ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยสริตา ตั้งตระกูล ได้เปลี่ยน 5 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
Please prepare your heart and pray to God
เตรียมใจอธิษฐาน Please turn off your mobile phone during the service กรุณา..ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
4
เรานำเสียงการสรรเสริญ มายังวิหารของพระองค์ We bring the sacrifice of praise unto the house of the Lord
5
เรานำเสียงการสรรเสริญ มายังวิหารของพระองค์ We bring the sacrifice of praise unto the house of the Lord
6
เราถวายคำโมทนา เป็นเครื่องบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า And we offer up to You The sacrifices of thanksgiving
7
เราถวายคำสดุดี เป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์ And we offer up to You the sacrifices of joy
8
เรานำเสียงการสรรเสริญ มายังวิหารของพระองค์ We bring the sacrifice of praise unto the house of the Lord
9
เรานำเสียงการสรรเสริญ มายังวิหารของพระองค์ We bring the sacrifice of praise unto the house of the Lord
10
เราถวายคำโมทนา เป็นเครื่องบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า And we offer up to You The sacrifices of thanksgiving
11
เราถวายคำสดุดี เป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์ And we offer up to You the sacrifices of joy
12
เราถวายคำโมทนา เป็นเครื่องบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า And we offer up to You The sacrifices of thanksgiving
13
เราถวายคำสดุดี เป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์ And we offer up to You the sacrifices of joy
15
วิญญาณข้าแสวงหาพระเจ้า As the deer panteth for the water,
ดุจดังกวางน้อยกระหายหาน้ำ so my soul longeth after Thee telnet เมื่อคอมพิวเตอร์ของท่านติดต่อกับอินเตอร์เน็ตได้แล้ว สิ่งถัดไปคือการติดต่อกับคอมพิวเตอร์ที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ เหตุที่ต้องติดต่อเพราะว่าต้องการเข้าไปใช้บริการในเซิร์ฟเวอร์นั้น telnet เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ท่านสามารถติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ รูปแบบคำสั่งที่ใช้ telnet ในการติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์เป็นดังนี้ telnet ชื่อเซิร์ฟเวอร์ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ชื่อ student.netserv.chula.ac.th คำสั่งที่ใช้ก็เป็นดังนี้ telnet student.netserv.chula.ac.th เมื่อติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้แล้ว ต่อไปให้ท่านทำการ login เข้าไปเพื่อจะได้ใช้บริการต่าง ๆของเซิร์ฟเวอร์นั้น ถ้าท่าน login ไม่เข้าก็ไม่สามารถใช้บริการต่าง ๆได้ สิ่งที่ท่านต้องใช้ตอน login คือ account และ password ที่เป็นของเซิร์ฟเวอร์นั้น ซึ่ง ISP จะให้ท่านเมื่อท่านสมัครเป็นสมาชิก ในกรณีของนิสิตจุฬา ฯจะได้ account และ password จาก ChulaNet ท่านสามารถใช้ telnet ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ในอินเตอร์ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล แต่ถ้าท่านต้องการใช้บริการของเซิร์ฟเวอร์นั้นท่านต้องมี account และ password ของเซิร์ฟเวอร์นั้น
16
ทรงเป็นความปรารถนาแห่งจิตใจข้า You alone are my heart’s desire
ที่อยากสรรเสริญพระองค์ and I long to worship Thee
17
ทรงเป็นโล่กำบังที่เข้มแข็ง You alone are my strength, my shield
ทรงเป็นผู้เดียวที่ข้ารักเทิดทูน To You alone may my spirit yield
18
ทรงเป็นความปรารถนาแห่งจิตใจข้า You alone are my heart’s desire
ที่อยากสรรเสริญพระองค์ and I long to worship Thee
19
วิญญาณข้าแสวงหาพระเจ้า As the deer panteth for the water,
ดุจดังกวางน้อยกระหายหาน้ำ so my soul longeth after Thee telnet เมื่อคอมพิวเตอร์ของท่านติดต่อกับอินเตอร์เน็ตได้แล้ว สิ่งถัดไปคือการติดต่อกับคอมพิวเตอร์ที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ เหตุที่ต้องติดต่อเพราะว่าต้องการเข้าไปใช้บริการในเซิร์ฟเวอร์นั้น telnet เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ท่านสามารถติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ รูปแบบคำสั่งที่ใช้ telnet ในการติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์เป็นดังนี้ telnet ชื่อเซิร์ฟเวอร์ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ชื่อ student.netserv.chula.ac.th คำสั่งที่ใช้ก็เป็นดังนี้ telnet student.netserv.chula.ac.th เมื่อติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้แล้ว ต่อไปให้ท่านทำการ login เข้าไปเพื่อจะได้ใช้บริการต่าง ๆของเซิร์ฟเวอร์นั้น ถ้าท่าน login ไม่เข้าก็ไม่สามารถใช้บริการต่าง ๆได้ สิ่งที่ท่านต้องใช้ตอน login คือ account และ password ที่เป็นของเซิร์ฟเวอร์นั้น ซึ่ง ISP จะให้ท่านเมื่อท่านสมัครเป็นสมาชิก ในกรณีของนิสิตจุฬา ฯจะได้ account และ password จาก ChulaNet ท่านสามารถใช้ telnet ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใดก็ได้ในอินเตอร์ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล แต่ถ้าท่านต้องการใช้บริการของเซิร์ฟเวอร์นั้นท่านต้องมี account และ password ของเซิร์ฟเวอร์นั้น
20
ทรงเป็นความปรารถนาแห่งจิตใจข้า You alone are my heart’s desire
ที่อยากสรรเสริญพระองค์ and I long to worship Thee
21
ทรงเป็นโล่กำบังที่เข้มแข็ง You alone are my strength, my shield
ทรงเป็นผู้เดียวที่ข้ารักเทิดทูน To You alone may my spirit yield
22
ทรงเป็นความปรารถนาแห่งจิตใจข้า You alone are my heart’s desire
ที่อยากสรรเสริญพระองค์ and I long to worship Thee
24
God sent His Son They called Him Jesus พระเจ้าประทาน พระเยซูพระบุตร
25
He came to love, Heal and forgive ทรงรักและให้อภัยแก่ข้า
26
He gave His life to buy my pardon ทรงไถ่ตัวข้า ด้วยสละพระชนม์
27
an empty grave is there to prove my Saviour lives อุโมงค์ว่างเปล่า ย่อมยืนยันว่า พระองค์ทรงอยู่
28
Because He lives I can face tomorrow เพราะพระองค์ทรงอยู่ ข้าเผชิญพรุ่งนี้ได้
29
Because He lives all fear is gone เพราะพระองค์ทรงอยู่ ความกลัวหายไป
30
Because I know I know who holds the future เพราะข้าแน่ใจ แน่ใจ พระองค์ทรงนำหน้า
31
and life is worth the living just because He lives ข้าจะอดทน เพราะข้าแน่ใจพระองค์ทรงอยู่
32
Because He lives I can face tomorrow เพราะพระองค์ทรงอยู่ ข้าเผชิญพรุ่งนี้ได้
33
Because He lives all fear is gone เพราะพระองค์ทรงอยู่ ความกลัวหายไป
34
Because I know I know who holds the future เพราะข้าแน่ใจ แน่ใจ พระองค์ทรงนำหน้า
35
and life is worth the living just because He lives ข้าจะอดทน เพราะข้าแน่ใจพระองค์ทรงอยู่
37
ขอความรัก ขอฤทธา ทรงเติมใจข้าให้ล้นไหล More love More power More of you in my life
38
ขอความรัก ขอฤทธา ทรงเติมใจข้าให้ล้นไหล More love More power More of you in my life
39
เพื่อข้าจะสรรเสริญ พระองค์สิ้นดวงจิต I will worship you with all of my heart
40
เพื่อข้าจะสรรเสริญ พระองค์สิ้นดวงใจ I will worship you with all of my strength
41
เพื่อข้าจะสรรเสริญ พระองค์สิ้นกำลัง And I will worship you with all of my soul
42
เพราะทรงเป็นพระเจ้า ทรงเป็นพระเจ้า for you are my God You are my God
43
ขอความรัก ขอฤทธา ทรงเติมใจข้าให้ล้นไหล More love More power More of you in my life
44
ขอความรัก ขอฤทธา ทรงเติมใจข้าให้ล้นไหล More love More power More of you in my life
45
เพื่อข้าจะสรรเสริญ พระองค์สิ้นดวงจิต I will worship you with all of my heart
46
เพื่อข้าจะสรรเสริญ พระองค์สิ้นดวงใจ I will worship you with all of my strength
47
เพื่อข้าจะสรรเสริญ พระองค์สิ้นกำลัง And I will worship you with all of my soul
48
เพราะทรงเป็นพระเจ้า ทรงเป็นพระเจ้า for you are my God You are my God
50
สั่งการตามกฎหมาย แต่ขณะนี้บุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อ
Galatians กาลาเทีย 3 Instructed by the law but now a child of God by faith สั่งการตามกฎหมาย แต่ขณะนี้บุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อ
51
1O foolish Galatians. Who has bewitched you
1O foolish Galatians! Who has bewitched you? It was before your eyes that Jesus Christ was publicly portrayed as crucified. 1โอ ชาวกาลาเทียคนเขลา ใครสะกดดวงจิตของท่านให้เห็นผิดไปได้ ทั้งๆที่ภาพการถูกตรึงของพระเยซูคริสต์ปรากฏอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว
52
2Let me ask you only this: Did you receive the Spirit by works of the law or by hearing with faith? 2ข้าพเจ้าใคร่รู้ข้อเดียวจากท่านว่า ท่านได้รับพระวิญญาณโดยการ ประพฤติตามธรรมบัญญัติหรือ หรือได้รับโดยการฟังด้วยความเชื่อ
53
3Are you so foolish? Having begun by the Spirit, are you now being perfected by the flesh? 3ท่านเขลาถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ เมื่อท่านเริ่มต้นมาด้วยพระวิญญาณแล้ว บัดนี้ท่านจะจบลงด้วยเนื้อหนังหรือ
54
Galatians กาลาเทีย 2:16 yet we know that a person is not justified by works of the law but through faith in Jesus Christ, so we also have believed in Christ Jesus, in order to be justified by faith in Christ and not by works of the law, because by works of the law no one will be justified.
55
16ก็ยังรู้ว่าไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ถึงเราเองก็มีใจศรัทธาในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยศรัทธาในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย
56
Galatians กาลาเทีย 3:4 Did you suffer so many things in vain—if indeed it was in vain? 4ท่านได้รับประสบการณ์มากมายโดยไร้ประโยชน์หรือ ถ้าเป็นการไร้ประโยชน์จริงๆแล้ว
57
5Does he who supplies the Spirit to you and works miracles among you do so by works of the law, or by hearing with faith— 5พระองค์ผู้ทรงประทานพระวิญญาณแก่ท่าน และทรงสำแดงอิทธิฤทธิ์ท่ามกลางพวกท่าน ทรงกระทำการเช่นนั้นโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติหรือ หรือโดยการฟังด้วยความเชื่อ
58
6just as Abraham “believed God, and it was counted to him as righteousness”? 6ดังที่อับราฮัม ได้เชื่อพระเจ้า และการที่เชื่อนั้นพระองค์ทรงนับว่า เป็นความชอบธรรมแก่ท่าน
59
7Know then that it is those of faith who are the sons of Abraham
60
8And the Scripture, foreseeing that God would justify the Gentiles by faith, preached the gospel beforehand to Abraham, saying, “In you shall all the nations be blessed.”
61
8และพระคัมภีร์นั้นรู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้คนต่างชาติเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ จึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่อับราฮัมล่วงหน้าว่า ชนชาติทั้งหลายจะได้รับพระพรเพราะเจ้า
62
9So then, those who are of faith are blessed along with Abraham, the man of faith. 9เหตุฉะนั้นคนที่เชื่อจึงได้รับพระพรร่วมกับอับราฮัมผู้ซึ่งเชื่อ
63
10For all who rely on works of the law are under a curse; for it is written, “Cursed be everyone who does not abide by all things written in the Book of the Law, and do them.”
64
10เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็ถูกแช่งสาป เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อ ที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติก็ถูกแช่งสาป
65
11Now it is evident that no one is justified before God by the law, for “The righteous shall live by faith.” 11เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า ด้วยธรรมบัญญัติได้เลย เพราะว่า “คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ”
66
12But the law is not of faith, rather “The one who does them shall live by them.” 12แต่ธรรมบัญญัติไม่ได้อาศัยความเชื่อ เพราะ ผู้ที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็จะได้ชีวิตดำรงอยู่โดยธรรมบัญญัตินั้น
67
13Christ redeemed us from the curse of the law by becoming a curse for us—for it is written, “Cursed is everyone who is hanged on a tree”—
68
13พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง)
69
2 Corinthians โครินธ์5:21 For our sake he made him to be sin who knew no sin, so that in him we might become the righteousness of God. เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์
70
14so that in Christ Jesus the blessing of Abraham might come to the Gentiles, so that we might receive the promised Spirit through faith. 14เพื่อพระพรทางอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลาย เพราะพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ
71
15To give a human example, brothers: even with a man-made covenant, no one annuls it or adds to it once it has been ratified. 15ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง ถึงแม้เป็นคำสัญญาของมนุษย์ เมื่อได้รับรองกันแล้ว ไม่มีผู้ใดจะล้มเลิกหรือเพิ่มเติมขึ้นอีกได้
72
16Now the promises were made to Abraham and to his offspring
16Now the promises were made to Abraham and to his offspring. It does not say, “And to offsprings,” referring to many, but referring to one, “And to your offspring,” who is Christ.
73
16บรรดาพระสัญญา ที่ได้ประทานไว้แก่อับราฮัมและพงศ์พันธุ์ของท่านนั้น มิได้ตรัสว่า และแก่พงศ์พันธุ์ทั้งหลาย เหมือนอย่างกับว่าแก่คนมากคน แต่เหมือนกับว่าแก่คนผู้เดียวคือ แก่พงศ์พันธุ์ของท่าน ซึ่งเป็นพระคริสต์
74
17This is what I mean: the law, which came 430 years afterward, does not annul a covenant previously ratified by God, so as to make the promise void. 17ข้าพเจ้าว่า ธรรมบัญญัติซึ่งมาภายหลังถึงสี่ร้อยสามสิบปี จะทำลายพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ทรงตั้งไว้เมื่อก่อนนั้นให้เป็นโมฆะไม่ได้
75
18For if the inheritance comes by the law, it no longer comes by promise; but God gave it to Abraham by a promise. 18เพราะว่าถ้าได้รับมรดกโดยธรรมบัญญัติ ก็ไม่ใช่ได้โดยพระสัญญาอีกต่อไป แต่พระเจ้าทรงโปรดประทานมรดกนั้นให้แก่อับราฮัมโดยพระสัญญา
76
19Why then the law? It was added because of transgressions, until the offspring should come to whom the promise had been made, and it was put in place through angels by an intermediary.
77
19ถ้าเช่นนั้นมีธรรมบัญญัติไว้ทำไมที่เพิ่มธรรมบัญญัติไว้ก็เพื่อบาปจะปรากฏเป็นความละเมิดจนกว่าพงศ์พันธุ์ที่ได้รับพระสัญญานั้นจะมาถึงพวกทูตสวรรค์ได้ตั้งธรรมบัญญัตินั้นไว้โดยมือของคนกลาง
78
20Now an intermediary implies more than one, but God is one
79
21Is the law then contrary to the promises of God. Certainly not
21Is the law then contrary to the promises of God? Certainly not! For if a law had been given that could give life, then righteousness would indeed be by the law.
80
21ถ้าเช่นนั้นธรรมบัญญัติขัดแย้งกับพระสัญญาของพระเจ้าหรือ ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน เพราะว่าถ้าทรงตั้งธรรมบัญญัติอันอาจทำให้คนมีชีวิตอยู่ได้ ความชอบธรรมก็จะมีได้โดยธรรมบัญญัตินั้นจริง
81
22But the Scripture imprisoned everything under sin, so that the promise by faith in Jesus Christ might be given to those who believe. 22แต่พระคัมภีร์ได้บ่งว่าทุกคนอยู่ในความบาป เพื่อจะประทานตามพระสัญญาแก่คนทั้งปวง ที่เชื่อโดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นหลัก
82
23Now before faith came, we were held captive under the law, imprisoned until the coming faith would be revealed. 23ก่อนที่ความเชื่อมานั้น เราถูกธรรมบัญญัติกักตัวไว้ ถูกกั้นเขตไว้จนความเชื่อจะปรากฏ
83
24So then, the law was our guardian until Christ came, in order that we might be justified by faith. 24เพราะฉะนั้นธรรมบัญญัติจึงควบคุมเราไว้จนพระคริสต์เสด็จมา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ
84
25But now that faith has come, we are no longer under a guardian, 25แต่บัดนี้ความเชื่อนั้นได้มาแล้ว เราจึงมิได้อยู่ใต้บังคับของผู้ควบคุมอีกต่อไปแล้ว
85
26for in Christ Jesus you are all sons of God, through faith
86
Romans โรม6:14-16 For sin will have no dominion over you, since you are not under law but under grace. 14เพราะว่าบาปจะครอบงำท่านทั้งหลายต่อไปก็หามิได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายมิได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
87
15What then? Are we to sin because we are not under law but under grace? By no means! 15ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป เราจะทำบาปเพราะมิได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณกระนั้นหรือ ก็อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย
88
16Do you not know that if you present yourselves to anyone as obedient slaves, you are slaves of the one whom you obey, either of sin, which leads to death, or of obedience, which leads to righteousness?
89
16ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ถ้าท่านยอมตัวรับใช้ฟังคำของผู้ใด ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรมก็ตาม
90
John ยอห์น1:12 But to all who did receive him, who believed in his name, he gave the right to become children of God, 12แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
91
Galatians กาลาเทีย 4:6 And because you are sons, God has sent the Spirit of his Son into our hearts, crying, “Abba! Father!” 6และเพราะท่านเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเรา ร้องว่า “อาบา” คือ พระบิดา
92
Romansโรม 8: For all who are led by the Spirit of God are sons of God. 14เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำผู้ใด ผู้นั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า
93
15For you did not receive the spirit of slavery to fall back into fear, but you have received the Spirit of adoption as sons, by whom we cry, “Abba! Father!” 15เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือพระบิดา
94
16The Spirit himself bears witness with our spirit that we are children of God, 16พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า
95
17and if children, then heirs—heirs of God and fellow heirs with Christ, provided we suffer with him in order that we may also be glorified with him.
96
17และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย
97
Galatians กาลาเทีย 3:27 For as many of you as were baptized into Christ have put on Christ. 27เพราะเหตุว่าคนที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็จะสวมชีวิตพระคริสต์
98
28There is neither Jew nor Greek, there is neither slave nor free, there is neither male nor female, for you are all one in Christ Jesus. 28จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยพระเยซูคริสต์
99
29And if you are Christ's, then you are Abraham's offspring, heirs according to promise. 29และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้วท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา
100
1Corinthians โครินธ์ 12:13 For in one Spirit we were all baptized into one body—Jews or Greeks, slaves or free—and all were made to drink of one Spirit.
101
เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิว หรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่
102
Romans โรม 6:3-5 3Do you not know that all of us who have been baptized into Christ Jesus were baptized into his death? 3ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์
103
4We were buried therefore with him by baptism into death, in order that, just as Christ was raised from the dead by the glory of the Father, we too might walk in newness of life.
104
4เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน
105
5For if we have been united with him in a death like his, we shall certainly be united with him in a resurrection like his. 5เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
106
Isaiah อิสยาห์64:6 We have all become like one who is unclean, and all our righteous deeds are like a polluted garment. We all fade like a leaf, and our iniquities, like the wind, take us away.
107
ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงอย่างใบไม้ และความบาปผิดของข้าพระองค์ ทั้งหลายได้พัดพาข้าพระองค์ไปเหมือนลม
108
Galatians กาลาเทีย 2:20 I have been crucified with Christ
Galatians กาลาเทีย 2:20 I have been crucified with Christ. It is no longer I who live, but Christ who lives in me. And the life I now live in the flesh I live by faith in the Son of God, who loved me and gave himself for me.
109
ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.