งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานเงินสมทบ การตรวจสอบ และงานกฎหมาย

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "งานเงินสมทบ การตรวจสอบ และงานกฎหมาย"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 งานเงินสมทบ การตรวจสอบ และงานกฎหมาย
เอกรัตน์ แหก้าน นักวิชาการแรงงานปฎิบัติการ 1

2 หน้าที่ความรับผิดชอบ
สำนักงานประกันสังคม มีหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อการบริหารงานของ กองทุนประกันสังคม และ กองทุนเงินทดแทน ภายใต้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติ : 1. พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 2. พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 2

3 มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่
ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ นายจ้างซึ่งประกอบธุรกิจโรงเรือนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วย โรงเรือนเอกชน เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับครู หรือครูใหญ่ นายจ้างซึ่งดำเนินกิจการที่ไม่ได้มีวัตถุประสงเพื่อแสวงหากำไร ทางเศรษฐกิจ นายจ้างอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 3

4 พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 กองทุนเงินทดแทน ประสบอันตราย เจ็บป่วย
ทุพพลภาพ ตาย หรือ สูญหาย อันเนื่องมาจากการทำงาน 4

5 ใครมีหน้าที่นำส่งเงินสมทบ
นายจ้าง ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนภายใน วัน หน้าที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทน เพียงฝ่ายเดียว โดยจ่ายปีละ 1 ครั้ง (ลักษณะเหมือนเบี้ยประกัน) ลูกจ้าง ลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ไม่ จำกัดอายุ เงินสมทบ คำนวณจากค่าจ้าง (ไม่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำและไม่เกินเดือน ละ 20,000 บาท)ที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างทั้งปีรวมกัน คูณด้วยอัตรา เงินสมทบของกิจการ ซึ่งนายจ้างแต่ละประเภทกิจการจะจ่ายเงินสมทบใน อัตราที่ไม่เท่ากัน อยู่ระหว่าง 0.2% ถึง 1.0% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงภัย ในการทำงานของสถานประกอบการนั้น 5

6 ประเภทเงินสมทบ เงินสมทบประจำปี เงินสมทบประจำงวด
เงินสมทบจากการรายงานค่าจ้าง เงินสมทบจากการตรวจบัญชี 6

7 - ปีแรกชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีลูกจ้าง 1 คน 2. เงินสมทบประจำงวด
1. เงินสมทบประจำปี - ปีแรกชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีลูกจ้าง 1 คน - ปีต่อไปชำระภายในวันที่ 31 มกราคม 2. เงินสมทบประจำงวด - ค่าจ้างมกราคม – มีนาคม ชำระภายในวันที่ 30 เมษายน - ค่าจ้างเมษายน – มิถุนายน ชำระภายในวันที่ 31 กรกฎาคม - ค่าจ้างกรกฎาคม – กันยายน ชำระภายในวันที่ 31 ตุลาคม - ค่าจ้างตุลาคม – ธันวาคม ชำระภายในวันที่ 31 มกราคม 7

8 3. เงินสมทบจากการรายงานค่าจ้าง
- รายงานค่าจ้างภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี - ชำระภายในวันที่ 31 มีนาคม 4. เงินสมทบจากการตรวจบัญชี - กรณีรายงานค่าจ้างภายในกำหนด ชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ออกใบแจ้งเงินสมทบ - กรณีรายงานค่าจ้างเกินกำหนด ชำระภายใน วันที่ 31 มีนาคม 8

9 ส่งเงินสมทบอย่างไร? 1. ชำระเป็นเงินสด หรือเช็ค ณ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ด้วยตนเอง 2. ชำระเป็นเช็คทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือส่งธนาณัติ สั่ง จ่าย “สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี” เพื่อรับเงิน ณ ที่ทำการ ไปรษณีย์บางปลาสร้อย 3. ชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือธนาคาร กรุง ศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ฉีกใบ PAY IN ส่วนที่ 3 พร้อมสำเนา ใบ ประเมินเงินสมทบและได้ใบเสร็จรับเงินทันที 9

10 ไม่เนื่องจากการทำงาน
พระราชบัญญัติประกันสังคม ประสบอันตราย/เจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตายย การคุ้มครอง ไม่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ ว่างงาน 10

11 ประเภทของผู้ประกันตน
โดยบังคับ ผู้ประกันตน ม.33 ผู้ประกันตน ม.39 โดยสมัครใจ ผู้ประกันตน ม.40 11

12 ใครคือผู้ประกันตน? ผู้ประกันตน คือ ลูกจ้างที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี บริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่เข้าทำงานและสถานประกอบการที่ทำงาน อยู่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ทั้ง นายจ้างและลูกจ้างจะต้องขึ้นทะเบียน ประกันสังคม ผู้ประกันตนยังทำงานอยู่ และมีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ ให้ถือว่าลูกจ้างนั้นเป็นผู้ประกันตนต่อไป 12

13 ยื่นแบบขึ้นทะเบียนเมื่อใด?
นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปจะต้องขึ้น ทะเบียนนายจ้าง (ตามแบบ สปส. 1-01) พร้อมกับ ขึ้นทะเบียนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนภายใน วัน และเมื่อมีการรับลูกจ้างใหม่เพิ่มขึ้นต้องแจ้งขึ้น ทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน 30 วัน เช่นกัน (ตาม แบบ สปส หรือ สปส. 1-03/1) 13

14 มาตรา 5 ลูกจ้าง หมายความว่า ผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้าง โดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะ เรียกชื่ออย่างไร แต่ไม่รวมถึงลูกจ้าง ซึ่งทำงานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มี การประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย นายจ้าง หมายความว่า ผู้ซึ่งรับลูกจ้างเข้าทำงาน โดยจ่ายค่าจ้าง และให้ หมายความรวมถึง ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนนายจ้าง ในกรณีที่ นายจ้างเป็นนิติบุคคล ให้หมายความรวมถึงผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติ บุคคล และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลให้ ทำการแทนด้วย พรบ.(ฉบับที่ 4) ลูกจ้าง หมายถึง ผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้าง 14

15 มาตรา 5 (ต่อ) ค่าจ้าง หมายความว่า เงินทุกประเภทที่นายจ้างจ่าย ให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าตอบแทนการทำงานในวันและเวลา ทำงานปกติ ไม่ว่าจะคำนวณตามระยะเวลาหรือคำนวณ ตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ และให้หมายความรวมถึงเงิน ที่นายจ้างให้ในวันหยุด และวันลาซึ่งลูกจ้างไม่ได้ทำงาน ด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกำหนดคำนวณ หรือจ่ายในลักษณะ ใดหรือโดยวิธีการใด และไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร วันทำงาน หมายความว่า วันที่กำหนดให้ลูกจ้าง ทำงานตามปกติ 15

16 เงินสมทบคืออะไร เงินสมทบ คือ เงินที่นายจ้าง ลูกจ้างจะต้อง นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน ในอัตราฝ่าย ละ ร้อยละ 5 ของค่าจ้าง โดยคำนวณจากค่าจ้างที่ ลูกจ้างได้รับ ซึ่งกำหนดจากฐานค่าจ้างเป็นราย เดือน ต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท และ สูงสุดเดือนละ 15,000 บาท ทั้งนี้รัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุน อีกส่วนหนึ่ง 16

17 จะนำส่งเงินสมทบอย่างไร? (ต่อ)
ให้นำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (มาตรา 47) หากนายจ้างนำส่งเงินสมทบไม่ทัน หรือส่งไม่ครบนายจ้าง จะต้องรับผิดชอบจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ของจำนวนเงินที่ยังมิได้นำส่ง หรือจำนวนเงินที่ขาดอยู่ นับแต่ วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ ทั้งนี้ เงินเพิ่มที่คํานวณได้ ต้องไม่เกินจํานวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย (มาตรา 49) 17

18 จะนำส่งเงินสมทบอย่างไร? (ต่อ)
พรบ. (ฉบับที่ 4 ) มาตรา 49 นายจ้างซึ่งไม่นำส่งเงินสมทบในส่วน ของตนหรือ ในส่วนของผู้ประกันตนหรือส่งไม่ครบ จำนวนภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา 47 ต้องจ่ายเงิน เพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่ นายจ้างยังมิได้นำส่งหรือของจำนวนเงินสมทบที่ยังขาด อยู่นับแต่วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ ทั้งนี้เงิน เพิ่มที่คำนวณได้ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้าง ต้องจ่าย

19 การกรอกข้อมูลการนำส่งเงินสมทบ
นำส่งเงินสมทบด้วยแบบ สปส (ส่วนที่ 1 และ ส่วนที่ 2) 1.1 กรอกรายละเอียดในแบบ สปส (ส่วนที่ 1) ให้ครบถ้วนถูกต้อง 1.2 กรอกรายละเอียดในแบบ สปส (ส่วนที่ 2)ประกอบด้วย 1) เลขประจำตัวประชาชน ต้องกรอกให้ครบถ้วนทุกราย 2) ชื่อ – ชื่อสกุลของผู้ประกันตน พร้อมคำนำหน้าชื่อที่ชัดเจน 3) ค่าจ้าง กรอกค่าจ้างตามที่จ่ายจริง(กรณีไม่มีค่าจ้างใส่ “ 0 ”) 4) กรอกจำนวนเงินสมทบที่นำส่ง* 19

20 การกรอกข้อมูลการนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
* คำนวณเงินสมทบค่าจ้าง (3) หากได้รับค่าจ้างต่ำกว่า 1,650 บาท ให้คำนวณฐานค่าจ้าง 1,650 บาท ถ้าได้รับค่าจ้าง เกิน 15,000บาท ให้คำนวณฐานค่าจ้าง 15,000 บาท โดยคูณ กับอัตราเงินสมทบ (เศษสตางค์ของเงินสมทบตั้งแต่ห้าสิบสตางค์ ขึ้นไปให้ปัดเศษเป็นหนึ่งบาท ถ้าน้อยกว่าให้ปัดทิ้ง) กรณีสถานประกอบการมีสาขา และประสงค์ยื่นรวม ให้จัดทำ แบบ สปส. 1-10/1 ซึ่งเป็นใบสรุปรายการแสดงการส่งเงินสมทบ ของแต่ละสาขาที่ยื่นพร้อมแบบ สปส ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 ของแต่ละสาขา 20

21 การกรอกข้อมูลการนำส่งเงินสมทบ(ต่อ)
* กรณีไม่มีค่าจ้างใส่ “0” ลาคลอด ลาป่วย ลาบวช ลากิจ อื่นๆ ไม่ได้รับค่าจ้าง แต่นายจ้าง ไม่ได้เลิกจ้าง 21

22 การกรอกข้อมูลการนำส่งเงินสมทบ(ต่อ)
2. นำส่งเงินสมทบด้วยสื่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 2.1 กรอกรายละเอียดในแบบ สปส (ส่วนที่ 1) ให้ครบถ้วนถูกต้อง 2.2 จัดทำข้อมูลตามแบบ สปส (ส่วนที่ 2) ในสื่อข้อมูล (Diskette) หรือส่งผ่านทาง Internet 2.3 ขอรับโปรแกรม หรือ Format ข้อมูลเงินสมทบได้ที่ สำนักงานประกันสังคมทุกแห่ง หรือ Download ได้ที่ 22

23 การนำส่งเงินสมทบ ปัญหาที่พบในการทำงาน - คำนวณเงินสมทบผิด
I. แบบส่งเงิน (สปส.1-10) - เลขที่บัญชีผิด - ลำดับที่สาขาผิด - เลขที่บัตรประจำตัวประชาชนผิด - คำนำหน้านาม ชื่อ-ชื่อสกุล ผิด - เลขบัตรประจำตัวประชาชน กับ ชื่อไม่ตรงกัน - คำนวณเงินสมทบผิด - กรอกจำนวนค่าจ้างผิด - กรอกจำนวนผู้ประกันตนผิด -งวดเดือนผิด 23

24 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ) ลูกจ้างเข้า 25 ธันวาคม นำเงินส่งอย่างไร?
คำนวณเงินสมทบผิด กรณีนายจ้างจ่ายค่าจ้างคาบเกี่ยว - ค่าจ้างวันที่ 26 ธันวาคม - 25 มกราคม จ่ายวันที่ 31 มกราคม ถือเป็นค่าจ้างงวดเดือนมกราคม ลูกจ้างเข้า 25 ธันวาคม นำเงินส่งอย่างไร? 24

25 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
คำนวณเงินสมทบผิด กรณีนายจ้างจ่ายค่าจ้างคาบเกี่ยว (ต่อ) - ค่าจ้างวันที่ ธันวาคม จ่ายวันที่ 5 มกราคม - ค่าจ้างวันที่ 1-15 มกราคม จ่ายวันที่ 20 มกราคม ถือเป็นค่าจ้างงวดเดือนมกราคม อัตราเงินสมทบลดตั้งแต่ มกราคม คิดคำนวณเงินสมทบอย่างไร? 25

26 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
คำนวณเงินสมทบผิด 2. กรณีตกเบิก/การขึ้นเงินเดือนย้อนหลัง - ขึ้นเงินเดือนตั้งแต่ค่าจ้างงวดเดือนมกราคม - มาตกเบิกจ่ายพร้อมค่าจ้างงวดเดือนมีนาคม ยื่นแบบ สปส.1-10 แยกงวดเดือน 26

27 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
II. ไม่แจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน /ไม่แจ้งการรับผู้ประกันตนเข้าทำงาน/ แจ้งเกินกำหนดเวลา ดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ 1. นำส่งเงินสมทบ - เลขชั่วคราว เป็นผลให้ไม่ได้รับบัตรรับรองสิทธิฯ 2. ไม่นำส่งเงินสมทบ - ลูกจ้างร้องเรียน ดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ - นายจ้างตรวจพบเอง - สำนักงานประกันสังคมตรวจพบ ตรวจบัญชีค่าจ้าง ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน 27

28 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
III. ไม่แจ้งการรับผู้ประกันตนเข้าทำงานและลาออก / แจ้งช้ากว่ากำหนด - บัตรรับรองสิทธิฯ - การรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร/ ว่างงาน / ชราภาพ - บัตรประกันสุขภาพ - การสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 28

29 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
IV. ผู้ประกันตนทำงานมากกว่า 1 นายจ้าง - สปส.1-03/1 ไม่ได้แจ้งในหมายเหตุ - ผู้ประกันตนแอบไปทำงานที่ บริษัทอื่น - บัตรประจำตัวประชาชนปลอม / ทะเบียนบ้านปลอม 29

30 การนำส่งเงินสมทบ (ต่อ)
นายจ้างให้สำนักงานบัญชี ดำเนินการยื่นแบบ โดยไม่ได้ ตรวจสอบว่าสำนักงานบัญชีดำเนินการยื่นแบบให้ถูกต้อง หรือไม่ หรือไม่ได้ ขอใบเสร็จรับเงินมาเก็บไว้ นายจ้างไม่แจ้งเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ตามแบบ สปส เช่น 1. ผู้มอบอำนาจ 2. ผู้รับมอบอำนาจ 3. แจ้งหยุดกิจการชั่วคราว 4. ย้ายสถานประกอบการ 30

31 การติดตามเร่งรัดหนี้
นายจ้างไม่ชำระเงินสมทบภายในกำหนดเวลา นายจ้างนำส่งเงินสมทบไม่ครบถ้วน ขั้นตอนติดตามเร่งรัดหนี้ 1. โทรศัพท์ติดตามหนี้ 2. ออกหนังสือเตือน, หนังสือเชิญพบ, หนังสือสั่งให้ไปพบ 3. ออกเร่งรัดหนี้นอกสถานที่ 4. ยึด/อายัดทรัพย์สิน 5. ขายทอดตลาดทรัพย์สิน 31

32 บทกำหนดโทษ (มาตรา 96) นายจ้างผู้ใดมีเจตนา
1. ไม่ยื่นแบบแสดงรายชื่อ ผู้ประกันตนและอัตรา ค่าจ้าง ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างเป็นผู้ประกันตน* 2. ไม่แจ้งขอเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ภายใน 15 วันของเดือนถัดไปจากเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลง * *ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 32

33 บทกำหนดโทษ (มาตรา 97) นายจ้างผู้ใดมีเจตนา
กรอกข้อความเป็นเท็จในแบบรายการ หรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเป็นเท็จ ในหนังสือแจ้งขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 33

34 บทกำหนดโทษ (มาตรา 97) (ต่อ)
* มาตรา 97 พรบ.(ฉบับที่ 4)นายจ้างผู้ใดยื่นแบบรายการตามมาตรา 34 หรือแจ้งขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการตามมาตรา 44 เป็นเท็จ หรือไม่ยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 47 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 34

35 บทกำหนดโทษ (มาตรา 101) ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิด และ ถูกลงโทษ ให้ถือว่าผู้แทนของนิติบุคคล กรรมการทุกคน และผู้รับผิดชอบในการ ดำเนินการของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษ เช่นเดียวกับนิติบุคคลนั้นด้วย 35

36 การขอรับเงินคืน 2. ประเภท กรณีเงินเกิน
- นายจ้างเป็นผู้ยื่นคำขอ (สปส.1-23) - ผู้ประกันตนที่ทำงานกับนายจ้างหลายราย (สปส.1-23/1) - ผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 (สปส.1-23/2) นายจ้าง/ผู้ประกันตนต้องยื่นคำขอรับเงินสมทบที่นำส่งเกิน คืนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นำส่งเงินสมทบ 36

37 การขอรับเงินคืน (ต่อ)
2. กรณีเงินไม่พึงชำระ(สปส.1-24) - ไม่เป็นผู้ประกันตน - นำส่งเงินหลังมีคำวินิจฉัยเป็นผู้ทุพพลภาพ - เงินที่นำส่งไม่เป็นค่าจ้าง เช่น เงินค่าล่วงเวลา ฯลฯ - นำส่งเงินก่อน/หลังสิ้นสภาพเป็นผู้ประกันตน ต้องยื่นคำขอรับเงินคืนภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ทราบว่ามีสิทธิเรียกคืน หรือภายในสิบปี นับแต่วันที่นำส่งเงินเข้ากองทุน 37

38 ค่าจ้าง ตามพรบ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 5
“ค่าจ้าง” หมายความว่าเงินทุกประเภทที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าตอบแทนการทำงานในวันและเวลาทำงานปกติ ไม่ว่าจะคำนวณตามระยะเวลา หรือคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้ในวันหยุดและวันลาซึ่งลูกจ้างไม่ได้ทำงานด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกำหนด คำนวณ หรือจ่ายในลักษณะใด หรือโดยวิธีใดและไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร ค่าจ้าง มี 2 อย่าง (1) ค่าจ้างที่ได้จากการทำงาน (2) ค่าจ้างที่ได้โดยไม่ต้องทำงาน 38

39 1 .ค่าจ้างที่ได้จากการทำงาน 1.1 เงินที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
1 .ค่าจ้างที่ได้จากการทำงาน 1.1 เงินที่นายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง (1) นายจ้างเป็นผู้จ่าย (2) ลูกจ้างรับเป็นของตน (3) หากจ่ายผ่านมือลูกจ้างไปยังผู้อื่น ไม่ใช่ค่าจ้าง (4) จ่ายผ่านมือหรือไม่ ให้ดูใบเสร็จ หรือหลักฐานการจ่าย 1.2 นายจ้างจ่ายเงินให้ลูกจ้าง เพื่อทดแทนเงิน หรือสิ่งที่ลูกจ้างจ่ายไป ไม่ใช่ค่าจ้าง 39

40 2.1 นายจ้างจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานของลูกจ้างเป็นค่าจ้าง
 2. นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อตอบแทนการทำงาน 2.1 นายจ้างจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานของลูกจ้างเป็นค่าจ้าง 2.2 นายจ้างจ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการ ไม่ใช่ค่าจ้าง สวัสดิการ หมายถึงนายจ้างจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือ หรือลูกจ้างในด้านต่างๆ เช่น อาหาร ค่าเครื่องแบบ ค่าพาหนะ ค่าเช่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าเล่าเรียนบุตร เงินฌาปนกิจศพ ค่าคลอดบุตร ค่าประกันอุบัติเหตุ เงินโบนัส ค่าภาษี ค่าน้า ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น 40

41    2.3 จ่ายเพื่อจูงใจลูกจ้าง ให้ทำงานมากกว่ามาตรฐานปกติ เช่น ให้ทำงานขยันขันแข็ง คือเบี้ยขยัน ให้ทำงานมากกว่าปกติ ให้ทำงานดีกว่าปกติ ให้ทำงานเสียหาย หรือสูญเสียน้อยกว่าปกติ เป็นต้น ล้วนมิใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานปกติ จึงไม่ใช่ค่าจ้าง 2.4 จ่ายเพื่อให้ลูกจ้างออกจากงาน ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ค่าเสียหายฐานเลิกจ้างที่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม หรือค่าเสียหายที่ผิดสัญญาจ้าง เป็นต้น 41

42 3. สำหรับการทำงานในเวลาปกติของวันทำงาน
3. สำหรับการทำงานในเวลาปกติของวันทำงาน 3.1 ตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันทำงานเป็นค่าจ้าง 3.2 ตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันหยุด เป็นค่าทำงานในวันหยุด 3.3 ตอบแทนการทำงานนอกเวลา หรือเกินเวลาในวันทำงานเป็นค่าล่วงเวลา 3.4 ตอบแทนการทำงานนอกเวลา หรือเกินเวลาในวันหยุด เป็นค่าล่วงเวลาในวันหยุด 1 42

43 4. ค่าจ้างที่ได้โดยไม่ต้องทำงาน
    4. ค่าจ้างที่ได้โดยไม่ต้องทำงาน 4.1 เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลา 4.2 ลูกจ้างไม่ได้ทำงาน แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย 4.3 ค่าจ้างในวันหยุด เช่น ลูกจ้างรายเดือนได้ค่าจ้างในวันหยุดประจำสัปดาห์ ลูกจ้างรายวัน รายชั่วโมงและลูกจ้างตามผลงานได้ค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี หรือวันหยุดพักผ่อนประจาปี ฯลฯ 43

44     5. ค่าจ้างในเวลา 5.1 ลูกจ้างได้ค่าจ้างตลอดเวลาที่ลาป่วยแต่รวมแต่ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วันทางาน (ม.57 วรรคหนึ่ง) 5.2 ลูกจ้างได้ค่าจ้างในวันลาเพื่อทาหมันตามที่แพทย์กาหนดและออกใบรับรอง (ม.57 วรรคสอง) 5.3 ลูกจ้างได้ค่าจ้างในวันลาเพื่อรับราชการทหารปีละไม่เกิน 60 วัน (ม.58) 5.4 ลูกจ้างหญิงได้ค่าจ้างระหว่างลาคลอดบุตร ครรภ์ละไม่เกิน 45 วัน (ม.59) 44

45 สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี
สวัสดีครับ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี โทร สายตรง 1506 (สายด่วนกระทรวงแรงงาน)


ดาวน์โหลด ppt งานเงินสมทบ การตรวจสอบ และงานกฎหมาย

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google