งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

MGT 228 การจัดการสมัยใหม่ บทที่ 9 การสั่งการ (Leading)

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "MGT 228 การจัดการสมัยใหม่ บทที่ 9 การสั่งการ (Leading)"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 MGT 228 การจัดการสมัยใหม่ บทที่ 9 การสั่งการ (Leading)
ตอน ภาวะผู้นำ (Leadership)

2 ความหมายของ Leading การสั่งการ การอำนวยการหรือการประสานงาน หมายถึง การที่ผู้บริหารใช้อำนาจหน้าที่ของตนกระตุ้นจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชาตนให้ร่วมแรงร่วมใจกันในทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ

3 ลักษณะของการสั่งการหรือการอำนวยการที่ส่งเสริมความสำเร็จ
1. การปฏิบัติตนในฐานะผู้นำขององค์การอย่างเหมาะสมภายใต้สถานการณ์ต่างๆ 2. การตระหนักถึงความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ 3. การมอบหมายงานต้องมีความชัดเจน 4. การสร้างระบบการกระทำและจูงใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงาน

4 ลักษณะของการสั่งการหรือการอำนวยการที่ส่งเสริมความสำเร็จ (ต่อ)
5. ให้ความสำคัญเกี่ยวกับบทบาทการติดต่อสื่อสารภายในองค์การเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ 6. รักษาระเบียบวินัยที่กำหนดไว้ในองค์การ

5 การประสานงาน ( Coordinating)
หมายถึง การทำให้หน่วยงานต่างภายในองค์การ สามารถทำงานสอดคล้องกัน จึงเรื่องของการศิลปะการจัดระเบียบ วิธีการทำงานให้ทุกคนร่วมใจกันปฏิบัติงาน หลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน ขัดแย้ง เพื่อให้บรรลุนโยบายขององค์การ

6 หลักการประสานที่มีประสิทธิภาพ
1. การประสานงานเริ่มจากขั้นการวางแผนและจัดทำนโยบาย 2. การประสานงานเป็นการติดต่อโดยตรงกับบุคคลที่รับผิดชอบในงานนั้น 3. การประสานงานเป็นความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน 4. การประสานเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง

7 จากความหมายของ Leading

8 ภาวะผู้นำ Leadership

9 ภาวะผู้นำ Leadership ความหมาย : เป็นกระบวนการที่บุคคลหนึ่ง ( ผู้นำ ) ใช้อิทธิพล และอำนาจของตนกระตุ้นชี้นำให้บุคคลอื่น ( ผู้ตาม ) มีความกระตือรือร้นเต็มใจทำในสิ่งที่เขาต้องการ โดยมีเป้าหมายขององค์การเป็นจุดหมายปลายทาง

10 รูปแบบของของผู้นำ 1. พิจารณาจากการที่ผู้นำได้มาซึ่งอำนาจ
2. พิจารณาจากวิธีการที่ผู้นำใช้อำนาจ 3. พิจารณาจากบทบาทที่ผู้นำแสดงออก

11 1.1 ผู้นำแบบใช้พระเดช LEGAL LEADERSHIP
ผู้นำแบบนี้เป็นผู้นำที่ได้มา ซึ่งอำนาจในการปกครองบังคับบัญชาตามกฎมาย มีอำนาจ และใช้อำนาจได้ตามกฎหมาย มีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ มากกว่าที่จะก่อให้เกิดอำนาจ หรือใช้อำนาจอันเกิดจากขึ้นจากขึ้นจากตัวผู้นั้น หรือจากบุคลิกภาพของผู้นั้นเอง หัวหน้าแบบนี้ได้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ

12 1.2 ผู้นำแบบใช้พระคุณ CHARISMATIC LEADERSHIP
ผู้นำที่ได้มาซึ่งอำนาจอันเกิดขึ้นจากบุคลิกภาพอันเป็นคุณสมบัติส่วนตัวของผู้นั้น มิใช่อำนาจที่เกิดขึ้นจากตำแหน่งหน้าที่ของผู้นั้น ความสำเร็จในการครองใจและชนะใจของผู้นำประเภทนี้ ได้มาจากแรงศรัทธาที่ก่อให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเกิดความเคารพนับถือและเป็นพลังที่จะช่วยผลักดันให้ร่วมจิตร่วมใจกัน ปฎิบัติตามคำสั่งแนะนำของผู้เป็นหัวหน้าด้วยความเต็มใจ เช่น มหาตมะคันธี

13 1.3 ผู้นำแบบพ่อพระ SYMBOLIC LEADERSHIP
ผู้นำที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แต่มิได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการปกครองบังคับบัญชา หรือสั่งการให้ใต้บังคับบัญชาปฎิบัติตามคำสั่ง แต่การที่บุคคลเหล่านั้นปฎิบัติตาม เพราะเกิดแรงศรัทธาหรือสัญลักษณ์ในตัวของผู้นั้นมากกว่า เช่น พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นทั้งองค์ประมุขและสัญลักษณ์ของแรงศรัทธราของประชาชนชาวไทยทั้งมวล

14 2.1 ผู้นำแบบเผด็จการ AUTOCRATIC LEADERSHIP
คือใช้อำนาจต่างๆ ที่มีอยู่ในการสั่งการแบบเผด็จการโดยรวบอำนาจ ไม่ให้โอกาสแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ผู้เป็นผู้นำจะตั้งตัวเป็นผู้บงการ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเชื่อฟังโดยเด็ดขาด ปฎิบัติการแบบนี้เรียกว่า One Man Show อยู่ตลอกเวลา โดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้ปฎิบัติงานในฐานะที่เป็นปุถุชน เช่น ฮิตเลอร์ ซัดดัม

15 2.2 ผู้นำแบบเสรีนิยม LAISSER – FAIRE LEADERSHIP
ผู้นำที่ใช้อำนาจแบบนี้บางครั้งก็เรียกว่า Free – rein Leadership ผู้นำแบบนี้เกือบไม่มีลักษณะเป็นผู้นำเหลืออยู่เลย คือปล่อยให้ใต้บังคับบัญชากระทำการใดๆ ก็ตามได้โดยเสรี ซึ่งการกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบหรือข้อบังคับที่กำหนดไว้ และตนเป็นผู้ดูแลให้กิจการดำเนินไปได้โดยถูกต้องเท่านั้น มีการตรวจตราน้อยมาก และไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือในการดำเนินงานใดๆทั้งสิ้น

16 2.3 ผู้นำแบบประชาธิปไตย DEMOCRATIC LEADERSHIP
ผู้นำแบบนี้ เป็นผู้นำที่ประมวลเอาความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากบุคคลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่มาประชุมร่วมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็นในปัญหาต่างๆ เพื่อนำเอาความคิดที่ดีที่สุดมาใช้ ฉะนั้นนโยบายและคำสั่งจึงมีลักษณะเป็นของบุคคลโดยเสียงข้างมาก

17 3.1 ผู้นำแบบบิดา -มารดา PARENTAL LEADERSHIP
ผู้นำแบบนี้ ปฎิบัติตนเหมือนพ่อแม่ ปกครองลูก คือทำตนเป็นพ่อแม่ของผู้ใต้บังคับบัญชา และปรารถนาที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและปรารถนาที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเชื่อฟัง และปฎิบัติตามที่ตนได้ออกคำสั่งและให้ความเคารพนับถือตนเหมือนพ่อแม่ด้วย

18 3.2 ผู้นำแบบนักการเมือง MANIPULATER LEADERSHIP
ผู้นำแบบนี้พยายามสะสมและใช้อำนาจ โดยอาศัยความรอบรู้และ ตำแหน่งหน้าที่การงานของคนอื่น มาแอบอ้างเพื่อให้ตนได้มีความสำคัญและเข้ากับสถานการณ์นั้นๆ ได้ ผู้นำแบบนี้เข้าทำนองยืมมือ ของผู้บังคับบัญชาของผู้นำแบบนี้อีกชั้นหนึ่ง โดยเสนอขอให้สั่งการเพื่อประโยชน์แก่การสร้างอิทธิพลให้แก่ตนเอง

19 3.3 ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ EXPERT LEADERSHIP
ผู้นำแบบนี้ เกือบจะเรียกว่าไม่ได้เป็นผู้นำตามความหมายทางหารบริหาร เพราะมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ Staff ผู้นำแบบนี้มักเป็นผู้เชียวชาญและมีความรู้เฉพาะอย่าง

20 กลุ่มทฤษฎีภาวะผู้นำ กลุ่มทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำ
(The Trit Approach to Leadership) กลุ่มทฤษฎีพฤติกรรมผู้นำ ( Behavioral Theories of Leadership ) กลุ่มทฤษฎีผู้นำตามสถานการณ์ ( Situational or Contingency Approaches to Leadership

21 1.คุณลักษณะทางบุคลิกภาพ ความสามารถ และทักษะทางสังคม
สามารถปรับตัวให้เข้ากับ สถานการณ์ มีพฤติกรรมเชิงรุกและรักษา ผลประโยชน์ของส่วนรวม มีอำนาจ มีความสมดุลทางอารมณ์และการ ควบคุมอารมณ์ มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความเชื่อมั่นในตนเอง สติปัญญา มีการใช้ดุลยพินิจ และการ ตัดสินใจ ความคล่องในการพูด ความสามารถที่จะแสวงหาความ ร่วมมือ ความร่วมมือ. ความกว้างขวางและเกียรติยศ การเข้าร่วมทางสังคม การรู้จักจังหวะและกาลเทศะ

22 2.ทฤษฎีของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สรุปพฤติกรรมของผู้นำ 2 มิติ
1. มิติด้านการมุ่งงาน - เน้นการกำหนดมาตราฐานการทำงาน -เน้นการกำหนดตารางการทำงาน -มอบหมายภารกิจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา 2. มิติด้านสัมพันธ์ - ให้ความสนใจพนักงานอย่างใกล้ชิด - เป็นมิตรกับพนักงาน - ยึดความเสมอภาค -ปกป้องสวัสดิการของกลุ่ม

23 ทฤษฎีของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
พฤติกรรมที่มุ่งให้ความสำคัญแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ความสำคัญแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในฐานะที่เป็นมนุษย์ เน้นการร่วมมือในการทำงาน พฤติกรรมที่มุ่งงาน ให้ความสนใจ กับงานที่ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติมางานจะออกดีเพียงใด

24 ทฤษฎีกริดการบริหารของ Robert Black & Jane Mouton
ได้สไตล์ของผู้นำเกิดขึ้นจาก 2 มิติดังนี้ 1. มิติที่ผู้นำให้ความสำคัญแก่บุคลากร 2. มิติที่ผู้นำให้ความสำคัญกับผลผลิต

25 ตัวแบบกริดการบริหาร

26 3.ทฤษฎีภาวะผู้นำตามสถานการณ์ Hersey - Blanchard
เป็นทฤษฎีที่ผู้นำต้องปรับสไตล์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ตาม ทั้งนี้งานจะสำเร็จ จะต้องขึ้นอยู่กับ ความพร้อมและ วุฒิภาวะของผู้ตามด้วย

27 วุฒิภาวะของผู้ใต้บังคับบัญชา/ความพร้อม
ผู้นำแบบมีส่วนร่วม ผู้นำแบบขายความคิด สูง ผู้นำแบบมอบอำนาจ ผู้นำแบบชี้นำ ต่ำ ต่ำ พฤติกรรมมุ่งงาน สูง สูง วุฒิภาวะของผู้ใต้บังคับบัญชา/ความพร้อม ต่ำ R4 R3 R2 R1


ดาวน์โหลด ppt MGT 228 การจัดการสมัยใหม่ บทที่ 9 การสั่งการ (Leading)

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google