พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ. ศ. ๒๕๔๖ โดย

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ. ศ. ๒๕๔๖ โดย"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ. ศ. ๒๕๔๖ โดย
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ โดย... นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง หัวหน้าฝ่ายนิติการ สำนักงานกิจการสตรีฯ

2 แนวคิดในการคุ้มครองเด็ก
คำนึงถึงสิทธิเด็ก คือ สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่รอด สิทธิที่จะได้รับการพัฒนารอบด้าน สิทธิที่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง สิทธิการมีส่วนร่วม

3 เหตุผล เพื่อกำหนดสาระสำคัญและรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมความประพฤติเด็กให้เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน เพื่อกำหนดขั้นตอนและปรับปรุงวิธีการปฏิบัติต่อเด็กให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้เด็กได้รับการอุปการะ เลี้ยงดู อบรม สั่งสอนและมีพัฒนาการที่เหมาะสม

4 เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันครอบครัว
เพื่อป้องกันมิให้เด็กถูกทารุณกรรม ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อปรับปรุงวิธีการส่งเสริมความร่วมมือในการคุ้มครองเด็กระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

5 กลุ่มเป้าหมาย เด็กที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายนี้ คือ บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปด ปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส ได้แก่ (๑) เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ (มาตรา ๓๒(๑)-(๘)) และเด็กซึ่งกระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิด หรือเด็กซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดทางอาญาที่ศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนเห็นจำต้องได้รับการสงเคราะห์(กฎกระทรวงฯ พ.ศ. ๒๕๔๙) (๒) เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ (มาตรา ๔๐ (๑)-(๓)) และเด็กที่ต้องหาว่ากระทำผิดกฎหมายแต่อายุไม่ถึงเกณฑ์ต้องรับโทษทางอาญา เด็กที่ศาลหรือผอ.สถานพินิจฯ ส่งมารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ เด็กที่ประกอบอาชีพที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ หรือประกอบอาชีพในบริเวณที่เสี่ยงอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ และเด็กที่อาศัยอยู่กับบุคคลที่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าประกอบอาชีพไม่สุจริตหรือหลอกลวงประชาชน(กฎกระทรวงฯ พ.ศ. ๒๕๔๙) (๓) เด็กนักเรียนและนักศึกษา (หมวด ๗ มาตรา ๖๓-๖๖)

6 มีคณะกรรมการ ๓ ระดับ (๑) ระดับชาติ คือคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธาน (๒) ระดับกรุงเทพมหานคร คือ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน (๓) ระดับจังหวัด คือ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด มี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน

7 การปฏิบัติต่อเด็ก (๑) ให้คำนึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม (มาตรา ๒๒) (๒) กำหนดให้ผู้ปกครองต้องอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กตามควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น แต่ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนดในกฎกระทรวง (มาตรา ๒๓)

8 (๓) กำหนดให้ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการเขต นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ตามกฎหมายนี้ และมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับ พนักงานเจ้าหน้าที่ (มาตรา ๒๔) (๔) ห้ามผู้ปกครองกระทำการ ตามที่บัญญัติในมาตรา ๒๕(๑) ถึง (๕) (มาตรา ๒๕) (๕) ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการ ตามที่บัญญัติในมาตรา ๒๖(๑) ถึง (๑๐) ถ้าการกระทำผิดนั้นมีโทษตามกฎหมายอื่นที่หนักกว่า ก็ให้ลงโทษตามกฎหมายนั้น (มาตรา ๒๖)

9 (๖) ห้ามโฆษณา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน หรือสื่อสารสนเทศ ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็ก (มาตรา ๒๗)
(๗) ในกรณีผู้ปกครองไม่อาจอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กได้ดี หรือน่าจะเกิดอันตรายต่อสวัสดิภาพ ขัดขวางต่อการเจริญเติบโตเด็กหรือเลี้ยงดูโดยมิชอบ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องให้การสงเคราะห์ หรือ คุ้มครองสวัสดิภาพ (มาตรา ๒๘)

10 (๘) เมื่อพบเห็นเด็กอยู่ในสภาพต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ การแจ้งหรือรายงานโดยสุจริตไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง (มาตรา ๒๙)

11 การสงเคราะห์เด็ก (ม. ๓๓) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ พิจารณาให้การสงเคราะห์ตามวิธีการที่เหมาะสม ดังนี้ (๑) ให้ความช่วยเหลือเด็กและครอบครัวหรือบุคคลที่อุปการะเลี้ยงดู (๒) มอบเด็กให้อยู่ในความอุปการะของบุคคลที่เหมาะสมและยินยอมเลี้ยงดู ตามระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกิน ๑ เดือน (๓) ดำเนินการเพื่อให้เด็กได้เป็นบุตรบุญธรรม (๔) ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในครอบครัวอุปถัมภ์หรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่เหมาะสมและยินยอมรับเด็ก (๕) ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานแรกรับ หรือสถานสงเคราะห์ (๖) ส่งเด็กเข้าศึกษา ฝึกอาชีพ หรือบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ

12 ข้อควรระวัง การให้การสงเคราะห์ด้วยการส่งเด็กเข้ารับการอุปาระในครอบครัวอุปถัมภ์ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานพัฒนาและฟื้นฟู หรือสถานที่ทางศาสนา “ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง” ความยินยอม ต้องทำเป็นหนังสือตามแบบที่กำหนด หรือทำด้วยวาจาต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน ถ้าผู้ปกครองไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ “ให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจส่งเด็กเข้าสถานที่ดังกล่าวได้ แต่ต้องฟังรายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางสังคมสงเคราะห์และแพทย์ก่อน และมีอำนาจกำหนดระยะเวลา ตลอดจนย่นหรือขยายระยะเวลาในการให้เด็กอยู่ในสถานที่ดังกล่าว

13 การสั่งให้เด็กพ้นจากการสงเคราะห์
ผู้ปกครองร้องขอและแสดงให้เห็นว่าสามารถปกครองและอุปการะเลี้ยงดูเด็กได้ ปลัดกระทรวง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งให้เด็กพ้นจากการสงเคราะห์ และมอบตัวเด็กให้แก่ผู้ปกครองรับไปปกครองดูแล แม้ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาในการสงเคราะห์ ปลัดกระทรวง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด อาจสั่งให้ผู้รับการสงเคราะห์ที่อายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์ แต่ยังอยู่ในสภาพที่จำเป็นจะต้องได้รับการสงเคราะห์ ได้รับการสงเคราะห์ต่อไปจนอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ก็ได้ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นและบุคคลนั้นไม่คัดค้าน ก็อาจให้การสงเคราะห์ต่อไปตามความจำเป็นและสมควร แต่ต้องไม่เกินที่บุคคลนั้นมีอายุครบ ๒๔ ปีบริบูรณ์

14 การฟ้องคดี กรณีที่ผู้ปกครองไม่เห็นด้วยกับกำหนดระยะเวลาที่ปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้เด็กอยู่ในสถานที่ตามมาตรา ๓๓ ผู้ปกครองเด็กมีสิทธินำคดีไปสู่ศาล(ฟ้องศาล)เยาวชนและครอบครัว ในเขตท้องที่นั้นภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง

15 การทำทัณฑ์บน กรณีผู้ปกครองรับเด็กมาอยู่ในความดูแล
มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะให้การเลี้ยงดูโดยมิชอบอีก ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำผู้ปกครอง หากผู้ปกครองไม่ปฏิบัติตาม ให้ยื่นคำขอต่อปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อเรียกผู้ปกครองมาทำทัณฑ์บนว่า จะไม่ทำการใดอันมีลักษณะเป็นการเลี้ยงดูโดยมิชอบอีก และ ให้วางประกันไว้เป็นจำนวนเงินตามฐานานุรูป ถ้าทำผิดทัณฑ์บนให้ริบเงินประกันเข้ากองทุนเด็ก ประกันเรียกไว้ได้ไม่เกิน ๒ ปี

16 การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
(๑) เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ (มาตรา ๔๐) - เด็กที่ถูกทารุณกรรม - เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด (๒) ให้ผู้พบเห็นหรือประสบพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำทารุณกรรมเด็ก ให้รีบแจ้ง พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าตรวจค้น และมีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัว เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพโดยเร็ว (๓) จัดให้มีการตรวจรักษาทางร่างกายและจิตใจทันที ถ้าเห็นสมควรสืบเสาะและพินิจ ก็อาจส่งตัวเด็กไปสถานแรกรับก่อนได้ หรือถ้าจำเป็นต้องให้การสงเคราะห์ก็ให้การสงเคราะห์ ถ้าจำเป็นต้องพื้นฟูสภาพจิตใจก็ให้ส่งเด็กไปสถานพัฒนาและฟื้นฟู โดยให้กระทำได้ไม่เกิน ๗ วัน ถ้าจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานอัยการจะยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาได้ซึ่งการขยายเวลารวมแล้วไม่เกิน ๓๐ วัน(มาตรา ๔๒)

17 (๓) กรณีมีการฟ้องคดีอาญาผู้กระทำผิดและเชื่อว่าผู้ถูกฟ้องจะทารุณกรรมเด็กอีก ศาลมีอำนาจกำหนดมาตรการคุมความประพฤติ ห้ามเข้าเขตกำหนด หรือห้ามเข้าใกล้ตัวเด็กในระยะที่ศาลกำหนดและจะสั่งทำทัณฑ์บนตาม ม.๔๖ และ ม.๔๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หากยังไม่ฟ้องคดีอาญา แต่มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมีการทารุณกรรมเด็กอีก “ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ยื่นคำขอต่อศาลเพื่อออกคำสั่งมิให้กระทำ โดยกำหนดมาตรการคุมความประพฤติและเรียกประกันด้วยก็ได้” และยังมีอำนาจออกคำสั่งให้ตำรวจจับกุมผู้ที่จะทารุณกรรมเด็กมากักขังไว้มีกำหนด “ครั้งละไม่เกิน ๓๐ วัน” (๔) กรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ พบหรือได้รับแจ้งว่า พบเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำ มีอำนาจดำเนินการ

18 ข้อห้ามสำหรับเด็ก (มาตรา ๔๕)
- ห้ามซื้อสุรา หรือบุหรี่ - ห้ามเสพสุรา หรือบุหรี่ - ห้ามเข้าไปในสถานที่เฉพาะเพื่อการจำหน่ายสุรา หรือบุหรี่ - เข้าไปในสถานที่เฉพาะเพื่อการเสพสุรา หรือบุหรี่ ถ้าฝ่าฝืน - พนักงานเจ้าหน้าที่สอบถามเพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก - มีหนังสือเรียกผู้ปกครองมาร่วมประชุมปรึกษาหารือ - ว่ากล่าวตักเตือน - ให้ทำทัณฑ์บน - มีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการและระยะเวลาในการจัดให้เด็กทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณะประโยชน์ และ - วางข้อกำหนดให้ผู้ปกครองต้องปฏิบัติ หรือวางข้อกำหนดอื่นใด เพื่อแก้ไขหรือป้องกันมิให้เด็กกระทำผิดอีก

19 (๖) ผู้ปกครองมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาล ภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง ในกรณี ดังต่อไปนี้
ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่ส่งเด็กเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือ ไม่เห็นด้วยกับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ออกข้อกำหนดให้เด็กทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณะประโยชน์

20 สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพและ สถานพัฒนาและฟื้นฟู
(๑) อำนาจในการจัดตั้ง (มาตรา ๕๑) - ปลัดกระทรวง มีอำนาจจัดตั้งได้ทั่วราชอาณาจักร - ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจจัดตั้งได้ภายในเขตจังหวัดนั้น - หน่วยงานอื่นของรัฐ อาจจัดตั้งและดำเนินกิจการได้เฉพาะสถานรับเลี้ยงเด็ก (๒) ผู้ใดจะจัดตั้ง ต้องขอรับใบอนุญาตต่อปลัดกระทรวง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด (มาตรา ๕๒) ถ้าจัดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

21 การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
(๑) โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ตามมาตรา ๖๓ (๒) พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ตามมาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗

22 กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนคุ้มครองเด็ก เพื่อใช้จ่ายในการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งครอบครัวและครอบครัวอุปถัมภ์ มีคณะกรรมการบริหารกองทุน การใช้จ่ายเงินกองทุน จ่ายเฉพาะราย ตามที่มีการร้องขอ ตามที่ศาลสั่ง จ่ายสนับสนุนโครงการ ขนาดเล็กไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐.-บาท ขนาดกลางตั้งแต่ ๓๐๐,๐๐๐.- ถึง ๑,๐๐๐,๐๐๐.-บาท ขนาดใหญ่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐.-บาท

23 บทกำหนดโทษ (๑) ฝ่าฝืน มาตรา ๒๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน สามเดือน หรือ ปรับไม่เกิน สามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา ๗๘) (๒) ฝ่าฝืน มาตรา ๒๗ มาตรา ๕๐ มาตรา ๖๑ ต้องระวางโทษตามมาตรา ๗๙ (๓) ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานหรือไม่ยอมมาให้ถ้อยคำหรือไม่ยอมให้ถ้อยคำโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน โทษตาม มาตรา ๘๐ และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย (๔) ฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาล ตามมาตรา ๔๓ ต้องระวางโทษตามมาตรา ๘๑

24 (๕) จัดตั้ง สถาน ๕ สถาน โดยมิได้รับอนุญาตหรือถูกเพิกถอน หรือหมดอายุ ต้องระวางโทษ ตามมาตรา ๘๒
(๖) เจ้าของหรือผู้ปกครอง สวัสดิภาพของ ๕ สถานไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ ต้องระวางโทษ ตามมาตรา ๘๓ (๗) กระทำการเป็นผู้ปกครองสวัสดิภาพ โดยมิได้รับแต่งตั้ง ต้องระวางโทษ ตามมาตรา ๘๔ (๘) กระทำการอันเป็นการยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้นักเรียน นักศึกษา ฝ่าฝืน บทบัญญัติตามกฎหมายนี้ ต้องระวางโทษตามมาตรา ๘๕ (๙) ไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องระวางโทษตามมาตรา ๘๖

25 ถาม - ตอบ ขอบคุณ ... สวัสดี


ดาวน์โหลด ppt พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ. ศ. ๒๕๔๖ โดย

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google