สักวัน ฉันก็ต้องแก่(เหมือนกัน) ฉันก็คงจะ.... ksd.thsmc@gmail.com 30 June 2009
เช้าวันเสาร์ ยังไม่ทันตื่นนอนเลย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โทรศัพท์จากคุณแม่นั่นเอง “วันนี้เที่ยง พาเด็กๆมากินสะเต๊ะที่บ้านแม่ดีไหม” “แต่แม่ หนูรับปากพาเด็กๆไปกินที่ร้านแม็คโดนัลแล้วล่ะแม่” แต่คุณแม่ยังไม่ยอมแพ้ “ประหยัดเงินไว้เถอะ ขับรถมาบ้านแม่เพียง 10 กว่านาทีเอง”
ฉันรู้สึกอึกอัก เพราะรู้ดีว่าพวกเด็กๆต้องอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ มากกว่ากินสะเต๊ะแน่ และก็เป็นจริงตามนั้น พอเจ้าลูกชายคนโตและคนรองทราบว่าใครโทรมาและกำลังพูดเรื่องอะไร คนหนึ่งโบกมือไม่เอา อีกคนถึงขนาดพนมมือขอร้องว่าอย่าไปเลย ทุกคนต่างรอคอยที่จะได้ไปกินอาหารมื้อเที่ยงนี้ ซึ่งกำหนดกันเพียงอาทิตย์ละครั้ง ฉันจึงตอบแม่ไปว่า “รอพวกเราปรึกษากันก่อน แล้วค่อยโทรบอกแม่ ดีไหมคะ” คุณแม่ตอบอย่างเศร้าๆว่า “อือ แล้วแต่พวกเธอ”
พอวางหูโทรศัพท์ พวกเด็กๆชิงกันพูดว่า “แม่อย่าเบี้ยวนะ ก็ไหนตกลงกันแล้วว่าจะไปกินที่ร้านแม็คโดนัลไง” ฉันจึงบอกกับลูกๆว่า “คุณยายไม่ได้อยากให้เราไปกินสะเต๊ะหรอก เขาอยากพบหน้าพวกหนูต่างหาก” “ก็พวกเราเพิ่งไปเยี่ยมคุณยายมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง”
ฉันทราบดีว่า เหตุผลเพียงแค่นี้ คงยากที่จะทำให้พวกเด็กๆเปลี่ยนแปลงแผนการเดิมได้ จึงบอกกับพวกเขาว่า “สักวัน แม่ก็คงแก่ คงจะโทรศัพท์มาหาพวกหนู บอกว่าวันนี้แม่ทำขนมเค้กไว้นะ พาลูกๆของหนูมากินได้ไหม ถ้าพวกหนูตอบว่า ขนมเค้กกินที่ไหนก็ได้ หรือวันนี้พวกหนูไม่ว่าง แม่ก็คงเสียใจเหมือนกัน” ลูกสาววัย 4 ขวบของฉันรีบตอบ “แม่ หนูจะไม่ตอบอย่างนั้น หนูจะตอบตกลงว่ามาหาแม่” ในที่สุด พวกเราตกลงกันว่า เที่ยงนั้นไปกินแฮมเบอร์เกอร์ ตามแผนเดิม แต่ตอนเย็นจะไปบ้านคุณยาย
พอคุณแม่ทราบ รู้สึกดีใจมาก “แล้วแม่จะรอย่างสะเต๊ะตอนบ่ายนะ” ตอนเย็น พวกเราก็ไปที่บ้านคุณยาย คนแก่ทั้งสองคนเห็นพวกเรา ดีใจจนออกนอกหน้า พวกเราพากันกรูเข้าไปในครัวไปเอาสะเต๊ะ คนแก่กับพวกเด็กๆคุยกันเสียงขรม คุณแม่เริ่มบ่นเรื่องปวดไหล่ ที่ยังไม่ยอมหายสักที พอถามว่า “อ้าว แม่ไม่ได้ไปทำกายภาพ หรือไปอบสมุนไพรเหรอ” “ไปมาแล้ว แต่ก็งั้นๆแหละ” ถึงตอนนี้ ฉันรู้ได้ทันทีว่า คุณแม่ไม่ได้ห่วงเรื่องรักษาหรอก แต่ต้องการความสนใจจากฉันซึ่งเป็นลูกสาวต่างหาก
พอเข้าไปในครัว เห็นก้นกระทะมีน้ำมันจับอยู่หนาเชียว ทั้งๆที่คุณแม่เป็นคนเจ้าสะอาด ฉันจึงใช้แปรงขัดให้จนสะอาด พลางเริ่มตระหนักว่า คุณแม่คงจะไม่ค่อยมีแรงขัดก้นกระทะแล้ว คุณแม่เคยมือหนึ่งอุ้มฉัน อีกมือหนึ่งผัดกับข้าว สองมือของคุณแม่เคยขัดบ้านได้ทุกซอกทุกมุม คุณแม่เป็นโชเฟ่อร์แท๊กซี่หญิงเพียงไม่กี่คนของเมืองนี้ มือทั้งสองข้างเคยถือพวงมาลัยหาเลี้ยงพวกเรามา มาถึงวันนี้ มือของท่านคงจะอ่อนล้ามากแล้ว ยังอุตส่าห์เสียบเนื้อสะเต๊ะ ผัดเส้นหมี่ แล้วโทรศัพท์เรียกพวกเรามากิน
หลังจากวันนั้น ต่อให้ยุ่งแสนยุ่ง เหนื่อยแสนเหนื่อย ฉันก็ยังกลับไปเยี่ยมคุณแม่ ช่วยขัดก้นกระทะให้ท่าน และหวังว่าสักวันหนึ่ง เมื่อฉันแก่ตัวลง มือไม้ไม่คล่องแคล่วเหมือนเก่า พวกลูกๆจะยังจำได้ว่า จะกลับบ้านมาช่วยฉันขัดก้นกระทะบ้าง
อย่าเอาแต่สนใจลูกๆอย่างเดียว สักวันหนึ่ง เราก็ต้องแก่
จำได้ว่า เคยเห็นจุลสารที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเขียนไว้ว่า “ทีลูกของเรา ฟันน้ำนมซี่แรกงอกเมื่อตอนเขาอายุหนึ่งขวบกับกี่เดือน ยังจำได้ แต่วันที่ฟันซี่สุดท้ายของพ่อและแม่หักหมดปาก ดันจำไม่ได้”