งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

การจัดการข้อมูลขั้นสูง

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "การจัดการข้อมูลขั้นสูง"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 การจัดการข้อมูลขั้นสูง
โดย ถนอม ห่อวงศ์สกุล และ สมสวัสดิ์ มาลาทอง

2 COUNT() เป็นคำสั่งที่ใช้ในการนับจำนวนข้อมูลที่ต้องการ

3 COUNT() รูปแบบ SELECT COUNT(column) FROM [Table-Name]
ตัวอย่าง 1 การนับจำนวนค่าในคอลัมน์ person_id (นับเฉพาะค่าที่ไม่ใช่ NULL) จากตาราง pat SELECT COUNT(person_id) FROM pat;

4 ฟังก์ชัน COUNT() ตัวอย่าง 1 การนับจำนวนค่าในคอลัมน์ person_id (นับเฉพาะค่าที่ไม่ใช่ NULL) จากตาราง pat SELECT COUNT(person_id) FROM pat; ผลลัพธ์

5 COUNT() ตัวอย่าง 2 การนับจำนวนเรคคอร์ดทั้งหมดของตาราง odx ผลลัพธ์
SELECT COUNT(*) FROM odx; ผลลัพธ์

6 COUNT() ตัวอย่าง 3 การนับจำนวนค่าในคอลัมน์ changwat แบบไม่นับซ้ำ
SELECT COUNT(DISTINCT changwat) FROM pat; ผลลัพธ์

7 COUNT() โจทย์ 1 จงนับจำนวนวันที่คลอดในคอลัมน์ bdate จากตาราง pp

8 COUNT() โจทย์ 1 จงนับจำนวนวันที่คลอดในคอลัมน์ bdate จากตาราง pp
SELECT COUNT(BDATE) FROM pp; ผลลัพธ์

9 COUNT() โจทย์ 2 จงนับจำนวนเรคคอร์ดทั้งหมดของตาราง anc

10 COUNT() โจทย์ 2 จงนับจำนวนเรคคอร์ดทั้งหมดของตาราง anc
SELECT COUNT(*) FROM anc; ผลลัพธ์

11 SUM() ใช้หาผลรวมในคอลัมน์

12 SUM() รูปแบบ SELECT SUM(column) FROM [Table-Name] ตัวอย่าง 1 การหาผลรวมของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT SUM(total) FROM cht WHERE date= ' ';

13 SUM() ตัวอย่าง 1 การหาผลรวมของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT SUM(total) FROM cht WHERE date= ' '; ผลลัพธ์

14 SUM() ตัวอย่าง 2 การหาผลรวมของค่ารักษา (ฟิลด์ amount ในตาราง cha) ของผู้รับบริการที่มี hn หมายเลข SELECT SUM(amount) FROM cha WHERE hn=' ‘; ผลลัพธ์

15 SUM() โจทย์ จงหาผลรวมของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 3 เมษายน 2009

16 SUM() โจทย์ จงหาผลรวมของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 3 เมษายน 2009 SELECT SUM(total) FROM cht WHERE DATE= ' '; ผลลัพธ์

17 MAX() และ MIN() ใช้สำหรับการหาค่ามากที่สุดและน้อยที่สุดในคอลัมน์

18 MAX() และ MIN() รูปแบบ SELECT MIN (column) FROM [Table-Name]
SELECT MAX (column) FROM [Table-Name] SELECT MIN (column) FROM [Table-Name] ตัวอย่าง 1 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่มากที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT MAX(total) FROM cht WHERE date= ' ';

19 MAX() และ MIN() ตัวอย่าง 1 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่มากที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT MAX(total) FROM cht WHERE date= ' '; ผลลัพธ์

20 MAX() และ MIN() ตัวอย่าง 2 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่น้อยที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT MIN(total) FROM cht WHERE date= ' '; ผลลัพธ์

21 MAX() และ MIN() โจทย์ 1 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่มากที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 6 เมษายน 2009

22 MAX() และ MIN() โจทย์ 1 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่มากที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 6 เมษายน 2009 SELECT MAX(total) FROM cht WHERE DATE= ' '; ผลลัพธ์

23 MAX() และ MIN() โจทย์ 2 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่น้อยที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 7 เมษายน 2009

24 MAX() และ MIN() โจทย์ 2 การหาค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ที่น้อยที่สุดของผู้รับบริการในวันที่ 7 เมษายน 2009 SELECT MIN(total) FROM cht WHERE DATE= ' '; ผลลัพธ์

25 AVG() ใช้หาค่าเฉลี่ยในคอลัมน์

26 AVG() รูปแบบ SELECT AVG (column) FROM [Table-Name] ตัวอย่าง การหาค่าเฉลี่ยของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT AVG (total) FROM cht WHERE date= ' ';

27 AVG() ตัวอย่าง การหาค่าเฉลี่ยของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 1 เมษายน 2009 SELECT AVG (total) FROM cht WHERE date= ' '; ผลลัพธ์

28 AVG() โจทย์ การหาค่าเฉลี่ยของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 6 เมษายน 2009

29 AVG() โจทย์ การหาค่าเฉลี่ยของค่ารักษา (ฟิลด์ total ในตาราง cht) ของผู้รับบริการในวันที่ 6 เมษายน 2009 SELECT AVG (total) FROM cht WHERE date= ' '; ผลลัพธ์

30 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()

31 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
รูปแบบ SELECT LEFT(column,NUM) FROM [Table-Name] SELECT RIGHT(column,NUM) FROM [Table-Name] SELECT MID(column,START,NUM) FROM [Table-Name] SELECT LENGTH(column) FROM [Table-Name] ตัวอย่าง 1 การตัดเอาข้อมูลปีที่มารับบริการ (4 อักขระจากทางซ้ายของฟิลด์ dateopd ในตาราง opd) SELECT LEFT(dateopd,4) as year FROM opd;

32 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
ตัวอย่าง 1 การตัดเอาข้อมูลปีที่มารับบริการ (4 อักขระจากทางซ้ายของฟิลด์ dateopd ในตาราง opd) SELECT LEFT(dateopd,4) as year FROM opd; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ dateopd คู่กับ year ด้วย

33 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
ตัวอย่าง 2 การตัดเอาข้อมูลปีที่มารับบริการ (2 อักขระจากทางขวาของฟิลด์ dateopd ในตาราง opd) SELECT RIGHT (dateopd,2) as day FROM opd; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ dateopd คู่กับ year ด้วย

34 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
ตัวอย่าง 3 การตัดเอาข้อมูลเดือนที่มารับบริการ (2 อักขระตรงกลางตัวที่ 6 ถึง 7 ของฟิลด์ dateopd ในตาราง opd) SELECT MID(dateopd,6,2) as month FROM opd; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ dateopd คู่กับ month ด้วย

35 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
ตัวอย่าง 4 การนับอักขระในฟิลด์ dateopd ในตาราง opd SELECT LENGTH (dateopd) AS LengthOfDateopd FROM opd; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ dateopd คู่กับ month ด้วย

36 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 1 การตัดเอาข้อมูลปีที่มารับบริการ (4 อักขระจากทางซ้ายของฟิลด์ date_serv ในตาราง anc)

37 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 1 จงตัดเอาข้อมูลปีที่มารับบริการ (4 อักขระจากทางซ้ายของฟิลด์ date_serv ในตาราง anc) SELECT LEFT(date_serv,4) AS YEAR FROM anc; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ date_serv คู่กับ year ด้วย

38 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 2 จงตัดเอาข้อมูลวันที่มารับบริการ (2 อักขระจากทางขวาของฟิลด์ date_serv ในตาราง anc)

39 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 2 จงตัดเอาข้อมูลวันที่มารับบริการ (2 อักขระจากทางขวาของฟิลด์ date_serv ในตาราง anc) SELECT RIGHT(date_serv,2) AS DAY FROM anc; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ date_serv คู่กับ day ด้วย

40 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 3 จงตัดเอาข้อมูลเดือนที่มารับบริการ (2 อักขระตรงกลางตัวที่ 5 ถึง 6 ของฟิลด์ dateopd ในตาราง opd)

41 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 3 จงตัดเอาข้อมูลเดือนที่มารับบริการ (2 อักขระตรงกลางตัวที่ 5 ถึง 6 ของฟิลด์ dateopd ในตาราง opd) SELECT MID(date_serv,5,2) AS MONTH FROM anc; ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ date_serv คู่กับ month ด้วย

42 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 4 จงนับจำนวนอักขระในฟิลด์ dateopd ในตาราง opd แสดงฟิลด์ date_serv คู่กับ month ด้วย

43 LEFT() RIGHT() MID() และ LENGTH()
โจทย์ 4 จงนับจำนวนอักขระในฟิลด์ dateopd ในตาราง opd SELECT LENGTH(date_serv) AS LengthOfDate_serv FROM anc;ผลลัพธ์ แสดงฟิลด์ date_serv คู่กับ month ด้วย

44 GROUP BY สำหรับการจัดกลุ่มของค่าในคอลัมน์ หรือหลาย ๆ คอลัมน์ เพื่อทำงานร่วมกับ aggregate function ต่าง ๆ เช่น COUNT SUM MAX MIN

45 GROUP BY รูปแบบ SELECT column, AGGREGATE_FUNCTION(column) FROM [Table-Name] WHERE column OPERATOR VALUE GROUP BY (column) ตัวอย่าง 1 หาจำนวนครั้งของการมารับบริการ จำแนกตามผู้มารับบริการ ในช่วงเดือนเมษายน 2009 SELECT hn,COUNT(*) FROM opd WHERE dateopd>=' ' AND dateopd<= ' ' GROUP BY hn ORDER BY COUNT(*) DESC; 45

46 GROUP BY ตัวอย่าง 1 หาจำนวนครั้งของการมารับบริการ จำแนกตามผู้มารับบริการ ในช่วงเดือนเมษายน 2009 SELECT hn,COUNT(*) FROM opd WHERE dateopd>=' ' AND dateopd<= ' ' GROUP BY hn ORDER BY COUNT(*) DESC; ผลลัพธ์

47 GROUP BY ตัวอย่าง 2 หาจำนวนครั้งของการมารับบริการ และผลรวมค่ารักษา จำแนกตามผู้มารับบริการและวันที่มารับบริการ SELECT date, hn, COUNT(*) AS num_service, SUM(total) AS summ FROM cht GROUP BY date, hn ORDER BY SUM(total) DESC; ผลลัพธ์

48 GROUP BY โจทย์ หาจำนวนการระบุรหัสวินิจฉัยโรค (Diag) ที่เป็น Principal Diagnosis จำแนกตามผู้มารับบริการและคลินิก ในเดือน เมษายน 2552 48

49 GROUP BY โจทย์ หาจำนวนการระบุรหัสวินิจฉัยโรค (Diag) ที่เป็น Primary Diagnosis จำแนกตามผู้มารับบริการและคลินิก ในเดือน เมษายน 2552 SELECT hn, clinic,COUNT(*) FROM odx WHERE dxtype=1 AND datedx>=' ' AND datedx<=' ' GROUP BY hn, clinic ORDER BY COUNT(*) DESC; 49

50 GROUP BY ผลลัพธ์ 50

51 HAVING สำหรับระบุเงื่อนไขในการเลือกข้อมูล แทน WHERE กรณีที่เงื่อนไขนั้นมีการใช้ aggregate function เช่น COUNT SUM MAX MIN

52 HAVING รูปแบบ SELECT column, AGGREGATE_FUNCTION(column) FROM [Table-Name] WHERE column OPERATOR value GROUP BY (column) HAVING AGGREGATE_FUNCTION(column) OPERATOR value ตัวอย่าง หาจำนวนครั้งของการมารับบริการ จำแนกตามผู้มารับบริการ ในช่วงเดือนเมษายน 2009 ที่มีจำนวนตั้งแต่ 10 ครั้งขึ้นไป SELECT hn,COUNT(*) FROM opd WHERE dateopd >= ' ' AND dateopd <= ' ' GROUP BY hn HAVING COUNT(*) >= 10 ORDER BY COUNT(*) DESC;

53 HAVING ตัวอย่าง หาจำนวนครั้งของการมารับบริการ จำแนกตามผู้มารับบริการ ในช่วงเดือนเมษายน 2009 ที่มีจำนวนตั้งแต่ 10 ครั้งขึ้นไป SELECT hn,COUNT(*) FROM opd WHERE dateopd >= ' ' AND dateopd <= ' ' GROUP BY hn HAVING COUNT(*) >= 10 ORDER BY COUNT(*) DESC; ผลลัพธ์ 53

54 HAVING โจทย์ ใช้ HAVING ช่วยในการตรวจสอบหาข้อมูล PCUCODE,CID,DATE_SERV, VCCTYPE ที่ซ้ำซ้อนจากตาราง EPI 54

55 HAVING โจทย์ ใช้ HAVING ช่วยในการตรวจสอบหาข้อมูล PCUCODE,CID,DATE_SERV, VCCTYPE ที่ซ้ำซ้อนจากตาราง EPI SELECT PCUCODE,PID,DATE_SERV, VCCTYPE,COUNT(*) FROM epi GROUP BY PCUCODE,piD,DATE_SERV, VCCTYPE; HAVING COUNT(*)>1 ผลลัพธ์ 55

56 การใช้ฟังก์ชันคู่กับ GROUP BY
ตัวอย่าง หาผลรวมของค่ารักษา จำแนกรายเดือน SELECT LEFT(DATE,7) as month, SUM(total) as summ FROM cht GROUP BY LEFT(DATE,7) ORDER BY LEFT(DATE,7) ASC; ผลลัพธ์ 56

57 การคำนวณ (Math) ตัวอย่าง ต้องการหาน้ำหนักของเด็กเป็นกิโลกรัม ผลลัพธ์
SELECT cid, weight, (weight /1000) as weight1 FROM nut; ผลลัพธ์ 57

58 การคำนวณ (Math) โจทย์ จงคำนวณ Body Mass Index (BMI) จากตาราง nutri
โดยสูตรการคำนวณ BMI = weight (kg) / (height (m))2 58

59 การคำนวณ (Math) โจทย์ จงคำนวณ Body Mass Index (BMI) จากตาราง nutri
โดยสูตรการคำนวณ BMI = weight (kg) / (height (m))2 SELECT pid,weight,height, (weight/1000)/((height/100)*(height/100)) AS bmi FROM nutri ORDER BY (weight/1000)/((height/100)*(height/100)) DESC; ผลลัพธ์ BMI = kg / m^2 NOT = kg / cm^2 *Weight (g) in database Height (cm) in database 59

60 JOIN ใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง 2 ตาราง เพื่อนำมาประมวลผลร่วมกัน ซึ่งมี 3 รูปแบบ INNER JOIN (เลือกเรคคอร์ดจากทั้ง 2 ตาราง เฉพาะที่ตรงกับเงื่อนไขการเชื่อมโยง) LEFT JOIN (เลือกเรคคอร์ดจากตารางทางซ้ายทั้งหมด และเลือกเรคคอร์ดจากตารางทางขวาเฉพาะที่ตรงกับเงื่อนไขการเชื่อมโยง) RIGHT JOIN (เลือกเรคคอร์ดจากตารางทางขวาทั้งหมด และเลือกเรคคอร์ดจากตารางทางซ้ายเฉพาะที่ตรงกับเงื่อนไขการเชื่อมโยง)

61 JOIN รูปแบบ SELECT <Table-Name1>.column,…,<Table- Name2>.column1 FROM <Table-Name1> INNER | LEFT | RIGHT JOIN <Table-Name2> ON <Table-Name1>.column-join=<Table-Name2>.column-join ตัวอย่าง 1 การนำตารางข้อมูลการมารับบริการ (opd) มาเชื่อมโยงกับตารางข้อมูลบุคคล (pat) แบบ INNER JOIN โดยใช้ hn เป็นตัวเชื่อม SELECT opd.*,pat.sex, pat.dob, pat.occupa FROM opd INNER JOIN pat ON opd.hn=pat.hn;

62 JOIN ตัวอย่าง 1 การนำตารางข้อมูลการมารับบริการ (opd) มาเชื่อมโยงกับตารางข้อมูลบุคคล (pat) แบบ INNER JOIN โดยใช้ hn เป็นตัวเชื่อมโยง SELECT opd.*,pat.sex, pat.dob, pat.occupa FROM opd INNER JOIN pat ON opd.hn=pat.hn; ผลลัพธ์ 62

63 JOIN ตัวอย่าง 2 การนำตารางข้อมูลการมารับบริการ (opd) มาเชื่อมโยงกับตารางข้อมูลการเงิน (cht) แบบ LEFT JOIN โดยใช้ hn เป็นตัวเชื่อม เพื่อหาว่าผู้ป่วยแต่ละคนมีค่ารักษารวมเท่ากับเท่าไหร่ SELECT opd.hn,SUM(cht.total) FROM opd LEFT JOIN cht ON opd.hn=cht.hn WHERE DATE>=' ' AND DATE<=' ' GROUP BY opd.hn ORDER BY SUM(cht.total) ASC; ผลลัพธ์

64 JOIN โจทย์ จงเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตาราง ANC กับตาราง PAT เพื่อหาข้อมูลเพศ และวันเกิดของผู้มารับบริการฝากครรภ์

65 JOIN โจทย์ จงเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตาราง ANC กับตาราง PAT เพื่อหาข้อมูลเพศ และวันเกิดของผู้มารับบริการฝากครรภ์ SELECT a.*,sex,dob FROM anc a INNER JOIN nhso_12.pat b ON a.cid=b.person_id; ผลลัพธ์ เพศหญิง ที่มีอายุ 9-60 ปี

66 การต่อคำ (Concatenation)
ใช้นำข้อความมาต่อกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เช่น การสร้างรายงาน รูปแบบ SELECT CONCAT(<column1>,<column1>,…) FROM <Table-Name> ตัวอย่าง SELECT changwat,ampur,tambon,CONCAT(changwat,ampur,tambon) FROM person; 66

67 การต่อคำ (Concatenation)
ตัวอย่าง SELECT changwat,ampur,tambon,CONCAT(changwat,ampur,tambon) FROM person; ผลลัพธ์ 67

68 การจัดการข้อมูลวัน เวลา
ตัวอย่าง 1 การเปลี่ยนรูปแบบวันเกิด (birth) ในตาราง person ของข้อมูล 18 แฟ้ม ซึ่งอยู่ในรูปแบบ varchar ให้เป็นรูปแบบ date SELECT pid, birth, DATE(birth) AS birth1 FROM person; ผลลัพธ์ 68 68

69 การจัดการข้อมูลวัน เวลา
ตัวอย่าง 2 การคำนวณอายุเป็นปี SELECT pid, birth, DATE(birth) AS birth1, (DATEDIFF(NOW(),DATE(birth))/365.25) as age FROM person; ผลลัพธ์ 69 69

70 การจัดการข้อมูลวัน เวลา
ตัวอย่าง 3 การตัดเศษทิ้ง โดยใช้ฟังก์ชัน TRUNCATE SELECT pid, birth, DATE(birth) AS birth1, TRUNCATE(DATEDIFF(NOW(),DATE(birth))/365.25,0) as age FROM person; ผลลัพธ์ 70 70

71 การจัดการข้อมูลวัน เวลา
ตัวอย่าง 4 การคำนวณอายุเป็นปี เดือน และวัน โดยใช้ฟังก์ชัน TIMESTAMPDIFF SELECT dob,CURDATE(), TIMESTAMPDIFF(YEAR,dob,CURDATE()) AS cnt_year, TIMESTAMPDIFF(MONTH,dob,CURDATE())- (TIMESTAMPDIFF(YEAR,dob,CURDATE())*12) AS cnt_month, TIMESTAMPDIFF(DAY,DATE_ADD(dob,INTERVAL (TIMESTAMPDIFF(MONTH,dob,CURDATE())) MONTH),CURDATE()) AS cnt_day FROM pat; 71 71

72 การจัดการข้อมูลวัน เวลา
ผลลัพธ์ 72 72

73 การใช้คำสั่ง SELECT ซ้อน SELECT
ใช้ลดความซับซ้อนในการเขียนคำสั่ง SQL ให้เข้าใจง่ายขึ้น ตัวอย่าง SELECT pid, birth, DATE(birth) AS birth1, TRUNCATE (DATEDIFF(NOW(),DATE(birth))/365.25,0) AS age FROM person; ผลลัพธ์ 73 73

74 การใช้คำสั่ง SELECT ซ้อน SELECT
ลดความซับซ้อนโดย SELECT pid, birth1, age FROM (SELECT *,DATE(birth) AS birth1, TRUNCATE (DATEDIFF(NOW(),DATE(birth))/365.25,0) AS age FROM person) t1; ผลลัพธ์ 74 74

75 การใช้คำสั่ง SELECT ซ้อน SELECT
โจทย์ จงคำนวณ Point ของตาราง EPI จำแนกเดือนของข้อมูล โดยสมมุติว่าเลขประจำตัวประชาชน (CID) ในตาราง EPI มีความถูกต้องและมีอยู่ในฐานข้อมูลประชากร และให้ Point เรคคอร์ดละ 0.5 75 75

76 การใช้คำสั่ง SELECT ซ้อน SELECT
โจทย์ จงคำนวณ Point ของตาราง EPI จำแนกเดือนของข้อมูล (สมมุติว่าเลขประจำตัวประชาชนในตาราง EPI มีความถูกต้องและอยู่ในฐานข้อมูลประชากรแล้ว) โดยให้เรคคอร์ดละ 0.5 Point SELECT LEFT(date_serv,6) AS m,COUNT(*)*0.5 AS sum_point FROM (SELECT PCUCODE,CID,DATE_SERV, VCCTYPE FROM epi GROUP BY PCUCODE,CID,DATE_SERV, VCCTYPE) t GROUP BY LEFT(date_serv,6); ผลลัพธ์ 76 76

77 การ Export ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปใช้
SQLyog สามารถ Export ทั้งข้อมูลที่เป็นตารางในฐานข้อมูลหรือผลลัพธ์ของการ SELECT ได้ 5 รูปแบบ ได้แก่ CSV, HTML, XML, Excel XML, SQL 77 77

78 การ Export ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปใช้
หากเลือก Export เป็นรูปแบบ SQL ไฟล์ที่ได้จะมีนามสกุล .SQL ภายในไฟล์จะประกอบด้วยคำสั่งการสร้างตาราง และการinsert ข้อมูลเข้าตาราง 78 78


ดาวน์โหลด ppt การจัดการข้อมูลขั้นสูง

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google