งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

Evolutionary Theory Charles Darwin

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "Evolutionary Theory Charles Darwin"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 Evolutionary Theory Charles Darwin
อารีลักษณ์ พูลทรัพย์

2 ชาลส์ ดาร์วิน ค.ศ เมื่ออายุ 45 ปี ขณะนั้นกำลังทำงานเพื่อตีพิมพ์ On the Origin of Species

3 Charles Darwin A classic image of Darwin in 1880

4

5

6 เส้นทางการเดินเรือ HMS Beagle ของดาร์วิน

7 ภาพการ์ตูนล้อใน Hornet magazine แสดงภาพ Darwin ที่ร่างกายคล้ายลิงมีเคราหนาในปี 1866.

8 ภาพโครงร่างของ ”ต้นไม้วิวัฒนาการ” ซึ่ง Darwin เขียนใน Notebook on Transmutation of Species (1837)

9 ต้นไม้วิวัฒนาการ Evolutionary tree

10 ฟอสซิลยุคใหม่แสดงให้เห็นปลามีครีบสั้น กึ่งขา เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ แสดงหลักฐานอันน่าเชื่อถือของวิวัฒนาการ

11

12 ซากกระดูกค้างคาวยุคโบราณ
รอยเท้าไดโนซอร์

13 Moral Sense ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคิดนักเขียนที่ยืนยันว่า ในบรรดาสิ่งที่เป็นความแตกต่างระหว่างสัตว์ชั้นต่ำกับมนุษย์ สำนึกแห่งคุณธรรม (moral sense) หรือมโนธรรมสำนึก (conscience) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด Charles Darwin, The Descent of Man

14 โครงสร้างการวิวัฒนาการในทฤษฎีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง (theory of change) แบบแผนของกระบวนการวิวัฒนาการจะค่อยๆเปลี่ยนจากแบบแผนเดิมที่สะสมกันมาอย่างต่อเนื่อง (accumulated design)

15 โครงสร้างการวิวัฒนาการในทฤษฎีว่าด้วยต้นกำเนิด (origin) แบบแผนของกระบวนการวิวัฒนาการจะคงที่ไม่มีแบบแผนการสะสมต่อเนื่องของการเปลี่ยนแปลง (no accumulated pool design)

16

17

18 ขั้นตอนวิวัฒนาการที่ค้างคาวมีขาและปีก แต่วิ่งและบินไม่ได้ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพของค้างคาว

19 Mysteries in the Process of the Spontaneous Generation of Life
ความเร้นลับน่าสงสัยของกระบวนการวิวัฒนาการมาสู่สิ่งมีชีวิตที่เป็นไปเองอย่างไร้จุดหมาย เกิดประจุไฟและฟ้าผ่ากับสภาพบรรยากาศสารเคมีตามธรรมชาติดั้งเดิม

20 The naturalistic story:
เริ่มต้นของจักรวาล -> เริ่มต้นของโลก -> ยุคก่อนชีวภาพ (น้ำซุปที่หลากหลาย) แบคทีเรีย <- เซลแรก <- ดีเอ็นเอและโปรตีน <- อาร์เอ็นเอ สัตว์เซลเดียว > ปลา -> สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ -> สัตว์เลื้อยคลาน -> สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม <- โฮมินิด <- สัตว์ประเภทลิงที่คล้ายมนุษย์ <- ลิง <- ไพรเมท

21 ทฤษฎีวิวัฒนาการในทัศนะของดาร์วิน
ข้อสมมุติฐานใน theory of evolution ในปี 1859 ในหนังสือ The Origin of Species ดังนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีความเกี่ยวดองกันโดยมีบรรพบุรุษร่วมกันหรือที่เรียกว่า “common ancestry” จากนั้นจึงแยกสาขาออกอย่างเชื่องช้า กลายเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเกิดขึ้นมาโดยกระบวนการผ่าเหล่าและการคัดสรรตามธรรมชาติ และอยู่รอดได้เพราะกระบวนการโดยบังเอิญของธรรมชาติ (random chance processes of nature) การแปรผันจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และส่งผ่านเป็นทอดๆ และยิ่งฉีกออกจากต้นแบบมากขึ้นเรื่อยๆ

22 ภาพจาก : ชัชพล เกียรติขจรธาดา “เรื่องเล่าจากร่างกาย”

23 เกิดการผันแปร(ผ่าเหล่า)อย่างบังเอิญ (Random mutations) หรือการแปรผัน แบบvariationในประชากรสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด และการสืบทอดเผ่าพันธุ์ สรรพสิ่งในธรรมชาติกำลังทำสงครามกัน ระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกัน และระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สภาพแวดล้อม การคัดสรรโดยธรรมชาตินำไปสู่การกลายพันธุ์ที่แตกต่างจากต้นแบบมากขึ้นเรื่อยๆ มี โครงสร้างที่ซับซ้อน และสูงขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ดีที่สุดสามารถอยู่รอดและสืบทอดเผ่าพันธุ์ และสร้างทายาทที่ดีที่สุดของตนขึ้นมา นี่คือ สิ่งที่เรียกว่า การคัดสรรโดยธรรมชาติ "natural selection."

24 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าสิ่งมีชีวิตบางตัวอยู่รอดได้และมีลูกมากกว่าชนิดอื่น สายพันธุ์ของตนก็จะวิวัฒน์ “evolve” การคัดสรรโดยธรรมชาติเพื่อการอยู่รอดและการคัดสรรโดยเพศสัมพันธ์เพื่อการสืบทอดเผ่าพันธุ์ การคัดสรรเป็นกระบวนการที่ไร้เป้าประสงค์แต่มีประสิทธิภาพสูง ไม่มีอคติ ไม่มองอนาคต แต่มีผลลัพธ์ มาตรฐานเดียวในการประเมินผลคือความอยู่รอดและการสืบทอดเผ่าพันธุ์ เงื่อนไขที่ทำให้เกิดการคัดสรรตามธรรมชาติ กรรมพันธุ์จะถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องข้ามหลายๆ รุ่น การเปลี่ยนแปลงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ลูกหลาน อัตราการเจริญเติบโตที่มีอยู่อย่างถาวรตามธรรมชาติ จะทำให้ไม่สามารถเลี้ยงดูและดูแลได้หมด

25 การแปรผันจะเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า จากความแปรผันอย่างหลากหลายในระดับเล็กระดับ น้อยในส่วนต่างๆ ของสายพันธุ์ มีการส่งผ่านรุ่นต่อรุ่นสู่ลูกหลานและจะมีการแปรผันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดมีการผ่าเหล่าของพันธุ์ขนาดใหญ่ (great phenotypic variation) ภายในหมู่สมาชิกประชากรของสายพันธุ์ การกลายพันธุ์นี้ส่วนมากจะสืบทอดต่อไปยังรุ่นต่อไปได้ (heritable) ความอยู่รอดและการผลิตลูกหลานรุ่นต่อไปมักจะขึ้นอยู่กับคุณลักษณะพิเศษที่สืบทอดได้ (heritable traits) ของสายพันธุ์

26 คุณลักษณะพิเศษที่สืบทอดได้ (Heritable traits) เพิ่มโอกาสความ เป็นไปได้ที่ปัจเจกจะมีชีวิตอยู่รอดและ/หรือสืบทอดเผ่าพันธุ์ อันนี้มักจะ กลายเป็นลักษณะร่วมของประชากรในเผ่าพันธุ์แต่ละเผ่าพันธุ์ คุณลักษณะ พิเศษใดที่ลดโอกาสความเป็นไปได้ที่ปัจเจกบุคคลจะอยู่รอดและสืบเผ่าพันธุ์ ก็ จะไม่กลายเป็นลักษณะร่วมของประชากรหรือมีลักษณะเด่นน้อยลง เมื่อผ่านกระบวนการไปหลายชั่วอายุ การเลือกสรรตามธรรมชาติจะนำไปสู่การ ค่อยๆเปลี่ยนคุณลักษณะของประชากร และที่มาของสายพันธุ์ใหม่ (new species)

27 สายพันธุ์ทุกชนิดมีศักยภาพสูงในการสร้างการเจริญพันธุ์ (fertility) แต่ทรัพยากรมี จำกัด (food, nesting spots etc.) ตามทฤษฎีของ Thomas Robert Malthus ประชากรจะเพิ่มในอัตราเรขาคณิตแต่อาหารจะเพิ่มในอัตราเลข คณิต จะมีตัวควบคุมสัดส่วนของประชากร เช่น โรคระบาด สงคราม การงดมีเพศสัมพันธ์ด้วย เหตุต่างๆ สภาวการณ์ ขาดแคลนอาหารและความอดอยาก ความเครียด เมื่อมีสมาชิกใหม่ในสายพันธุ์มากกว่าที่ทรัพยากรจะสนับสนุนได้ เกิดสภาวการณ์แข่งขัน เพื่อความอยู่รอดและการสืบเผ่าพันธุ์ แต่การแข่งขันกันนี้ไม่จำเป็นต้อองมีการต่อสู้ (Competition does not necessarily mean fighting.)

28 กฎของการแปรผัน (กฎของเมนเดล)
เกรกอร์ เมนเดล (Gregor Mendel) ลักษณะเฉพาะบางอย่างเป็นลักษณะเด่น (Dominant) บางลักษณะเป็นลักษณะด้อย (Recessive) ลักษณะเด่นจะข่มลักษณะด้อย แต่จะมีลักษณะด้อยแฝงอยู่ในยีน (Gene) อัตราส่วนของลักษณะเด่นและลักษณะด้อยที่แสดงในรุ่นลูกจะเป็น 3 : 1 และลักษณะด้อยจะปรากฏในชั้น หลาน การถ่ายทอดทางพันธุกรรมเป็นกระบวนการที่เกิดจากหน่วยย่อยที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ และมีเพียง 2 หน่วยเท่านั้นในแต่ละกรณี โดยเป็นการสะสมองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดจน กลายเป็นกลุ่ม พ่อและแม่จะส่งพันธุกรรมให้ลูกคนละครึ่ง ฟีโนไทป์(Phenotype) การรับชุดยีนหรือพันธุกรรมจากพ่อแม่แล้วแสดงให้เห็น จีโนไทป์(Genotype) การรับชุดยีนหรือพันธุกรรมจากพ่อแม่แล้วซ่อนไว้

29 ออกัสต์ ไวสแมนน์ (August Weismann)
ลักษณะเฉพาะที่ถ่ายทอดได้จะส่งผ่านไปสู่อีกรุ่นหนึ่งโดยผ่านสารในระดับโมเลกุลที่อยู่ใน นิวเคลียสของเซลส์ ลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่หรือได้มาเองไม่สามารถส่งต่อได้ สายเซลส์สืบพันธุ์(germ plasm เซลส์ในสายที่ต่อมาจะผลิตเซลส์สืบพันธุ์แท้คือไข่และอสุจิ) จะแยกอยู่ต่างหาก จากเซลส์ทั่วไปของร่างกาย เซลส์สืบพันธุ์จึงไม่สามารถแปรเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม เซลสืทั่วไปเท่านั้นที่แปรเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม กิ่งก้านของโครโมโซมบังเอิญมาทับเส้นทางกันระหว่างที่เซลส์กำลังแบ่งตัวสร้างเซลส์ สืบพันธุ์จะทำให้เกิดการผสมผสานรวมตัวของโครโมโซม เกิดการพัวพัน เชื่อมต่อ แยกกัน ของสายโครโมโซมที่นำไปสู่การเกิดลักษณะต่างๆ ทางกายภาพ ทุกครั้งที่มีการขยายพันธุ์ทางเพศ เกิดการพัวพัน เชื่อมต่อ แยกกันของสายโครโมโซมก็จะ ยิ่งทำให้เกิดลักษณะที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ

30 Apes Anthropoid Human-like สัตว์ประเภทที่คล้ายมนุษย์

31

32

33 Apes มิใช่ลิง มนุษย์เราอยู่ในวงศ์ญาติเดียวกันกับสัตว์ที่คล้ายมนุษย์ที่เรียกว่า anthropoid (หรือ human-like) apes, ซึ่งถูกเรียกอีกแบบว่าลิงพันธุ์ใหญ่หรือ "great" apes ไม่มีสัตว์อื่นที่ใกล้เคียงมนุษย์กว่านี้อีกแล้ว ในแง่ของ DNA เรามีส่วนคล้ายกับชิมแปนซีและลิง bonobos อยู่ 98.4 % นี่คือ diagram ของ primate evolutionary tree พิจารณาจากการ เปรียบเทียบ DNA comparisons มนุษย์ (Homo sapiens sapiens) ถูกแยกประเภทเป็น Hominoid ส่วนสัตว์ลิงแบบอื่นในสายวงศ์นี้คือลิงใหญ่อีกสี่ประเภท: chimpanzee (Pan troglodytes), bonobo (Pan paniscus), gorilla (Gorilla gorilla), and orangutan (Pongo pygmaeus).

34

35 Hominoid family ยังรวมไปถึงลิงเล็ก "lesser" apes ประเภทอื่นๆ: ชะนีหรือ gibbons และ siamangs สัตว์ประเภทลิง (primates) ตัวอื่นไม่มีใครถูกเรียกว่า apes: มันคือลิงธรรมดาที่เรียกว่า monkeys และ prosimians แต่ Hominoids ได้แยกสายพันธุ์ออกจาก primates (Old World monkeys, New World monkeys, และ prosimians) มาประมาณ 23 ล้านปีมาแล้ว การค้นพบล่าสุดจากวิชาที่ศึกษาซากสิ่งมีชีวิตในยุคหินหรือ บรรพชีวินวิทยา(Paleontology) ชี้ให้เห็นว่า hominids ในยุคแรกๆ ดูคล้ายกับมนุษย์มาก และยืนยันความน่าเชื่อถือของการเปรียบเทียบ Homo sapiens กับลิงอื่นๆเช่นพวก anthropoid apes (ลิงใหญ่) การแยกสายพันธุ์มนุษย์ออกจากลิงประมาณกันว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 6 ล้านปีที่ผ่านมาเท่านั้น

36 ชะนี หรือ gibbon เป็นลิงประเภทลิงเล็ก "lesser" apes

37 siamangs เป็นลิงประเภทลิงเล็ก "lesser" apes

38 GREAT or ANTHROPOID APES

39 วิวัฒนาการของไพรเมตย้อนหลังไปได้ถึงประมาณ 60 ล้านปีก่อน ไพรเมตมีบรรพบุรุษร่วมกันกับสัตว์ จำพวกค้างคาว ซึ่งอาจมีชีวิตอยู่ช่วงประมาณยุค Cretaceous (ยุคสุดท้ายของไดโนเสาร์) ไพรเมต (เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ทราบกัน) มาจากบริเวณอเมริกาเหนือ แพร่กระจายผ่าน ยุโรป เอเชีย และ แอฟริกา ในยุค Paleocene และ Eocene เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงเป็นหนาวเย็นในต้นยุค Oligocene (ประมาณ 40 ล้านปีก่อน) ไพรเมตสูญ พันธ์ไปเป็นจำนวนมาก เหลืออยู่เพียงบริเวณแอฟริกาและเอเชียใต้ บรรพบุรุษยุคแรกๆของโฮมินิด (ลิงใหญ่และมนุษย์) ออกจากแอฟริกาเข้าสู่ยุโรปและเอเชีย เมื่อประมาณ 17 ล้านปีก่อน ซึ่งต่อมาวิวัฒนาการไปเป็น บรรพบุรุษของลิงใหญ่ ลิงกอริลลา และลิงชิมแปนซี และก็มีสายพันธ์ หนึ่ง วิวัฒนาการกลายเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อประมาณ 6 ล้านปีก่อน บรรพบุรุษของมนุษย์ วิวัฒนาการแยกจากลิงกอริลลาเมื่อประมาณ 8 ล้านปีก่อน และแยกจากลิง

40

41 นักศึกษาบรรพชีวินวิทยา(paleontologists) มักจะให้ความสนใจกับช่วงระยะเวลา 3-4 ล้านปีที่ผ่านมาซึ่งสัตว์ประเภทมนุษย์เริ่มยืนสองขา (bipedality) มีสมองใหญ่ ขึ้น และมีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม แนวทางศึกษาแบบ living links พยายามย้อน เวลากลับไปเพื่อให้รวมไปถึงวิวัฒนาการของสัตว์ทุกชนิดที่เป็น Hominoids  Australopithecus Afarensis อายุ ล้านปี เป็นสายพันธุ์ hominid จากชนเผ่า Kada Hadar ใน Middle Awash ประเทศ Ethiopia มีความสูงประมาณ 41 นิ้ว หนัก 60 ปอนด์ และมีกะโหลกศีรษะขนาด 410 cc ขนาดสมองประมาณ 450 cc Afarensis เป็นช่วงต่อระหว่างยุคลิง ใหญ่ apes และสัตว์ประเภทมนุษย์ และมีลักษณะทั้งลิงและมนุษย์อยู่ในตัวเดียวกัน

42

43 Australopithecus afarensis
เมื่อ 8 ล้านปีก่อน แอฟริกาทั้งทวีปถูกปกคลุมด้วยป่าฝนที่รกทึบ แต่การกำเนิดของเทือกเขาหิมาลัยทำให้ ทิศทางของลมมรสุมต่างๆ เปลี่ยนไป ส่งผลให้ฝนที่ตกในแอฟริกาลดลง ทวีปแอฟริกาจึงกลายสภาพเป็นป่า โปร่งแทนที่จะเป็นป่าฝนที่รกทึบ (แต่ก็ยังมีป่าฝนอยู่บ้างเป็นแห่งๆ) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำมาสุ่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ ลิงที่อยู่ในป่าจึงต้องปรับตัวให้ อยู่บนพื้นดินได้ด้วย การปรับตัวเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนในที่สุด 3,900,000 ปีก่อน ลิงกลุ่มนั้นได้ วิวัฒนาการมาเป็นสปีชีส์ Australopithecus afarensis ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ทั้งบนต้นไม้ และบนพื้นดิน สามารถเดินสองขาและเดินสี่ขาได้ ต่างจากลิงในอดีตที่ไม่สามารถเดินสองขาได้ การเดินสองขานั้น มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานในร่างกายมากกว่าการเดินสี่ขา สามารถประหยัด พลังงานในร่างกายเพื่อทำกิจกรรมอื่นได้ดีขึ้น เช่น การปกป้องอาณาเขต หรือ การสืบพันธุ์

44 1 ล้านปีถัดมา เมื่อ 2,900,000 ปีก่อน afarensis เริ่มมีวิวัฒนาการ และพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตสปี ชีส์ใหม่ คือ Paranthropus boisei ซึ่งมีพละกำลังเพิ่มขึ้น เข้ามาแทนที่ เวลาผ่านไป 400,000 ปี ในช่วง 2,500,000 ปีก่อน โลกเกิดภาวะเย็นตัวลง เกิดน้ำแข็งยักษ์สะสมที่ขั้ว โลก ทำให้น้ำที่เป็นของเหลวลดจำนวนลง แผ่นดินทั่วโลกจึงแล้งขึ้นเล็กน้อย รวมทั้งแอฟริกาด้วย แอฟริกาในช่วงนี้กลายเป็นทวีปที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ ตั้งแต่ป่าฝนรกๆ ป่าโปร่ง ทุ่งหญ้า หรือทะเลทราย สภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ทำให้สิ่งมีชีวิตในแอฟริกาเกิดการปรับตัวที่แตกต่าง กลายเป็นมนุษย์วานร หลายสปีชีส์ อยู่รวมกันในบริเวณต่างๆ ของแอฟริกา แต่ทว่า สปีชีส์หนึ่งในนั้น ไม่ใช่มนุษย์วานร แต่เป็น มนุษย์

45 Homo habilis สปีชีส์แรกที่นับได้ว่าเป็นมนุษย์ ปรากฏขึ้นในแอฟริกาเมื่อ 2,200,000 ปีก่อน ชื่อว่าสปีชีส์ Homo habilis (Homo เป็นภาษาละติน แปลว่า มนุษย์) พวกเขาวิวัฒนาการให้เป็นสปีชีส์ที่มีความคล่องตัว ทุกกรณี และมีสมองที่ฉลาดกว่าสปีชีส์อื่นๆ เป็นสปีชีส์แรกที่คิดค้นการทำอาวุธเครื่องมือต่างๆ จากหิน แต่ ยังไม่มีการสื่อสารด้วยการพูด แต่ไม่มีพละกำลังเท่า Paranthropus boisei ทักษะของฮาบิลิส ทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ในหลายสภาพภูมิศาสตร์ เพราะรู้จักการปรับตัวและการใช้สมอง ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของฮาบิลิสที่บริเวณภาคตะวันออกของแอฟริกา มีอายุประมาณ 2-4 ล้านปี มีขนาด สมองประมาณ 600 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีฟันที่แสดงให้เห็นว่ากินเนื้อสัตว์ เป็นอาหารด้วย จึงจัดเป็น ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์

46 ตัวอย่างที่พบคือซากดึกดำบรรพ์ในทวีปแอฟริกาบริเวณหุบเขา โอดูวาย (Oduvai) เมื่อนำมาตรวจสอบอายุปรากฏว่ามีอายุประมาณ 1,750,000 ปี เป็นมนุษย์ที่มีลักษณะ คล้ายคลึงกับพวกลิงใหญ่โบราณ และยังมีขนปกคลุมร่างกายคล้ายคลึงกับลิง Homo ergaster และ Homo Heidelbergensis ปรากฏขึ้นบนโลก เมื่อ 1,900,000 ปีก่อน และเป็นเผ่าแรกที่สือสารด้วยการพูดได้ เป็นคู่แข่งทาง วิวัฒนาการของฮาบิลิสที่ได้เปรียบฮาบิลิส เพราะเออร์กัสเตอร์ มีสมองที่ฉลาดกว่า ปี มี ขนาดสมองประมาณ 800 ลูกบาศก์เซนติเมตรและมีการพูดเป็นการสื่อสาร จนกระทั่งฮา บิลิสได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 1,600,000 ปีก่อน

47 Homo erectus เออร์กัสเตอร์ สูญพันธุ์ไปเมื่อ 1,400,000 ปีก่อน โดยมี Homo erectus ก้าวแทนที่ มีวิวัฒนาการมาจาก habilis โดยตรง ก้าวเข้ามาต่อสู้ในโลกแห่งความจริงแทนฮาบิลิส มี ความเจริญใกล้เคียงมนุษย์ปัจจุบัน หลังจากอีเร็คตัสกำเนิดขึ้นมาได้ 200,000 ปี บอยเซอิก็ สูญพันธุ์ไป โฮโมอีเร็คตัส (Homo Erectus) เป็นมนุษย์ที่มีใบหน้าตั้งตรงเหมือนมนุษย์ยุคใหม่ แล้ว มีขากรรไกรและฟันที่แข็งแรง โดยขากรรไกรจะเริ่มหดสั้นกว่า Homo habilis ส่วนของกะโหลกซึ่งกว้างที่สุดอยู่ที่ระดับรูหู มีขนาดสมองประมาณ1,000 ลูกบาศก์ เซนติเมตร เชื่อกันว่ามนุษย์ชนิดนี้ไม่มีขนแบบลิงแล้ว และมีการกระจายตั้งแต่แอฟริกาจน ถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และยุโรป

48 มนุษย์ยุคนี้เริ่มรู้จักการใช้ไฟ และประดิษฐ์ เครื่องมือต่างๆ จากก้อนหินได้ดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์จึงจัดให้เป็นมนุษย์แรกเริ่ม (Early man) ที่รู้จักกันดีก็คือมนุษย์ ชวา (Java ape man) มนุษย์ลำปาง (Lampang Man) และมนุษย์ ปักกิ่ง(Peking man) สำหรับมนุษย์ปักกิ่งนั้นถูกค้นพบซากอยู่ที่ถ้ำ จูกูเทียน (Zhoukoudian) ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้ทราบว่ามนุษย์ยุคนี้รู้จัก การใช้ไฟ มีการล่าสัตว์โดยใช้ขวานหิน และในบางครั้งมนุษย์ปักกิ่งเป็นพวกที่กินเนื้อ มนุษย์พวกเดียวกันอีกด้วย

49 Homo sapiens อีเร็คตัสมีชีวิตอยู่นาน 1,240,000 ปี ก่อนจะสูญพันธุ์ไปเมื่อ 250,000 ปีก่อน เพราะได้ วิวัฒนาการโดยตรงมาเป็น Homo sapiens ซึ่งก็คือมนุษย์ปัจจุบัน โฮโมเซเปียนส์ มีอายุเมื่อ 250,000 ปีมาแล้ว มีการพัฒนาทางร่างกาย ใกล้เคียงมนุษย์ ปัจจุบัน ปี มีขนาดสมองประมาณ 1,200 ลูกบาศก์เซนติเมตรสามารถยืนตัวตรงได้ ยังชีพ ด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร โดยใช้อาวุธที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้น มนุษย์ที่อาศัยในโลกปัจจุบันนี้จัดอยู่ในสปีชีส์ โฮโมเซเปียนส์ เซเปียนส์ แบ่งออกเป็นหลาย เผ่าพันธุ์ ได้แก่ เผ่านิกรอยด์ เผ่ามองโกลอยด์ เผ่าคอเคซอยด์ เผ่าออสเตรลอยด์ ซึ่ง สามารถผสมพันธุ์ข้ามเผ่าได้ และให้ลูกหลานที่ไม่เป็นหมัน

50 มนุษย์ไฮเดนเบอร์ก มนุษย์เนบราสก้า มนุษย์เพลดาว มนุษย์ปักกิ่ง
มนุษย์นีเอนเดอทาล มนุษย์นิวกินี มนุษย์โครมันยอง มนุษย์ยุคใหม่

51 มนุษย์นีแอนเดอธัล (Homo neanderthalensis) หรือ มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล เป็นมนุษย์ที่พบว่ามีชีวิตอยู่ในช่วงทีน้ำส่วนใหญ่ของโลกกลายเป็นน้ำแข็งโดย ซากดึกดำ บรรพ์ที่พบมีอายุประมาณ 1 แสน ถึง 1 ล้านปี มีขนาดสมองประมาณ 1,200 ลูกบาศก์ เซนติเมตร ส่วนของกะโหลกซึ่งกว้างที่สุดอยู่ที่ระดับเหนือรูหู มีขากรรไกร ล่างสั้นลักษณะ หน้าผากเป็นสันนูนและลาดกว่ามนุษย์ในปัจจุบันสามารถยืนโดยลำตัวตั้งตรงรู้จักการใช้ไฟ การล่าสัตว์ รูจักประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆโดยใช้หินคนที่ตาย แล้วจะถูกนำไปฝังพร้อมกับช่อ ดอกไม้ อาหาร และอาวุธ มนุษย์พวกนี้รู้จักการหาที่อยู่อาศัยทั้งในถ้ำ หุบเขา หรือที่ราบ พบ กระจายในบริเวณต่างๆ กว้างขวางมากตั้งแต่ยุโรปตะวันออกกลาง แอฟริกา ไปจนถึง ประเทศจีน

52 มนุษย์โครมายอง (Cro - Magnon man) มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับมนุษย์ปัจจุบัน กล่าวคือ มีกะโหลกศีรษะโค้งมน มากขึ้น ขากรรไกรหดสั้นลงกว่ามนุษย์นีแอนด์เดอร์ทัลมาก และ แก้มนูนเด่นชัดขึ้น แม้ว่ามนุษย์ ชนิดนี้จะมีใบหน้าเล็กแต่ก็มีสมองขนาดใหญ่ประมาณ 1,200- 1,300 ลูกบาศก์เซนติเมตรซึ่งมีความเฉลียวฉลาดสามารถประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆสำหรับ ดำรงชีพและรู้จักการเขียนภาพต่างๆด้วยจากการศึกษาพบว่ามนุษย์โครมายอง มีชีวิตอยู่ใน ช่วง ประมาณ 50,000 ปีมาแล้ว         การขุดค้นพบโครงกระดูกและศิลปวัตถุภายในถ้ำโคร- มายอง ประเทศฝรั่งเศส ทำให้ได้รับการตั้ง ชื่อโครงกระดูกดังกล่าวว่า มนุษย์โคร – มายอง ตามสถานที่ขุดพบ ที่กล่าวว่ามนุษย์ โคร – มา ยอง มีความเป็นไปได้ที่เป็นต้นตระกูลของมนุษย์ปัจจุบัน เนื่องมาจากโครงกระดูกดังกล่าวมีรูปร่าง ลักษณะสูงใหญ่ ประกอบด้วยสัดส่วนและปริมาตรของมันสมองใกล้เคียงกับมนุษย์สมัยปัจจุบัน มี ความสูงเฉลี่ยอยู่ในระหว่าง 5 ฟุตครึ่งถึง 6 ฟุต กระโหลกศีรษะยาวใบหน้าค่อนข้างสั้น รู้จักวิธีการฝัง ศพ จัดพิธีกรรม รู้จักการวาดภาพ การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์

53 มนุษยชาติ

54 Evolution of Psychological Mechanisms วิวัฒนาการของกลไกทางจิตวิทยา
กลไกทางจิตวิทยาสามารถที่จะวิวัฒน์ไปในทิศทางที่คล้ายกับการปรับตัวอันซับซ้อนใน กลไกทางร่างกาย กลไกทางจิตวิทยาเป็นกระบวนการทางจิต-ประสาทแบบพิเศษ (specialized neuropsychological processes) ซึ่งถูก ออกแบบขึ้นมาโดยกระบวนการเลือกสรรตามธรรมชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาบางอย่างที่เกิด ซ้ำๆในการอยู่รอดและการสืบทอดเผ่าพันธุ์และเกิดขึ้นในช่วงประวัติศาสตร์วิวัฒนาการ ของสายพันธุ์หนึ่งๆ ตัวอย่างเช่นสุนัขป่า (และหมาป่าพันธุ์อื่นๆ) มีกลไกพิเศษที่ออกแบบ มาให้มีความรู้สึกไวต่อกลิ่นและสามารถติดตามเหยื่อได้อย่างคล่องแคล่ว

55

56

57

58 ในตัวของสุนัขป่า กลไกทางจิตแบบนักล่าจะทำให้มันให้ความสนใจกับร่องรอย (โดยเฉพาะ กลิ่น) ในสภาพแวดล้อมที่บ่งชี้ให้เห็นทิศทางการเคลื่อนไหวของเหยื่อ สุนัขป่ายังมีกลไก ทางจิตชุดหนึ่งที่ช่วยให้มันควบคุมพฤติกรรมทางสังคมที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจครอบงำใน ความสัมพันธ์และร่วมมือกันเพื่อการล่า กลไกทางจิตเพื่อให้เกิดพฤติกรรมทางสังคมเหล่านี้ มีความสำคัญต่อความอยู่รอดและสืบ เผ่าพันธุ์ของสุนัขป่ามากพอๆกับกลไกสำหรับตามกลิ่นของเหยื่อ มนุษย์ก็คล้ายกับสุนัขป่า มีชุดของกลไกทางจิตเพื่อทำให้เกิดพฤติกรรมทางสังคมที่ซับซ้อน ในระหว่างเส้นทางวิวัฒนาการ บรรพบุรุษของเราได้พบกับการท้าทายของสภาพแวดล้อม ที่ต้องอาศัยพฤติกรรมทางสังคมเพื่อแก้ปัญหา

59 ความแปรผัน “Variants” ในความสามารถทางจิตที่ แก้ปัญหาได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมอันท้าทายทำให้เกิดความ ได้เปรียบที่เหนือกว่าความแปรผันอื่นๆที่ด้อยกว่าในการแก้ปัญหา ความแปรผันเหล่านี้ทำให้เกิดการเลือกสรรตามธรรมชาติถ้ามันสืบ ทอดต่อให้คนรุ่นหลังได้ ในทุกวันนี้เรารับรู้ว่ามนุษย์มีกลไกทางจิต ซึ่งอยู่ใน “อาณาบริเวณ” ต่างๆของความคิดและพฤติกรรม อาณา บริเวณเหล่านี้คือ

60 ความแปรผันของคุณสมบัติที่สืบทอดต่อไปสู่คนรุ่นหลังได้ทำ ให้เกิดความได้เปรียบในการเลือกสรรตามธรรมชาติในห้วง เวลาอันยาวนาน จนกลายเป็นคุณลักษณะที่ติดตรึงอยู่ในกลุ่ม ประชากร

61 ภาษา (Language) พฤติกรรมการหาคู่ (Mating behavior) พฤติกรรมการเป็นพ่อแม่เลี้ยงดูเด็ก (Parenting behavior) การทำความดีตอบแทนผู้อื่น (Reciprocal altruism) และ การแลกเปลี่ยนทางสังคม (social exchange) การประเมินความเสี่ยงในชีวิต (Risk assessment) การเล่นพรรคเล่นพวกหรือเครือญาติ (Nepotism)


ดาวน์โหลด ppt Evolutionary Theory Charles Darwin

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google