าหรือ มิได้ เจ้า จะต้องลงไปถึงแดนคนตาย ต่างหาก ด้วยว่าการ มหัศจรรย์ซึ่งได้กระทำใน ท่ามกลางเจ้านั้น ถ้าได้ กระทำในเมืองโสโดม เมืองนั้นคงได้ตั้งอยู่จนทุก วันนี้
31
24 But I tell you that it will be more tolerable on the day of judgment for the land of Sodom than for you.” 24 แต่เราบอกเจ้าว่าในวัน พิพากษา โทษเมืองโส โดมจะเบากว่าโทษของ เจ้า ”
32
25 At that time Jesus declared, “I thank you, Father, Lord of heaven and earth, that You have hidden these things from the wise and understanding and revealed them to little children
33
25 ขณะนั้นพระเยซูทูลว่า “ ข้าแต่พระบิดา ผู้เป็นเจ้า แห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญ พระองค์ ที่พระองค์ได้ ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ ไว้ จากผู้มีปัญญาและผู้ฉลาด แต่ได้สำแดงให้ผู้น้อยรู้
34
26 yes, Father, for such was your gracious will. 26 ข้าแต่พระบิดา พระองค์ ทรงเห็นชอบดังนั้น
35
27 All things have been handed over to Me by my Father, and no one knows the Son except the Father, and no one knows the Father except the Son and anyone to whom the Son chooses to reveal Him.
36
27 “ พระบิดาของเรา ได้ ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่ เรา และไม่มีใครรู้จักพระ บุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตร และผู้ที่ พระบุตรประสงค์จะสำแดง ให้รู้
37
28 Come to Me, all who labor and are heavy laden, and I will give you rest. 28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ด เหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ ท่านทั้งหลาย หาย เหนื่อยเป็นสุข
38
29 Take my yoke upon you, and learn from me, for I am gentle and lowly in heart, and you will find rest for your souls. 29 จงเอาแอกของเราแบก ไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจ อ่อนน้อม และจิตใจท่าน ทั้งหลายจะได้พัก
39
30 For my yoke is easy, and my burden is light.” 30 ด้วยว่าแอกของเราก็ พอเหมาะ และภาระของ เราก็เบา ”
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.