งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

การจัดการเวอร์ชันด้วย Mercurial

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "การจัดการเวอร์ชันด้วย Mercurial"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 การจัดการเวอร์ชันด้วย Mercurial
ปฏิบัติการเกี่ยวกับวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ( ) ผศ.ดร.ชัยพร ใจแก้ว ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

2 ตัวอย่าง Development Timeline
revision 1: แก้บั๊ก X revision 2: แก้บั๊ก Y revision 5: แก้บั๊ก Z Development Timeline revision 0: เวอร์ชันแรกสุด revision 3: เพิ่มฟีเจอร์ A revision 4: เพิ่มฟีเจอร์ B ปัจจุบัน: (ยังไม่เก็บเป็น revision)

3 ตัวอย่างซอฟต์แวร์จัดการเวอร์ชัน
แบบรวมศูนย์ (มี repo* กลางที่เดียว) CVS – Concurrent Versions System SVN – Apache Subversion แบบกระจาย (repo ติดอยู่กับผู้พัฒนา) Git Mercurial Repo ผู้พัฒนา ผู้พัฒนา ผู้พัฒนา Repo ผู้พัฒนา Repo ผู้พัฒนา Repo ผู้พัฒนา Repo ผู้พัฒนา *Repo = Repository - คลังเก็บเวอร์ชัน

4 Workflow ระบบจัดการเวอร์ชันแบบรวมศูนย์ (centralized version control system) ระบบจัดการเวอร์ชันแบบกระจาย (distributed version control system) Repo update commit update commit ผู้พัฒนา src code ผู้พัฒนา src code commit/update commit/update push / pull / clone src code Repo ผู้พัฒนา src code Repo ผู้พัฒนา

5 Mercurial ซอฟต์แวร์จัดการเวอร์ชันแบบกระจาย สั่งงานด้วย Command-Line
มี GUI frontend มากมาย TortoiseHg (Windows/Linux/Mac OS) MacHg (Mac OS X 10.6+) ดูเพิ่มเติมที่

6 ส่วนประกอบหลักของการจัดการเวอร์ชัน
ข้อความสรุปการแก้ไข (commit message) ชื่อผู้ที่แก้ไข เวลาที่แก้ รายการรีวิชัน รายละเอียดรีวิชัน ไฟล์ที่มีการเปลี่ยนแปลง revision = changeset

7 เตรียมตัวใช้ Mercurial
สร้างไฟล์ .hgrc ในโฮมไดเรคเตอรีของตนเพื่อระบุชื่อและอีเมล์ กรอกข้อมูลต่อไปนี้ลงในไฟล์ โดยใส่ชื่อและอีเมล์ตามความเป็นจริง ชื่อนี้จะถูกบันทึกเป็นผู้จัดเก็บรีวิชัน [ui] username = Firstname Lastname

8 จัดการเวอร์ชันให้ myweb
สร้าง mercurial repository ในไดเรคตอรี myweb บอก mercurial ให้ไม่ต้องสนใจไฟล์ *.pyc สร้างไฟล์ .hgignore ไว้ใน myweb โดยมีข้อความ $ cd myweb $ hg init syntax: glob *.pyc

9 ตรวจสอบสถานะการจัดการเวอร์ชัน
ใช้คำสั่ง hg status เพื่อดูสถานะการจัดการเวอร์ชันของไฟล์ในโปรเจ็ค $ hg status ? .hgignore ? __init__.py ? manage.py ? settings.py ? shape/__init__.py ? shape/models.py ? shape/tests.py ? shape/views.py ? templates/index.html ? templates/rectangle.html ? templates/result.html ? urls.py เครื่องหมาย ? แสดงถึงการที่ไฟล์นั้นยังไม่ถูกจัดการเวอร์ชัน

10 ระบุไฟล์ที่ต้องการจัดการเวอร์ชัน
คำสั่ง hg add ใช้บอกให้ mercurial เริ่มจัดการเวอร์ชันให้ไฟล์ เพิ่มไฟล์ทั้งหมดที่ยังไม่ถูกจัดการเวอร์ชัน เพิ่มโดยระบุชื่อไฟล์ เพิ่มไฟล์ *.py ทุกไฟล์ในไดเรคตอรีปัจจุบัน เพิ่มไฟล์ *.py ทุกไฟล์ในไดเรคตอรีปัจจุบันและซับไดเรคตอรีทั้งหมด เพิ่มไฟล์ทุกไฟล์ที่ยังไม่ถูกจัดการ ยกเว้นไฟล์ที่ลงท้ายด้วย .html $ hg add $ hg add manage.py settings.py $ hg add -I '*.py' $ hg add -I '**.py' $ hg add -X '**.html'

11 Commit - บันทึกรีวิชัน
ควรตรวจสอบสถานะไฟล์ก่อนโดยใช้คำสั่ง status $ hg status A .hgignore A __init__.py A manage.py A settings.py A shape/__init__.py A shape/models.py A shape/tests.py A shape/views.py A templates/index.html A templates/rectangle.html A templates/result.html A urls.py $ hg commit –m "First revision" $ Commit Message หรือข้อความแสดงการแก้ไข ควรให้กระชับและได้ใจความ เช่น "Fix bug …" "Add feature …" ผลลัพธ์จาก hg status แสดงให้เห็นว่าไม่เหลือไฟล์ที่ถูกแก้ไขแต่ยังไม่ได้เก็บลงเป็นรีวิชัน

12 Commit แบบเลือกไฟล์ เราไม่จำเป็นต้อง commit ทุกไฟล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงลงในรีวิชันเดียว ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ดี แต่ละรีวิชันของซอฟต์แวร์ควรทำงานได้สมบูรณ์ในตัวเอง เช่นแก้บั๊กเสร็จ 1 แห่งหรือเพิ่มฟีเจอร์ 1 อย่าง ไม่ควรใช้เป็นที่เก็บไฟล์ที่เซฟครึ่ง ๆ กลาง ๆ $ hg status M shape/views.py M templates/rectangle.html A templates/triangle.html M urls.py $ hg commit –m "Fix incorrect URL" shape/views.py urls.py $ เลือก commit เพียงสองไฟล์ เปลี่ยนแปลง 4 ไฟล์ (แก้ 3 เพิ่ม 1) เหลือ 2 การแก้ไข ที่ยังไม่ถูกบันทึก เป็นรีวิชัน

13 ลำดับ/หมายเลขรีวิชัน ชื่อผู้บันทึกรีวิชัน
ตรวจดูรายการรีวิชัน ใช้คำสั่ง log ใช้ทางเลือก -v เพื่อแสดงไฟล์ที่แก้ไขและถูกบันทึกลงในแต่ละรีวิชัน ลำดับ/หมายเลขรีวิชัน $ hg log changeset: 0:87ad7f0fe866 tag: tip user: Chaiporn Jaikaeo date: Wed Jul 06 22:07: summary: First revision ชื่อผู้บันทึกรีวิชัน เวลาที่บันทึก Commit message $ hg -v log

14 TortoiseHg ให้ผู้ใช้สั่งงาน Mercurial ผ่าน GUI
ใช้คำสั่ง hgtk แทนที่ hg ได้กับคำสั่งส่วนใหญ่ $ hgtk add $ hgtk status $ hgtk commit $ hgtk log

15 เตรียม repository บนเซิร์ฟเวอร์
ใช้ ssh เข้าไปยังเครื่อง cloud28 เพื่อสร้าง hg repository ไว้เก็บโปรเจ็คของตน ใช้คำสั่ง push ที่เครื่องตนเองเพื่อส่งข้อมูลรีวิชันทั้งหมดไปไว้บนเครื่อง cloud28 $ ssh Password: : (ตอนนี้อยู่ที่เครื่อง cloud28) $ mkdir hg $ cd hg $ hg init myweb $ logout $ hg push

16 การโคลนและดึง repository
ใช้คำสั่ง clone เพื่อดึง repository ทั้งก้อนมาพัฒนาต่อบนเครื่องที่ไม่มีโปรเจ็คอยู่ก่อน ใช้คำสั่ง pull เพื่อให้ repository ในเครื่องมีข้อมูลรีวิชันล่าสุดตามที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ $ hg clone $ hg pull

17 การสลับรีวิชัน ใช้คำสั่ง update เพื่อเปลี่ยนโค้ดปัจจุบันไปเป็นโค้ด ณ เวลาที่รีวิชันถูกสร้างขึ้น ปรับโค้ดไปเป็นโค้ดของรีวิชันที่ 3 ปรับโค้ดไปเป็นโค้ดของรีวิชันล่าสุด $ hg update 3 $ hg update

18 ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาหลายคน
สั่ง merge เพื่อรวบประวัติรีวิชันต่างกันเข้าด้วยกัน commit Repo เครื่องของ Jittat commit push push pull clone Timeline Repo เซิร์ฟเวอร์กลาง pull push pull push clone Repo เครื่องของ Chaiporn commit merge commit

19 คำสั่ง merge $ hg push คลังเก็บเวอร์ชันกลาง pushing to ...
searching for changes abort: push creates new remote heads on branch 'default'! (you should pull and merge or use push -f to force) $ hg pull คลังเก็บเวอร์ชันกลาง : $ hg merge $ hg commit -m commit message

20 ตัวอย่างกระบวนการ merge
Repository สองแห่ง (r1 และ r2) โคลนมาจากที่เดียวกันแต่เริ่มมีประวัติรีวิชันต่างกัน

21 ตัวอย่างกระบวนการ merge
r2 สั่ง pull มาจาก r1 r2 สั่ง merge และ commit


ดาวน์โหลด ppt การจัดการเวอร์ชันด้วย Mercurial

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google