หน่วยการเรียนที่ 6 การสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "หน่วยการเรียนที่ 6 การสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 หน่วยการเรียนที่ 6 การสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน
ว่าที่พันตรีวีระพงษ์ หาญรินทร์

2 หน่วยย่อยที่ 6.1 บทนำ นิยามศัพท์ ลักษณะที่อยู่อาศัย
หน่วยย่อยที่ 6.1 บทนำ นิยามศัพท์ ลักษณะที่อยู่อาศัย ความสำคัญของที่อยู่อาศัย ความจำเป็นที่ต้องจัดการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน ข้อจำกัดในการจัดการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน ให้มีความเหมาะสม

3 หน่วยย่อยที่ 6.2 หลักการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัย
หน่วยย่อยที่ 6.2 หลักการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัย ความต้องการพื้นฐานทางด้านร่างกาย ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและสังคม การป้องกันโรคติดต่อ การป้องกันอุบัติเหตุ

4 หน่วยย่อยที่ 6.3 หลักการสุขาภิบาลโรงเรียน
หน่วยย่อยที่ หลักการสุขาภิบาลโรงเรียน บทนำ ข้อกำหนดด้านสุขาภิบาลโรงเรียน

5 หน่วยย่อยที่ 6.4 หลักการสุขาภิบาลสถานบริการสาธารณสุข
หน่วยย่อยที่ หลักการสุขาภิบาลสถานบริการสาธารณสุข บทนำ ข้อกำหนดด้านสุขาภิบาลสถานบริการสาธารณสุข

6 นิยามศัพท์ ที่อยู่อาศัย หมายถึง อาคารบ้านเรือน รวมถึงตึก โรง และแพที่มนุษย์จัดสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยทั้งกลางวันและกลางคืน ภายในที่อยู่อาศัยประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย อุปกรณ์และสิ่งใช้สอยที่จำเป็นตามความต้องการทางด้านร่างกาย จิตใจ และความเป็นอยู่ที่ดีงามทั้งส่วนตัว และครอบครัวของผู้พักอาศัย

7 นิยามศัพท์ สถาบัน หมายถึง อาคารสถานที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่ทำการ ซึ่งกำหนดให้เป็นที่ชุมนุมได้ทั่วไป จึงเป็นอาคารที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน หรือสถานที่ศึกษา หอประชุม โรงมหรสพ โรงพยาบาล โรงแรม และเรือนจำ เป็นต้น การสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน หมายถึง การจัดการและควบคุมดูแลที่อยู่อาศัยหรือสถาบันให้สะอาดถูกสุขลักษณะ โดยจัดการให้ได้ตามความต้องการขั้นมูลฐานทั้งทางร่างกาย ทางจิตใจ การป้องกันโรคติดต่อ และจัดให้ปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้พักอาศัยหรือผู้ใช้บริการด้วย

8 นิยามศัพท์ Housing Sanitation หมายถึง การปรับปรุงบ้านและบริเวณให้ถูกหลักสุขาภิบาลเพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อ ป้องกันอุบัติเหตุอันอาจเกิดขึ้นได้ และเป็นการเสริมสร้างสุขภาพอนามัยและสุขนิสัยให้รู้จักการทำความสะอาดบ้านเรือน Housing หมายถึง การจัดการที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ Residential Environment หรือ Housing หมายถึง โครงสร้างทางกายภาพที่มนุษย์ใช้อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่ภายในโครงสร้างดังกล่าว รวมถึง เครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ เครื่องบริการ และอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เป็นความต้องการของมนุษย์

9 ลักษณะที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยในปัจจุบันมีอยู่หลายลักษณะ
บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ตึกแถว(shop house) เรือนแถว ห้องแถว ทาวน์เฮาส์(town house) ห้องชุด(flat) อาคารชุด(condominium)

10 บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ถูกปลูกสร้างขึ้นเป็นหลัง
บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ถูกปลูกสร้างขึ้นเป็นหลัง เป็นหลังเดี่ยวอิสระ ถือว่าเป็น “บ้านเดี่ยว” มีผนังใช้ร่วมกันด้านหนึ่ง ถือว่าเป็น “บ้านแฝด” มีบริเวณบ้าน และรั้วรอบขอบชิดเป็นสัดส่วน

11 บ้านเดี่ยว บ้านแฝด

12 ลักษณะที่อยู่อาศัย ตึกแถว(shop house) หมายถึงอาคารที่สร้างเป็นแถวติดต่อกันเกิน 2 หน่วย(unit) ขึ้นไป อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ อาคารแถวแบบพักอาศัยล้วนๆ อาคารพาณิชย์หรือร้านค้าล้วนๆ อาคากึ่งที่อยู่อาศัย กึ่งพาณิชย์ หรือตึกแถว

13 ตึกแถว(shop house)

14 ลักษณะที่อยู่อาศัย ทาวน์เฮาส์(town house)
บ้านแถวที่ปลูกเป็นแนวยาว อาจมีตั้งแต่ชั้นเดียวขึ้นไป จนถึง 3-4 ชั้น บ้านลักษณะนี้ใช้เนื้อที่ในการก่อสร้างน้อย ที่ดินแต่ละหน่วยมีขนาดเล็กมากเพียง ตารางวาเท่านั้น

15 เรือนแถว ห้องแถว ทาวน์เฮาส์(town house)

16 ลักษณะที่อยู่อาศัย แฟลต(flat)หรือห้องชุด
มีลักษณะเช่นเดียวกับอพาร์ตเมนต์(apartment) สร้างได้ห้องมาก(mass production) มีความคุ้มค่า เพราะสร้างเป็นอาคารสูงหลายชั้นบนที่ดินเพียงเล็กน้อย

17 ห้องชุด(flat)

18 ลักษณะที่อยู่อาศัย อาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม(condominium)
เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่สร้างในแนวดิ่งสูงกว่าแฟลต เป็นอาคารที่มีห้องร่วมกันคือ บุคคลหลายๆคน สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนเดียวกัน มีลักษณะคล้ายแฟลต

19 อาคารชุด(condominium)

20 ลักษณะที่อยู่อาศัย ชุมชนแออัด(slum) หมายถึงบ้านที่ปลูกสร้างอยู่ติดๆ กัน ยัดเยียดแบบหลังคาชิดติดกันเป็นบ้านหลังเล็กๆ การปลูกสร้างเป็นแบบง่ายๆ กึ่งถาวร ใช้วัสดุก่อสร้างราคาถูกหรือเป็นของเก่าที่นำมาปะติดปะต่อตามแต่เนื้อที่จะเอื้ออำนวย

21 ชุมชนแออัด(slum)

22 ชุมชนแออัด(slum)

23 ความสำคัญของที่อยู่อาศัย
เป็นสถานที่คุ้มแดด คุ้มฝน ลม ความร้อน ความหนาว และอันตรายต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมทั้งที่เป็นภัยธรรมชาติ รวมถึงภัยที่อาจเกิดจากมนุษย์ สัตว์ และแมลง เป็นสถานที่สำหรับประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างสะดวก สบาย บ้านเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความภาคภูมิใจ และช่วยสร้างความรู้สึกเข้าหมู่พวก ทางเศรษฐกิจ บ้านเป็นแหล่งผลิตพลเมืองดีให้แก่สังคม “คนดีมักมาจากครอบครัวที่มีพื้นฐานดี”

24 ความจำเป็นที่ต้องจัดการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน
ช่วยส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขทั้งทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจ ทำให้เกิดความปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุ และโรคติดต่อที่มีสาเหตุอันเนื่องมาจากที่อยู่อาศัย เป็นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยของผู้พักอาศัย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความสะอาด ความเป็นระเบียบ และถูกสุขลักษณะของที่อยู่อาศัยและสถาบัน

25 ความจำเป็นที่ต้องจัดการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน
ช่วยส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขทั้งทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจ ทำให้เกิดความปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุ และโรคติดต่อที่มีสาเหตุอันเนื่องมาจากที่อยู่อาศัย เป็นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยของผู้พักอาศัย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความสะอาด ความเป็นระเบียบ และถูกสุขลักษณะของที่อยู่อาศัยและสถาบัน

26 ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน
ลักษณะความบกพร่องพื้นฐานด้านสุขาภิบาลของที่อยู่อาศัย น้ำดื่ม น้ำใช้ ไม่สะอาด และถูกปนเปื้อน น้ำดื่ม น้ำใช้ มีไม่เพียงพอ และอยู่นอกบริเวณที่อยู่อาศัย ห้องน้ำ ห้องส้วม อยู่นอกตัวอาคาร และใช้ร่วมกันกับเพื่อนบ้าน มีห้องนอนใช้นอนรวมกันหลายคนคือ เฉลี่ยแล้วเกินกว่า 1.5 คนต่อห้อง มีสถานที่อาบน้ำร่วมกันกับเพื่อนบ้าน หรืออยู่นอกอาคารที่อยู่อาศัย

27 ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน
พื้นที่ห้องนอนโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 40 ตารางฟุตต่อคน อาคารบ้านพักอาศัยมีทางเข้าออกทางเดียว หรือไม่สะดวก ไม่มีไฟฟ้าใช้ แสงสว่างในอาคารที่อยู่อาศัยแต่ละห้องมีไม่พอ ห้องไม่มีหน้าต่าง และขาดการระบายอากาศที่ดี ที่อยู่อาศัยมีสภาพทรุดโทรม บริเวณบ้านสกปรกเลอะเทอะ มีน้ำขังเฉอะแฉะ มีกลิ่นเหม็นรบกวน

28 ข้อจำกัดในการจัดการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยให้มีความเหมาะสม
ทางด้านเศรษฐกิจ ข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับสภาวะทางสังคม ข้อจำกัดทางการศึกษา ข้อจำกัดทางด้านขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม ข้อจำกัดทางด้านนโยบาย

29 หน่วยย่อยที่ 6.2 หลักการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัย
หน่วยย่อยที่ 6.2 หลักการสุขาภิบาลที่อยู่อาศัย สมาคมสาธารณสุขอเมริกัน(American Public Health Administration) กำหนดมาตรฐานความต้องการบ้านพักอาศัย ความต้องการทางด้านร่างกายของผู้อยู่อาศัย(Fundamental Physiological Needs) ความต้องการทางด้านจิตใจของผู้อยู่อาศัย(Fundamental Psychological Needs) ต้องป้องกันโรคติดต่อภายในบ้าน(Provision against Communicable Diseases) สามารถป้องกันอุบัติเหตุภายในบ้าน(Provision against Accidents)

30 ความต้องการพื้นฐานทางด้านร่างกาย(Fundamental Physiological Needs)
หมายถึง การจัดสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมสนองความต้องการทางร่างกายแก่ผู้อยู่อาศัยได้ เช่น การจัดระบบระบายอากาศให้เหมาะสม มีแสงสว่างเพียงพอ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้อยู่อาศัยที่จะต้องพิจารณาจัดให้ถูกต้องด้วย ปัจจัยที่สำคัญ

31 อุณหภูมิและความชื้น(Temperature and Humidity)
อุณหภูมิและความชื้น อากาศร้อนและความชื้นสูงจะทำให้รู้สึกเฉื่อยชา(sluggish) แต่ถ้าหากมีอากาศเย็นหรือแห้งและความชื้นต่ำ มักจะมีความกระตือรือร้น มนุษย์แต่ละพื้นที่จะมีความรู้สึกสบายต่ออุณหภูมิและความชื้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึก(sensation) สุขภาพอนามัย(health) เพศ(sex) กิจกรรมที่กำลังกระทำ(activities) เครื่องแต่งกาย และอายุของผู้อยู่อาศัย ฯลฯ ในประเทศไทย อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับคนไทย ควรอยู่ในช่วง องศาเซลเซียส ความเร็วลม 1 ฟุตต่อวินาที ที่ความชื้นสัมพัทธ์ เปอร์เซ็นต์ และที่อุณหภูมิเบี่ยงเบน 3-6 องศาเซลเซียส

32 การระบายอากาศ(Ventilation)
การระบายอากาศที่ดี ช่วยให้บ้านพักอาศัยปราศจาก มลพิษทางอากาศภายในบ้านพักอาศัย(Indoor Air Pollution) สารมลพิษต่างๆ มักจะเกิดจากการสันดาปเชื้อเพลิงที่เกิดจากการหุงต้ม เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารประกอบอินทรีย์ ควันบุหรี่ เป็นต้น โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังและเยื่อบุอักเสบต่างๆ(chronic respiratory diseases and malignancies)

33 การระบายอากาศ(Ventilation)
การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ(Natural Ventilation) เป็นการออกแบบและสร้างส่วนต่างๆภายในบ้าน ให้มีการระบายอากาศเป็นไปโดยธรรมชาติ เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องส้วม เป็นต้น

34 มาตรฐานที่อยู่อาศัยตามกำหนดของการเคหะแห่งชาติ
การระบายอากาศของพื้นที่อยู่อาศัย ความสูงจากพื้นถึงเพดานของพื้นที่ใช้อยู่อาศัย ต้องไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร ปริมาตรพื้นที่อยู่อาศัย ต้องไม่น้อยกว่า 10 ลูกบาศก์เมตรต่อคน โดยนับรวมห้องที่อยู่อาศัยทั้งหมดของบ้าน พื้นที่ของประตู หน้าต่าง ช่องระบายลมรวมกัน จะต้องไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ของพื้นที่ห้องนั้นๆ

35 มาตรฐานที่อยู่อาศัยตามกำหนดของการเคหะแห่งชาติ
การระบายอากาศของพื้นที่ที่ไม่ใช้อยู่อาศัย การระบายอากาศใต้ถุน อาคารที่มีพื้นที่ชั้นล่างลอยพ้นจากระดับดิน ซึ่งบางส่วน หรือทั้งหมดของโครงสร้างนั้นเป็นไม้ จะต้องมีช่องระบายอากาศอย่างน้อย ร้อยละ 10 ของเนื้อที่ใต้ถุนทั้งหมด การระบายอากาศห้องหลังคา และเนื้อที่เหนือเพดาน ต้องจัดให้มีทางลมผ่านตลอด มีขนาดเท่ากับร้อยละ 5 ของพื้นที่เพดาน ในกรณีที่ใช้ห้องหลังคาเป็นที่อยู่อาศัย จะต้องจัดให้มีการระบายอากาศ เช่นเดียวกับการระบายอากาศของพื้นที่อยู่อาศัย

36 การระบายอากาศโดยอาศัยเครื่องมือกล(Mechanical Ventilation)
การระบายอากาศโดยการติดตั้งพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยปรับระดับของอุณหภูมิและเกิดการถ่ายเทอากาศภายในห้อง หรืออาคารที่อยู่อาศัยตามความเหมาะสมที่ต้องการ ไม่ควรน้อยกว่า 15 ลูกบาศก์ฟุตต่อคนต่อนาที ถ้า 25 ลูกบาศก์ฟุตต่อคนต่อนาที จะช่วยระบายกลิ่นได้ด้วย แต่ไม่ควรเกิน 50 ลูกบาศก์ฟุตต่อคนต่อนาทีเพราะจะทำให้รู้สึกไม่สบาย เครื่องปรับอากาศ ควรมีอุณหภูมิ ระหว่าง 24 – 29 องศาเซลเซียส

37 การระบายอากาศโดยอาศัยเครื่องมือกล

38 การระบายอากาศโดยอาศัยเครื่องมือกล

39 การระบายอากาศโดยการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

40 แสงสว่าง(Lighting) จัดให้มีพอเพียงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย สำหรับประกอบกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรจัดให้มีพื้นที่ประตู หน้าต่าง และช่องลม รวมกันแล้ว ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ของพื้นที่ห้อง บางแห่งของที่อยู่อาศัย มีเพียงแหล่งแสงสว่างจากภายนอกก็เพียงพอ แต่บางแห่ง จำเป็นต้องมีแหล่งแสงจากหลอดไฟประดิษฐ์เพิ่มเติมในบางจุด

41 แสงสว่าง(Lighting) หลอดไฟประดิษฐ์ มีข้อควรคำนึงอยู่หลายประการ ดังนี้คือ - ห้ามใช้แสงจ้าหรือแสงมืดสลัว แสงจ้าจะทำให้ตาพร่ามัว รู้สึกแสบตา ส่วนแสงสลัว ทำให้ต้องเพ่งสายตามากขึ้น เกิดอาการเมื่อยล้า และมองเห็นไม่ชัด อาจเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย - ห้ามใช้แสงกระพริบ เพราะจะกระตุ้นประสาทตาให้เป็นไปตามจังหวะของการกระพริบของแสงนั้น สายตาและประสาทตาจะเสื่อมเสียเร็วกว่าปกติ - จัดให้มีความสว่างกระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอทั่วทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเงาหรือให้มีน้อยที่สุด ช่วยป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุ และก่อให้เกิดความสะดวกสบายต่อการอยู่อาศัยและการทำงานด้วย

42 การจัดแสงสว่างในที่อยู่อาศัย
สามารถจัดได้ 2 ลักษณะคือ โดยใช้แสงสว่างจากธรรมชาติ(Natural lighting) โดยใช้ดวงไฟ(Artificial lighting)

43 การจัดแสงสว่าง โดยใช้แหล่งของแสงจากธรรมชาติ(Natural lighting)
แหล่งของแสงสว่างจากธรรมชาติคือดวงอาทิตย์ ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก แต่มีเกณฑ์ที่ควรคำนึงถึง ดังนี้คือ ให้มีพื้นที่ของหน้าต่างต่อพื้นที่ของตัวอาคารอยู่ในสัดส่วน 1 : 4 เพื่อให้การกระจายของแสงสว่างเป็นไปด้วยดี ควรให้ระดับขอบล่างของหน้าต่างอยู่สูงกว่าระดับของพื้นห้อง ประมาณครึ่งกลางของความสูงของห้อง เพดานของห้องครัว ควรจะมีสีขาวหรือสีอ่อนๆ เพื่อให้สามารถสะท้อนแสงได้มากขึ้น พื้น และฝาผนังห้องควรมีการเคลือบเงาบางๆ เพื่อลดความแตกต่างหรือความตัดกันระหว่างหน้าต่างและสีขาวของพื้นห้อง

44 แหล่งของแสงจากธรรมชาติ (Natural lighting)

45 แสงสว่างที่ประดิษฐ์หรือสร้างขึ้น(Artificial lighting)
แสงสว่างที่ได้อาจมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น ไม้ น้ำมัน ไข เทียนไข ไต้ หรือก๊าซ เป็นต้น แสงสว่างที่ได้จากกระแสไฟฟ้าผ่านทางหลอดไฟที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาได้แก่ ตะเกียง หลอดไฟฟ้า โคมไฟฟ้า เป็นต้น การจัดสภาพแสง มีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณา ได้แก่ ลักษณะของงาน งานแต่ละอย่าง ต้องการปริมาณและคุณภาพของแสงไม่เท่ากัน ควรจัดให้เพียงพอสำหรับการมองเห็นที่ดี ไม่ให้จ้าหรือสลัวมากเกินไป ทิศทางของแสงอาจส่องมาทางใดทางหนึ่งเฉพาะ

46 แสงสว่างที่ประดิษฐ์หรือสร้างขึ้น(Artificial lighting)
บริเวณที่ต้องทำงาน มีข้อควรพิจารณา ดังนี้ มีขนาดเนื้อที่เท่าใด พื้น ผนัง เพดานทำด้วยวัสดุอะไร ทาสีอะไร และสะท้อนแสงได้ดีเพียงใด แสงสว่างที่สะท้อนจากผนัง เพดาน และพื้น อย่าให้เกิดความแตกต่างของแสงสว่าง(contrast) มากเกินไป ลักษณะพื้นผิวหน้าของวัตถุต่างๆ เช่น ผนัง เพดาน และพื้นห้อง ทำให้เกิดแสงมากเกินต้องการจากการสะท้อนแสงจากดวงไฟหรือไม่ จัดแสงด้วยแบบที่ให้แสงสว่างกับบริเวณทั่วไปเท่าเทียมกัน(General Lighting) หรือแบบแสงสว่างเสริมเฉพาะจุดที่ต้องการ(Supplementary Lighting)

47 แสงสว่างที่ประดิษฐ์หรือสร้างขึ้น(Artificial lighting)
การเลือกโคมไฟ เลือกโคมไฟที่ให้แสงประเภทใด เช่น ส่องตรงๆ โดยผ่านโป๊ะไฟที่เป็นกระจกใสหรือให้แสงที่กระจายโดยผ่านโป๊ะไฟที่เป็นกระจกฝ้า การเลือกจัดระบบแสงสว่างให้สอดรับกับลักษณะของผนัง เพดาน และพื้น ความเหมาะสมในแง่เศรษฐกิจของระบบแสงสว่างจากโคมไฟแต่ละชนิด

48 แสงสว่างที่ประดิษฐ์หรือสร้างขึ้น(Artificial lighting)
การวางผังติดตั้งโคมไฟ จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ได้ผลตามต้องการมากที่สุด ให้เพียงพอต่อการส่องสว่างบนชิ้นงานหรือสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไป จะต้องทำให้รู้สึกสบายตาและสบายใจของผู้ทำงานด้วย การบำรุงรักษา มีแผนเกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบแสงสว่าง เพื่อการเปลี่ยนหลอดไฟที่หมดอายุตามกำหนด หรือเปลี่ยนหลอดไฟที่ชำรุด หากโคมไฟสกปรก เนื่องจากมีฝุ่นละอองหรือเขม่าควันไปจับ จำเป็นจะต้องทำการเช็ดล้างให้สะอาด เพื่อให้ความสว่างกลับมาดีเท่าเดิม

49 แสงสว่างที่ประดิษฐ์หรือสร้างขึ้น (Artificial lighting)

50 ชนิดของสีและความสามารถในการสะท้อนแสง(%)
สีขาวพลาสเตอร์ สีขาวธรรมดา สีขาวงาช้าง สีครีมอ่อน สีครีม สีชมพูอ่อน สีเหลืองอ่อน สีฟ้าอ่อน สีเทาอ่อน สีเขียวอ่อน สีแดง

51 เสียงรบกวน(Noise) เสียงรบกวนหรือเสียงอึกทึก หมายถึง เสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญหรือเสียงที่ไม่ต้องการ อันตรายของเสียงมีสาเหตุมาจากระดับของเสียง(Pitch) ได้แก่ เสียงสูง เสียงต่ำ โดยเฉพาะเสียงสูงเป็นอันตรายต่อระบบการได้ยินของหูมาก และความดังของเสียง(Loudness) ซึ่งมีหน่วยเป็นเดซิเบล(dB) การอาศัยในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานาน อาจมีผลทำให้หูชั้นในถูกทำลาย เกิดหูหนวก หูตึง ปวดศีรษะ การเต้นของหัวใจผิดปกติ นอนไม่หลับ เป็นต้น

52 เสียงรบกวน(Noise) เสียงดังที่ภายในบ้าน เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปั่นไฟฟ้า เครื่องดูดฝุ่น เครื่องเสียง เป็นต้น และอาจมีเสียงดังจากภายนอกที่มาจากชุมชนรอบบ้าน ได้แก่ เสียงคุย เอะอะ จอแจ เสียงเครื่องขยายเสียง เสียงจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ต่างๆ เวลากลางคืน เสียงในบ้านพักควรอยู่ในช่วงประมาณ เดซิเบลเอ(dBA) ถ้าในช่วงของการพักผ่อนหรือนอนหลับ ไม่ควรเกิน 30 dBA เสียงดังตลอดเวลา 8 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ไม่ควรเกิน 75 dBA และระดับความดังของเสียงไม่ควรเกิน 130 dBA เพราะอาจมีผลทำให้สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้

53 ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและสังคม(Fundamental Psychological and Social Needs)
หมายถึง การจัดสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยส่งเสริมให้ผู้อาศัยมีความสุขสบายทางจิตใจ เช่น ความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่แออัดหรือคับแคบ สมาชิกภายในบ้านมีความสามัคคีกลมเกลียวกันดี มีชีวิตความเป็นอยู่กับเพื่อนบ้านได้ดี ภายในที่อยู่อาศัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามความจำเป็นพื้นฐาน เป็นต้น

54 ความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อย

55 ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและสังคม(Fundamental Psychological and Social Needs)
ความเป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยความเป็นจริงตามธรรมชาติ มนุษย์ย่อมมีความต้องการความเป็นอิสระในการอยู่อาศัย ปราศจากการรบกวนจากผู้อื่น ดังนั้น จึงมักจะหาที่อยู่อาศัยแยกออกมาอยู่เฉพาะครอบครัวตน โดยภายในที่อยู่อาศัย จำเป็นต้องจัดให้มีห้องต่างๆ เป็นสัดส่วน เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องสุขา เป็นต้น เพื่อประโยชน์ใช้สอยตามความเหมาะสม

56 ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและสังคม(Fundamental Psychological and Social Needs)
ความสะอาดของที่อยู่อาศัย มีการจัดการขยะมูลฝอย และสิ่งสกปรกต่างๆ รวมทั้งของเสียที่เกิดจากที่อยู่อาศัย เช่น น้ำเสีย การทำความสะอาดที่อยู่อาศัย อาจแบ่งตามลักษณะงานได้ 3 ขั้นตอนคือ ทุกวัน ได้แก่ การทำสะอาดพื้นที่ที่ต้องใช้งานทุกวัน เช่น การกวาดพื้น ปัดที่นอน โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น รายสัปดาห์ เช่น ปัดฝุ่นละอองตามตู้ จัดตู้กับข้าว ล้างตู้เย็น ล้างพื้นห้องน้ำ เป็นต้น รายเดือน เช่น การกวาดหยากไย่ เช็ดหน้าต่าง ประตูมุ้งลวด เป็นต้น

57 ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและสังคม(Fundamental Psychological and Social Needs)
ความสวยงาม และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่อยู่อาศัยที่สวยงาม ภูมิฐาน และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่สกปรกเลอะเทอะทั้งภายนอก ภายในอาคาร และบริเวณบ้าน มีสภาพที่เข้ากับสภาพของชุมชนโดยส่วนรวมได้ จะทำให้ผู้อาศัยเกิดความภาคภูมิใจ และมีความสบายใจได้

58 ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจและสังคม(Fundamental Psychological and Social Needs)
ความสะดวกสบาย โดยพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ การเลือกทำเลที่ตั้งบ้าน ไม่ห่างจากที่ทำงาน ตลาด โรงเรียนมากนัก สะดวกต่อการเดินทางไปมา สาธารณูปโภคเข้าถึง การจัดวางตัวบ้านบนที่ดิน ควรให้มีความสะดวกต่อการเดินทางเข้าออกประตูใหญ่ วางตำแหน่งตัวบ้านให้ได้รับแดด และรับลมแต่พอสมควร การจัดวางเครื่องเรือนเครื่องใช้เหมาะกับบ้าน และจัดลำดับให้ต่อเนื่องของงาน ทำให้เกิดความสะดวกสบายไม่เปลืองแรงงาน

59 การป้องกันโรคติดต่อ(Protection against Communicable Diseases)
การติดต่อของโรคภายในบ้านพักอาศัย จะเป็นไปได้ง่ายหรือยาก ขึ้นกับองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการคือ ตัวบุคคล(Host) เชื้อโรค(Agents) สิ่งแวดล้อมโดยรวม(Environment)

60 การมีน้ำสะอาดปลอดภัย(Safe Water Supply)
น้ำมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างมาก ทั้งนี้เพื่อการอุปโภค และบริโภค ได้แก่ การดื่ม การซักล้าง การหุงต้มอาหาร การกำจัดสิ่งปฏิกูล ฯลฯ

61 การเตรียมอาหารที่ปลอดภัย(Safe Food Preparation)
อาหารเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน เพราะโดยส่วนใหญ่ ผู้อยู่อาศัยจะเตรียมอาหาร ปรุง ประกอบและรับประทานอาหารภายในบ้านพักอาศัย

62 การกำจัดสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล(Sanitary Excreta Disposal)
สิ่งปฏิกูลคือของเสียที่ขับถ่ายออกมาจากร่างกายของมนุษย์ รวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วย หากมีการกำจัดไม่ดี อาจเป็นสาเหตุของการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่มากับระบบทางเดิน-อาหารได้ โดยการแพร่ไปกับแหล่งน้ำหรือผิวดิน ตลอดจนมีพาหะนำโรค

63 การกำจัดมูลฝอย(Disposal of Solid Waste)
มูลฝอยเป็นของเสีย ของทิ้งจาการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ทั้งที่เป็นขยะเปียก ขยะแห้ง ขี้เถ้า และอื่นๆ

64 การระบายน้ำเสียและน้ำผิวดิน(Drainage of Waste water and Surface water)
น้ำเสียที่เกิดจากการใช้น้ำในชีวิตประจำวันของผู้คนในอาคารบ้านเรือน ตลอดจน น้ำผิวดิน ในที่นี้หมายถึงน้ำฝนที่ตกลงมาขังในแอ่ง ในที่ลุ่ม ตามบริเวณรอบบ้าน

65 สุขวิทยาส่วนบุคคล(Personal and Domestic Hygiene)
สุขวิทยาส่วนบุคคล เป็นเรื่องการดูแลความฉลาดและสุขภาพของบุคคลให้อยู่ในสภาพดี ไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ ในครอบครัว หรือไม่มีพฤติกรรมที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของตนเอง

66 โครงสร้างของบ้านสามารถป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้(Structural Safeguards against Disease Transmission ) บ้านพักอาศัยที่มีการออกแบบให้มีโครงสร้างที่ดี และถูกสุขลักษณะ จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้

67 การป้องกันอุบัติเหตุ(Protection against Accidents)
อุบัติเหตุหมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า หรือไม่มี เจตนาทำให้เกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว มีผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวบุคคลหรือทรัพย์สินต่างๆ ได้

68 อุบัติเหตุอันเกิดจากการพลัดตกหกล้ม
อุบัติเหตุในลักษณะนี้ ได้แก่ การเดินพลัดตกจากบันได ตกจากหน้าต่าง ตกลงมาจากระเบียง หรือดาดฟ้า การพลัดตกจากเก้าอี้ เป็นต้น

69 อุบัติเหตุอันเนื่องจากอัคคีภัย
อัคคีภัยหรือไฟไหม้ภายในบ้าน อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่สันนิษฐานกัน มักจะออกมาใน 2 ลักษณะคือ ไฟไหม้เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจรกับไฟไหม้เนื่องจากการจุดติดไฟของเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในบ้าน

70 อุบัติเหตุอันเกิดจากไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อต
อุบัติเหตุที่เกิดจากไฟฟ้านี้ มักเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจมีไฟฟ้ารั่วตามเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปสัมผัสถูกเข้า เกิดการดูดหรือช็อตขึ้นได้ สายไฟฟ้าที่ชำรุด ปลอกหุ้มแตกปริ เมื่อมือที่เปียกน้ำสัมผัสเข้าก็เกิดไฟฟ้าช็อตได้

71 อุบัติเหตุอันเกิดจากพิษของสารเคมีหรือสารพิษ
ในปัจจุบันมีการนำเอาสารเคมีมาใช้ในบ้านมากขึ้น เช่น สารฆ่าแมลงฉีดฆ่ายุง มด แมลงสาบ น้ำยาล้างห้องน้ำ คลอรีน ยารักษาโรคชนิดต่างๆ เครื่องสำอาง เป็นต้น

72 อุบัติเหตุอันเกิดจากของมีคม
ของมีคมที่ใช้กันในบ้านพักอาศัย ได้แก่ มีด กรรไกร กระจก สิ่ว ฯลฯ

73 อุบัติเหตุอันเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์
อุบัติเหตุเช่นนี้ เกิดจากพฤติกรรมอันไม่ปลอดภัยของมนุษย์(Unsafe Acts)

74 หน่วยย่อยที่ 6.3 หลักการสุขาภิบาลโรงเรียน
หน่วยย่อยที่ 6.3 หลักการสุขาภิบาลโรงเรียน

75 บทนำ การสุขาภิบาลโรงเรียนหมายถึงการจัดการ ควบคุม ดูแล ปรับปรุง สิ่งแวดล้อมต่างๆในโรงเรียนให้อยู่ในสภาพที่ดีและถูกสุขลักษณะ เพื่อช่วยให้สามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บแก่นักเรียน ช่วยลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพ พลานามัยที่ดี ตลอดจนเกิดสุขนิสัยที่ดีอีกด้วย

76 การจัดโรงเรียนและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้ถูกสุขลักษณะ
ควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ 4 ประการคือ ควรจัดให้เหมาะสมกับสภาพสรีรวิทยาของร่างกายเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ควรจัดให้เป็นที่น่าสบายใจ เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิต และอารมณ์ เอื้อต่อการศึกษาให้ได้ผลอย่างเต็มที่ ควรจัดให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อ ควรจัดให้มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และภยันตราย

77 ข้อกำหนดเรื่องการสุขาภิบาลโรงเรียน
หัวข้อสำคัญที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับการจัดโรงเรียนให้ถูกหลักสุขาภิบาล โดยทั่วๆไปคือ พื้นที่สร้างโรงเรียนหรือสถานที่ตั้ง และบริเวณทั่วไป อาคารเรียน และสิ่งก่อสร้าง การถ่ายเทอากาศ และแสงสว่าง ห้องเรียน และอาคารเฉพาะกิจ น้ำดื่ม น้ำใช้ ส้วม ที่ปัสสาวะ และอ่างล้างมือ การกำจัดมูลฝอย การระบายน้ำ และการดูแลรักษาความสะอาดสถานที่ทั่วไป

78 พื้นที่สร้างโรงเรียนหรือสถานที่ตั้ง
ไม่ควรห่างจากย่านชุมชนเกินกว่า 2 กิโลเมตร การคมนาคมสะดวก มีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 3,200 ตารางเมตร(2 ไร่) บริเวณพื้นที่ไม่สูงชันหรือลาดเอียง และไม่มีน้ำขังเฉอะแฉะ น้ำท่วมไม่ถึง ไม่ควรตั้งอยู่ใกล้ทางรถไฟหรือถนนสายใหญ่ๆที่มีการจราจรคับคั่ง ไม่ควรตั้งอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ตลาดสดหรือที่ที่มีเสียงรบกวน ควรปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้เพื่อให้ร่มเงา และบังลมได้หากมีลมพัดจัด มีม้านั่งประจำ มีพื้นที่สนามและบริเวณพักผ่อน

79 อาคารเรียน และสิ่งก่อสร้าง
อาคารและสิ่งก่อสร้างภายในโรงเรียนจะต้องมีขนาดที่พอเหมาะกับจำนวนนักเรียน มีความคงทนแข็งแรง รูปทรงของอาคารเรียน ควรทำเป็นลักษณะตัวอักษร L , T , U , I หรือ E มีเนื้อที่ของอาคารไม่ต่ำกว่า 1.5 ตารางเมตรต่อนักเรียน 1 คน เพิ่มเนื้อที่ประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ เช่น เฉลียง บันได อีกประมาณ 30 %

80 อาคารเรียน และสิ่งก่อสร้าง
พื้นห้อง ใช้วัสดุที่รักษาความสะอาดง่าย และไม่ลื่นมาก พื้นปูนซีเมนต์ ยกสูงจากระดับพื้นดิน ไม่น้อยกว่า 10 ซม. พื้นไม้ ยกสูงกว่าระดับพื้นดิน ไม่น้อยกว่า 90 ซม. ผนัง(ฝา) หนาไม่น้อยกว่า 3 ซม. เพื่อกันเสียงระหว่างห้อง เป็นวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย ทาสีขาวหรือสีอ่อนเพื่อช่วยสะท้อนแสงได้ดี ส่วนล่างใกล้พื้นให้ทาสีเข้มกันเปื้อน เพดาน สูงจากพื้นอย่างน้อย เมตร ทาสีอ่อน เช่น สีขาว สีครีม ช่วยสะท้อนแสง วัสดุเรียบทำความสะอาดง่าย

81 อาคารเรียน และสิ่งก่อสร้าง
หลังคา ลาดเอียงพอสมควร มุงด้วยกระเบื้อง จะกันร้อนได้ดี ชายคาและกันสาด ยื่นห่างออกไปจากผนัง ไม่น้อยกว่า 1.5 – 2.0 เมตร เพื่อสามารถกันฝนสาดได้ บันได ไม่ชันจนเกินไป ขั้นบันไดกว้างไม่ต่ำกว่า 25 ซม. ระยะสูงระหว่างขั้นบันได ไม่เกิน 18 ซม. ตัวบันได กว้างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร สูงเกิน 3 เมตรหรือ 14 ขั้น ทำชานพัก มีราวบันได ทางหนีไฟหรือเหตุฉุกเฉิน อาคาร 2 ชั้นขึ้นไป หรือ 6 เมตร หากมีทางขึ้นลงเพียงบันไดเดียว ให้เพิ่มทางขึ้นลงพิเศษ เป็นบันไดเหล็ก มีราวกว้างอย่างน้อย 3 เมตร สำหรับหนี เมื่อเกิดเพลิงไหม้หรือเหตุฉุกเฉินได้

82 การระบายอากาศและแสงสว่าง
พื้นที่ประตู และหน้าต่าง ประมาณ ¼ หรือ 1/5 ของพื้นที่ห้อง ความกว้างและความสูงของหน้าต่างไม่น้อยกว่า 1 เมตร ขอบล่างของหน้าต่างสูงจากพื้นห้องไม่เกิน เซนติเมตร ความกว้างของประตู ไม่ควรน้อยกว่า 1 เมตร และความสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร

83 การจัดแสงสว่าง อาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก จัดให้แสงส่องซ้ายมือ
ควรมีแสงจากหลอดไฟประดิษฐ์คือหลอดฟลูออเรสเซนต์ สำรองไว้เป็นแสงสว่างเสริม สีของผนัง และเพดานมีส่วนต่อการเพิ่มความสว่างของห้อง ควรเลือกทาสีเข้ม อ่อนตามความต้องการ โดยสีขาวจะให้การสะท้อนแสงได้ดีที่สุด ความสว่างโดยรวม ควรจัดให้มีความเหมาะสมตามลักษณะงาน

84 ความเข้มการส่องสว่างภายในอาคารที่เหมาะสมตามลักษณะการใช้งาน
ชนิดของห้อง ความเข้มของแสง(ลักซ์) ห้องเขียน ห้องพิมพ์ดีด ห้องการฝีมือ ห้องเรียน ห้องสมุด ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ และห้องพยาบาล ห้องประชาสัมพันธ์ ห้องพลศึกษา ห้องประชุม ห้องรับประทานอาหาร ห้องน้ำ ห้องส้วม ทางเดิน บันได และห้องเก็บของ 500 300 200 100 50

85 การจัดห้องเรียนและอาคารเฉพาะกิจ
ห้องเรียน และเครื่องใช้ในห้องเรียน ห้องเรียน ควรสูงจากพื้นถึงเพดาน ไม่น้อยกว่า เมตร ควรเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 6x 8 หรือ 7 x 9 เมตร จุนักเรียน คน พื้นที่ห้องเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ควรมีขนาด –2.00 ตารางเมตร ต่อนักเรียน 1 คน พื้นที่ห้องเรียนสำหรับนักเรียนอนุบาล ควรมีพื้นที่เพิ่มมากกว่าเด็กโต 50 %

86 การจัดห้องเรียนและอาคารเฉพาะกิจ
เครื่องใช้ในห้องเรียน โต๊ะเรียนและเก้าอี้ ต้องจัดให้มีช่องทางเดินระหว่างแถว และต้องจัดทำให้มีขนาดและความสูงที่เหมาะสมกับวัยของเด็กในแต่ละวัย กระดานดำ โต๊ะและเก้าอี้สำหรับครู ตู้หนังสือ และเครื่องใช้ประจำห้อง ควรจัดให้ลงตัวเป็นสัดส่วน เป็นระเบียบเรียบร้อย

87 การจัดห้องเรียนและอาคารเฉพาะกิจ
ห้องประชุม ควรมีพื้นที่ 1 ตารางเมตรต่อนักเรียน 1 คน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยตามความจำเป็น ห้องพักครู ควรมีพื้นที่ 4-5 ตารางเมตร ต่อครู 1 คน ห้องสมุด ควรมีพื้นที่เฉลี่ย 1 ตารางเมตร ต่อนักเรียน 1 คน ห้องสมุด ควรมีพื้นที่เฉลี่ย 1 ตารางเมตร ต่อนักเรียน 1 คน เพิ่มพื้นที่อีก % สำหรับเป็นที่อ่านหนังสือ ชั้นวางหนังสือ และที่ทำงานของบรรณารักษ์

88 การจัดห้องเรียนและอาคารเฉพาะกิจ
ห้องพยาบาล ควรตั้งอยู่ชั้นล่างของอาคารเรียน อยู่ใกล้ทางเดินเท้าและอยู่ใกล้ห้องทำงานของผู้บริหารโรงเรียน มีโทรศัพท์ และมีเตียงพยาบาล อย่างน้อย 2 เตียง มีความยาวของห้อง ไม่น้อยกว่า 6 เมตร เพื่อจะได้มีเนื้อที่ใช้สอยอื่นๆ อย่างเหมาะสม สำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียน เกินกว่า 1,000 คน ควรมีเรือนพยาบาลโดยเฉพาะ และมีพยาบาลอยู่ประจำตลอดเวลา

89 โรงอาหารและโรงครัว โรงอาหารและโรงครัว ควรจัดให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกองสุขาภิบาลอาหาร กรมอนามัย โรงอาหาร ควรจัดให้มีจำนวนโต๊ะและที่นั่งให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ถ้าทำได้ควรให้มีเนื้อที่เฉลี่ย ประมาณ 1 ตารางเมตรต่อนักเรียน 1 คน จัดให้มีอ่างน้ำพุสำหรับดื่ม ก็อกน้ำใช้ อ่างล้างมือ และอ่างล้างจาน จัดให้มีภาชนะรองรับเศษอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และจำนวนเพียงพอ ควรทำเป็นระบบปิด มีมุ้งลวดป้องกันแมลงวันเข้าไป ถ้าไม่สามารถทำได้ ควรทำเป็นแนวรั้วป้องกันสัตว์เลี้ยงเข้าไปรบกวน ควรมีเคาท์เตอร์สำหรับจ่ายอาหาร

90 โรงครัว ควรตั้งอยู่ห่างจากสิ่งโสโครกหรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ
พื้นห้อง ต้องทึบเรียบ และสร้างด้วยวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย ทนไฟ ประตู หน้าต่าง ควรใส่ลวดตาข่ายเพื่อป้องกันแมลงวัน แมลงสาบ และหนู การระบายอากาศ เป็นไปด้วยดี และมีแสงสว่างที่พอเพียง ควรจัดเตาไฟให้สูงพอประมาณ ขนาดยืนปรุงอาหารได้ และมีปล่องไฟดูดควันออกไปจากโรงครัว ที่เก็บอาหาร ตู้เก็บอาหาร ควรโปร่งและป้องกันแมลงได้ หรือมีตู้แช่เย็นโดยเฉพาะ สำหรับเก็บอาหารสด และอาหารที่เสียง่าย ภาชนะใส่อาหาร และเครื่องครัว ควรล้างด้วยผงซักฟอก และน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง แล้วผึ่งให้แห้งเอง ถังรองรับมูลฝอย และเศษอาหาร ควรคงทน แข็งแรง มีฝาปิดมิดชิด ง่ายต่อการทำความสะอาด น้ำที่ใช้ในการประกอบอาหาร และน้ำใช้ในการล้างสิ่งต่างๆ ควรเป็นน้ำสะอาด ควรมีรางระบายน้ำทิ้ง มีบ่อดักไขมัน บ่อเกราะ บ่อซึม เพื่อกำจัดน้ำเสีย

91 น้ำดื่ม น้ำใช้ โรงเรียนควรจัดให้มีน้ำสะอาดไว้สำหรับดื่มและใช้ให้พอเพียงด้วย โดยคำนวณน้ำดื่มได้ประมาณ 5 ลิตร/คน/วัน ส่วนน้ำใช้ ประมาณ 10 ลิตร/คน/วัน แหล่งน้ำที่สามารถจัดหามาได้มี 3 ทางเลือก คือ น้ำประปา น้ำฝนที่สะอาด และน้ำจากบ่อที่ถูกสุขลักษณะ น้ำประปา เป็นน้ำที่ผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรคแล้ว จึงเป็นน้ำที่ปลอดภัย อาจได้แหล่งน้ำดิบมาจากน้ำผิวดินหรือน้ำใต้ดินอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือใช้จากทั้งสองแหล่ง ขึ้นกับความต้องการปริมาณน้ำให้พอเพียง

92 น้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำฝน เป็นน้ำสะอาดที่สุด ที่ได้จากธรรมชาติ แต่ต้องมีภาชนะรองรับเก็บกักไว้ อาจเป็นถังเก็บน้ำฝน ตุ่มน้ำ หรือภาชนะอื่นใดก็และเพื่อความมั่นใจในความสะอาดของน้ำ ควรล้างทำความสะอาดภาชนะที่เก็บกักน้ำฝน อย่างน้อยปีละครั้ง และก่อนรองรับน้ำฝนใหม่ ควรปล่อยให้น้ำฝนได้ชะล้างสิ่งสกปรกบนหลังคาให้สะอาดเสียก่อน หากโรงเรียนมีหลายทางเลือก ควรแยกน้ำฝนไว้ใช้ดื่ม และน้ำประปาหรือน้ำจากบ่อเอาไว้เป็นน้ำใช้ น้ำบ่อหรือน้ำใต้ดิน เป็นน้ำฝนที่ตกลงบนดินแล้วซึมลงไปเป็นน้ำใต้ดิน แต่ควรจะลึกเกินกว่า 3 เมตร ตั้งอยู่ห่างจากแหล่งโสโครกไม่น้อยกว่า 30 เมตร ควรทำเป็นบ่อคอนกรีต ขอบบ่อสูงจากระดับพื้นดินไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เทลานซีเมนต์รอบปากบ่อ โดยมีขอบลาน ไม่น้อยกว่า 1 เมตร ปากบ่อมีฝาปิดครอบ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำหรือติดคันสูบมือโยก

93 จำนวนและระดับความสูงที่เหมาะสมของอ่างน้ำพุและอ่างล้างมือ แยกตามระดับชั้นเรียน
ประเภทโรงเรียน อ่างน้ำพุสำหรับดื่ม อ่างล้างมือ จำนวน ความสูง(ซม.) นักเรียนอนุบาล 1 ที่/75 คน 55 1 ที่/50 คน 50 ประถมศึกษา - ตอนต้น - ตอนปลาย 60 75 มัธยมศึกษา* 90 100 หมายเหตุ * เฉพาะนักเรียนมัธยมชาย ควรจัดให้มีจำนวนอ่างน้ำพุ 1 ที่/50 คน และอ่างล้าง- มือ 1 ที่/30 คน

94 ส้วม และที่ปัสสาวะ ส้วม
อยู่ห่างจากโรงครัว โรงอาหาร ไม่น้อยกว่า 30 เมตร พื้นที่อย่างน้อย 0.9 ตารางเมตร/ 1 ที่ กว้างอย่างน้อย 0.9 เมตร/ 1 ที่ หัวส้วมและพื้นทำด้วยวัสดุแข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย เป็นส้วมราดน้ำและมีน้ำราดพอเพียง มีช่องระบายอากาศ อย่างน้อย 10 % ของพื้นที่ส้วม มีแสงสว่างอย่างน้อย 50 ลักซ์ ควรแยกห้องส้วมชายหญิงออกจากกัน

95 ที่ปัสสาวะ เป็นโถหรือรางปัสสาวะสำหรับห้องน้ำชาย มีปุ่มกดราดน้ำหรือก็อกน้ำไหล มีผนังกั้นระหว่างช่องและความกว้างแต่ละช่อง อย่างน้อย 60 เซนติเมตร ทำด้วยวัสดุทำความสะอาดง่าย แข็งแรง คงทนไม่ดูดซึมน้ำ

96 ตารางที่ 6.4 จำนวนที่เหมาะสมของส้วม และที่ปัสสาวะ แยกตามระดับชั้นเรียนและเพศ
ประเภทโรงเรียน/เพศ ส้วม ที่ปัสสาวะ ประถมศึกษา - หญิง - ชาย 1 ที่/30 คน 1 ที่/60 คน - 1 ที่/50 คน มัธยมศึกษา 1 ที่/90 คน หมายเหตุ 1) ให้มีถังรองรับมูลฝอยที่ถูกสุขลักษณะ ประจำห้องส้วมหญิง 1 ที่/1 ห้อง บ่อเกรอะ ควรมีความจุอย่างน้อย 2 ลูกบาศก์เมตร/นักเรียน 50 คน และให้เพิ่มขึ้น 0.5 ลูกบาศก์เมตร/นักเรียนที่เพิ่มขึ้น 50 คน

97 การจัดการมูลฝอย การบำบัดน้ำเสีย การควบคุมป้องกันสัตว์และแมลงนำโรค และการดูแลรักษาความสะอาดทั่วไป
ถังรองรับมูลฝอย ควรมีอย่างน้อย 1 ที่/ห้องและจุดที่พักทางเดิน ควรมีถัง 1 ที่/ระยะทาง 50 เมตร ลักษณะถัง มีฝาปิด ทำด้วยวัสดุแข็งแรงทนทาน ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย ที่พักมูลฝอยรวม ควรมีอย่างน้อย 1 ที่/โรงเรียน อยู่ห่างจากโรงครัว 30 เมตร เตาเผามูลฝอย ให้เลือกใช้เตาเผามูลฝอย อัตราการเผา 1 ลูกบาศก์เมตร 1เตา/วัน/นักเรียน 200 คน ลักษณะตามแบบของกองสุขาภิบาล ที่กำจัดมูลฝอยโดยวิธีหมัก ขึ้นกับความต้องการและเหมาะสมของโรงเรียน ลักษณะตามแบบของกองสุขาภิบาล หากโรงเรียนตั้งอยู่ในเขตเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลที่ให้บริการในการกำจัดขยะ โรงเรียนสามารถใช้บริการนั้นได้ โดยรวบรวมมูลฝอยไปไว้ที่จุดกำหนด

98 การจัดการมูลฝอย การบำบัดน้ำเสีย การควบคุมป้องกันสัตว์และแมลงนำโรค และการดูแลรักษาความสะอาดทั่วไป
มีรางระบายน้ำเสียที่ไม่ชำรุด สะอาด ไม่อุดตัน มีบ่อดักไขมันรับน้ำเสียจากโรงอาหาร โรงครัว มีบ่อเกรอะรับน้ำเสียจากห้องส้วม ที่ปัสสาวะ อ่างล้างมือ มีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบท่อซึม หลุมซึมหรือระบบบ่อซึม(tile field) สำหรับโรง-เรียนในชนบทส่วนโรงเรียนในเขตเทศบาลควรระบายน้ำเสียลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ การควบคุมป้องกันสัตว์ และแมลงนำโรค กำจัดมูลฝอยทุกวัน เพื่อไม่ให้เหลือตกค้างเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงนำโรค มีถังรองรับมูลฝอยและที่พักมูลฝอยรวมที่ถูกสุขลักษณะ โรงอาหาร โรงครัวมีการจัดเก็บและปกปิดอาหารที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร มีการจัดระบบบำบัดน้ำเสียที่ดี

99 การจัดการมูลฝอย การบำบัดน้ำเสีย การควบคุมป้องกันสัตว์และแมลงนำโรค และการดูแลรักษาความสะอาดทั่วไป
มีรางระบายน้ำเสียที่ไม่ชำรุด สะอาด ไม่อุดตัน มีบ่อดักไขมันรับน้ำเสียจากโรงอาหาร โรงครัว มีบ่อเกรอะรับน้ำเสียจากห้องส้วม ที่ปัสสาวะ อ่างล้างมือ มีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบท่อซึม หลุมซึมหรือระบบบ่อซึม(tile field) สำหรับโรง-เรียนในชนบทส่วนโรงเรียนในเขตเทศบาลควรระบายน้ำเสียลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ การควบคุมป้องกันสัตว์ และแมลงนำโรค กำจัดมูลฝอยทุกวัน เพื่อไม่ให้เหลือตกค้างเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงนำโรค มีถังรองรับมูลฝอยและที่พักมูลฝอยรวมที่ถูกสุขลักษณะ โรงอาหาร โรงครัวมีการจัดเก็บและปกปิดอาหารที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร มีการจัดระบบบำบัดน้ำเสียที่ดี

100 การจัดการมูลฝอย การบำบัดน้ำเสีย การควบคุมป้องกันสัตว์และแมลงนำโรค และการดูแลรักษาความสะอาดทั่วไป
การรักษาโรงเรียนให้คงสภาพถูกสุขลักษณะ ความสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโรงเรียนทุกแห่ง สถานที่ที่ควรเอาใจใส่ ระวังรักษาความสะอาดเป็นประจำคือ อาคารและบริเวณโดยรอบโรงเรียน เครื่องใช้ในการเรียน โต๊ะเรียนและที่นั่ง กระดานดำ และที่เก็บน้ำ และที่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษคือ ส้วม โรงอาหาร และโรงครัว

101 หน่วยย่อยที่ 6.4 หลักการสุขาภิบาลสถานบริการสาธารณสุข
หน่วยย่อยที่ 6.4 หลักการสุขาภิบาลสถานบริการสาธารณสุข บทนำ สถานบริการสาธารณสุข หมายถึง สถานที่สำหรับให้บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ผู้มารับบริการ ซึ่งครอบคลุมงานหลักที่สำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพ อาจให้บริการเป็นบางงานหรือทุกงานก็เป็นได้ ทั้งในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขของรัฐหรือของเอกชนก็ตาม ประกอบด้วย โรงพยาบาลทุกระดับ สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชน คลินิก รวมถึงสถานบริการอื่นใดที่เข้าข่ายในลักษณะนี้

102 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
สถานที่ตั้ง ให้มีเนื้อที่บริเวณรอบอาคารอย่างน้อย 30 % ของพื้นที่ทั้งหมด ไม่ควรห่างจากย่านชุมชนเกินกว่า 2 กิโลเมตร และอยู่ในย่านที่มีการคมนาคมสะดวก บริเวณไม่สูงหรือลาดเอียงจนเกินไป ไม่ควรอยู่ใกล้ทางรถไฟ หรือถนนสายใหญ่ๆ ที่มีการจราจรคับคั่ง ถ้ามีความจำเป็นต้องสร้าง ควรห่างจากถนนไม่น้อยกว่า 20 เมตร และมีรั้วป้องกัน ไม่ควรตั้งอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ตลาดสด หรือที่ที่มีเสียงรบกวน มีกลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง แมลง หรือสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคและก่อเหตุรำคาญต่างๆ

103 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
ตัวอาคาร วัสดุ ควรทำด้วยวัสดุเรียบ แข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย ทาสีอ่อน สภาพ ต้องไม่ชำรุด แตกร้าว ความสะอาด มีฝุ่นไม่เกิน มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตรใน 24 ชั่วโมง การสุขาภิบาลน้ำดื่มน้ำใช้ จุดบริการน้ำดื่มแผนกคนไข้นอก ไม่น้อยกว่า 20 ลิตร/เตียง/วัน ภาชนะใส่น้ำดื่มของผู้ป่วยใน ward จัดให้มี 1 ที่/จำนวนผู้ป่วย 40 คน/วัน จุดบริการน้ำดื่มสาธารณะในward จัดให้มี 1 ที่/1 ward จุดบริการน้ำดื่มสำหรับเจ้าหน้าที่ จัดให้มี 1 ที่/1 ward ปริมาณน้ำใช้ ไม่น้อยกว่า 500 ลิตร/เตียง/วัน คุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดน้ำสะอาดของกองสุขาภิบาล

104 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
ห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ และที่ปัสสาวะ จำนวนห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ และที่ปัสสาวะของผู้ป่วย 1 ที่/4 เตียง จำนวนห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ และที่ปัสสาวะของเจ้าหน้าที่ 1 ที่/เจ้าหน้าที่ 15 คน/1 ward จำนวนห้องส้วม อ่างล้างมือ และที่ปัสสาวะสาธารณะแยกตามเพศ ดังนี้ เพศ ส้วม ที่ปัสสาวะ อ่างล้างมือ ชาย ที่/30เตียง ที่/30เตียง ที่/30เตียง หญิง ที่/15 เตียง ที่/15เตียง

105 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
การกำจัดน้ำโสโครก น้ำโสโครกจากน้ำฝนที่ไม่ได้รองรับไว้ใช้ประโยชน์ มีรางระบายน้ำเพื่อรับน้ำฝนที่ตกในบริเวณนั้นไปสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ น้ำโสโครกจากครัว(แผนกโภชนาการ) มีรางระบายน้ำคอนกรีตเปิด มีการกำจัดมูลฝอย โดยมีตะแกรงและบ่อดักไขมัน ก่อนไปสู่ระบบกำจัด น้ำโสโครกจากห้องน้ำ ห้องส้วม และที่อื่นๆ มีรางระบายน้ำไปสู่ระบบบำบัดน้ำเสียแบบต่างๆ ที่มีในโรงพยาบาล

106 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
การป้องกันอุบัติเหตุและเหตุรำคาญ การจราจร การจราจรภายในโรงพยาบาล มีเส้นทางจากตึกรับคนไข้ และแผนกบริการอื่นๆ ไปยังตึกคนไข้ ทางออกสำหรับคนไข้นอก เส้นทางสำหรับผู้มาเยี่ยมคนไข้ เส้นทางสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล เส้นทางส่งอาหาร และนำมูลฝอยออกจากโรงพยาบาล ทางนำศพจากตึกคนไข้ ห้องไอซียู ไปยังห้องดับจิต(เก็บศพ)

107 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
การจราจรบริเวณโดยรอบโรงพยาบาล มีถนนสำหรับรถยนต์ผู้ที่มาโรงพยาบาล รถพยาบาล มีเส้นทางที่คนไข้ เข้า-ออก โรงพยาบาลแยกกับทางรถยนต์ มีที่จอดรถพอเพียง มีจุดตรวจ ควบคุมการเข้า-ออกโรงพยาบาล มีถนนลำเลียงน้ำมัน มูลฝอย และสิ่งปฏิกูล แยกจากเส้นทางปกติ มีเส้นทางการเคลื่อนย้ายศพออก

108 การป้องกัน X-ray, radium, etc.
มีการฝึกการใช้ และป้องกันอันตรายจากรังสี ห้ามไม่ให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องใช้เครื่องมือ มีชุดป้องกันอันตรายจากรังสี กรณีเรเดียม ใช้แล้วต้องเก็บแร่เรเดียมไว้ในที่ปลอดภัย ห้ามนำแร่เรเดียมออกมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เก็บรักษา การเก็บแร่เรเดียมต้องระวังไม่ให้สัมผัสกับ Iodine และสารละลาย US mercury ผู้ที่ทำงานกับสารกัมมันตภาพรังสี และ X-ray จะต้องตรวจร่างกายเป็นประจำ มีคำเตือน ห้ามเข้า-ห้ามผ่าน ด้วยตัวสีแดง เห็นได้ชัดเจน สำหรับของใช้-เก็บสารกัมมันตภาพรังสี มูลฝอยที่ได้รับหรือสงสัยว่าได้รับรังสีจะต้องมีการกำจัด ตามวิธีพิเศษ

109 ข้อกำหนดการสุขาภิบาลสำหรับโรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุข
การป้องกันเสียงและความสั่นสะเทือน แยกติดตั้งเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า ไว้นอกตัวอาคารของโรงพยาบาล เช่น ตึกผู้ป่วย ห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงและความสั่นสะเทือนรบกวน การป้องกันอัคคีภัย ตัวอาคารจะต้องออกแบบให้ป้องกันไฟเบื้องต้นได้ มีทางออกเพียงพอเมื่อเกิดเพลิงไหม้ มีทางฉุกเฉิน ติดเครื่องหมาย(ลูกศร) และแผนผังที่ตั้งเครื่องดับเพลิง ติดตั้งสัญญาณไฟไหม้ สำหรับเตือนผู้ที่อยู่ภายในบริเวณโรงพยาบาล และถ้าเป็นไปได้ ควรติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณแจ้งไปยังหน่วยดับเพลิงของเทศ-บาล สถานีตำรวจด้วย


ดาวน์โหลด ppt หน่วยการเรียนที่ 6 การสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสถาบัน

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google