ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๙-๒๘๗/๒, ๓๖๗-๓๙๘
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๙-๒๘๗/๒, ๓๖๗-๓๙๘ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ดร.ศุภกิจ แย้มประชา
2
เนื้อหาที่รับผิดชอบ ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ความผิด มาตรา ๒๐๙ ถึง ๒๘๗/๒ (๑๐๐ มาตรา) ลักษณะ ๕ ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน มาตรา ๒๐๙ ถึง ๒๑๖ ลักษณะ ๖ ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายแก่ประชาชน มาตรา ๒๑๗ ถึง ๒๓๙ ลักษณะ ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง มาตรา ๒๔๐ ถึง ๒๖๙/๑๕ ลักษณะ ๘ ความผิดเกี่ยวกับการค้า มาตรา ๒๗๐ ถึง ๒๗๕ ลักษณะ ๙ ความผิดเกี่ยวกับเพศ มาตรา ๒๗๖ ถึง ๒๘๗/๒ ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๓ ลหุโทษ มาตรา ๓๖๗ ถึง ๓๙๘ (๓๒ มาตรา)
3
ทบทวนโครงสร้างความผิดอาญา
การกระทำครบองค์ประกอบความผิด: องค์ประกอบภายนอก และองค์ประกอบภายใน องค์ประกอบภายนอก: ผู้กระทำ การกระทำ ผลของการกระทำ ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล องค์ประกอบภายใน เจตนา (การรู้ข้อเท็จจริง ประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผล) เจตนาพิเศษ (มูลเหตุจูงใจ) ประมาท ไม่เจตนาไม่ประมาท องค์ประกอบภายนอกที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง/พฤติการณ์ประกอบการกระทำ/เงื่อนไขการลงโทษทางภาวะวิสัย เหตุยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ/ เหตุที่ศาลมีดุลพินิจที่จะไม่ลงโทษ เหตุบรรเทาโทษ ผู้ร่วมกระทำความผิด การตระเตรียม การพยายามกระทำความผิด ความผิดกรรมเดียว หลายกรรมต่างกัน
4
ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน
มาตราที่เกี่ยวข้อง มาตรา ๒๐๙ ถึง ๒๑๖ (๘ มาตรา) มาตรา ๒๐๙ อั้งยี่ มาตรา ๒๑๐ ซ่องโจร มาตรา ๒๑๑ บทลงโทษผู้เข้าร่วมประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร มาตรา ๒๑๒ บทลงโทษผู้ช่วยเหลือเกื้อกูลอั้งยี่หรือซ่องโจร มาตรา ๒๑๓ บทลงโทษสมาชิกหรือพรรคพวกกรณีมีการกระทำผิดสมความมุ่งหมายอั้งยี่หรือซ่องโจร มาตรา ๒๑๔ ประพฤติตนเป็นปกติธุระจัดหาที่พัก ที่ประชุมให้ผู้กระทำผิดในภาค ๒ มาตรา ๒๑๕ มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง มาตรา ๒๑๖ ไม่เลิกมั่วสุมเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก
5
๑. ความผิดฐานอั้งยี่ มาตรา ๒๐๙
มาตรา ๒๐๙ ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดําเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทําความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท ถ้าผู้กระทําความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตําแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท องค์ประกอบภายนอก ผู้ใด เป็นสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการ มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย องค์ประกอบภายใน : เจตนา
6
เป็นสมาชิกของคณะบุคคล
มีบุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป แสดงเจตนาเข้าร่วมความมุ่งหมายอันเดียวกัน เช่น เป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธโจรก่อการร้ายขบวนการบี อาร์ เอ็น (ฎีกาที่ ๑๑๗๖/๒๕๔๓)
7
ปกปิดวิธีดำเนินการ หมายถึง รู้กันเป็นการภายในเฉพาะในหมู่คณะ ไม่เปิดเผยแก่บุคคลอื่น วิธีปกปิดอาจกระทำโดยเครื่องหมายอาณัติสัญญาณ เช่น ใช้นิ้วแสดงเครื่องหมายลับ (๑๒๔/๒๔๕๗) ใช้เครื่องหมายสมาคมที่รู้กันเฉพาะในหมู่สมาชิก (๓๐๑-๓๐๓/๒๔๗๐)
8
ความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
มิชอบด้วยกฎหมาย อาจเป็นได้ทั้งความผิดอาญา ละเมิดหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ปพพ. มาตรา ๔๒๑ ถือว่ามิชอบด้วยกฎหมาย แท็กซี่รวมหัวกันรับส่งคนโดยสาร ถ้าคนอื่นมารับบ้างจะถูกกลั่นแกล้งหรือกีดกัน การกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายไม่จำเป็นต้องถึงขั้นลงมือกระทำ เพียงแค่เป็นสมาชิกก็เป็นความผิดสำเร็จ
9
เหตุให้รับโทษหนักขึ้น
วรรคสอง คือเป็นหัวหน้า ผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้น มีตำแหน่งหน้าที่ เช่น เป็นรองหัวหน้า ที่ปรึกษา นายทะเบียน เหรัญญิก
10
ฎีกาที่น่าสนใจ ๑๑๗๖/๒๕๔๓ จำเลยเข้าเป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธโจรก่อการร้ายขบวนการ บีอาร์เอ็นกลุ่มนาย อ. มีพฤติการณ์กระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเรียกค่าคุ้มครอง ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายจึงมีความผิดฐานอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคหนึ่ง ๓๒๗๙/๒๕๕๔ จำเลยกับพวกมิได้มีเจตนาที่จะประกอบกิจการบริษัท อ. ในอาคารที่เกิดเหตุอย่างแท้จริง การนำชื่อของบริษัทที่เป็นสำนักงานทนายความไปติดตั้งไว้ที่อาคารด้านหน้าโดยต่อมามีการเช่าอาคารส่วนกลางและด้านหลังเพื่อการเล่นการพนันไพ่บาการา จึงมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าเป็นเพียงการบังหน้าเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเกรงกลัวและไม่กล้าเข้าไปค้น พฤติการณ์ในการกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อจัดให้มีการเล่นการพนันไพ่บาการาในอาคารที่เกิดเหตุ โดยนำชื่อบริษัทซึ่งเป็นสำนักงานทนายความและชมรมมาบังหน้าเพื่อจัดให้มีการเล่นการพนันมาแต่ต้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยกับพวกเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ (ออกข้อสอบเนติบัณฑิตสมัยที่ ๖๖ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ ข้อสอบจะตั้งคำถามลวงให้เข้าใจว่าเป็นความผิดฐานซ่องโจร)
11
ฎีกาที่น่าสนใจ ๒๒๒/๒๕๕๖ ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ จำเลยกระทำความผิดโดยเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนความผิดฐานสนับสนุนการก่อการร้ายจำเลยกระทำความผิดด้วยการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดฐานก่อการร้ายก่อนหรือขณะกระทำความผิด การกระทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว แม้จำเลยจะได้กระทำในช่วงเดียวกัน แต่การกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำคนละอย่างแตกต่างกันและต่างกรรมต่างวาระ ทั้งเจตนาและความมุ่งหมายในการเป็นอั้งยี่ และสนับสนุนการก่อการร้ายก็เป็นคนละอย่างต่างกัน การกระทำความผิดของจำเลยในความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานสนับสนุนการก่อการร้ายจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกันมิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ๗๘๔/๒๕๕๗ ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ตาม ป.อ. มาตรา 209 เป็นความผิดทันทีเมื่อผู้นั้นได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ความผิดฐานเป็นซ่องโจรตาม ป.อ. มาตรา 210 เป็นขั้นตอนการกระทำความผิดที่ยกระดับถึงขั้นคบคิดกันหรือตกลงกันหรือประชุมหารือกันเพื่อจะกระทำความผิด สภาพความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานเป็นซ่องโจรจึงสามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้ จึงเป็นความผิดหลายกรรม
12
๒. ความผิดฐานซ่องโจร มาตรา ๒๑๐
มาตรา ๒๑๐ ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่บัญญัติไว้ในภาค ๒ นี้และความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้น กระทําความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทําความผิด ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท องค์ประกอบภายนอก ผู้ใด สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป องค์ประกอบภายใน: เจตนา และเจตนาพิเศษ เจตนาพิเศษ คือ เพื่อกระทําความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่บัญญัติไว้ในภาค ๒ และความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป
13
สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
สมคบ คือ การแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทำความผิดร่วมกัน เช่นประชุมหารือวางแผนที่จะกระทำผิด มาประชุมปรึกษาหารือโดยไม่ได้ตกลงอะไรหรือตกลงไม่ได้ไม่ใช่สมคบ (ฎีกาที่ ๒๘๒๙/๒๕๒๖) ต้องเป็นความตกลงจะกระทำความผิดร่วมกันในระหว่างผู้กระทำความผิดร่วมกัน ไม่ใช่ร่วมไปตกลงกับบุคคลภายนอก ฎีกาที่ ๔๙๘๖/๒๕๓๓ ๔๙๘๖/๒๕๓๓ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรนั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด คือร่วมคบคิดกัน ประชุมปรึกษาหารือกัน หรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทำผิดร่วมกัน อันมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ มีลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานซ่องโจร แค่สมคบก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ยังไม่ต้องกระทำผิดที่สมคบ ฎีกาที่ ๔๗๑/๒๔๕๗, ๑๑๖/๒๔๗๑
14
กรณีที่เป็นการสมคบ ๑๓๔๑/๒๕๒๑ คน ๖ คนสมคบกันจะใช้ไขควงงัดประตูรถยนต์เพื่อลักวิทยุติดรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ข้างถนน ตำรวจเข้าจับ มีความผิดฐานเป็นซ่องโจร ๒๔๒๙/๒๕๒๘ จำเลยที่ 5 กับพวกรวม 10 คนจับกลุ่มกันวางแผนเพื่อจะใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญพนันบนรถยนต์โดยสารประจำทางโดยจำเลย ที่ 1 จะเป็นคนใช้ตลับยาหม่องครอบเหรียญ แล้วให้จำเลย อื่นเป็นหน้าม้าแทงจำเลยที่ 1 แจกเงินให้จำเลยอื่น ทุกคนเพื่อนำไปแทงใครได้เสียเท่าใดให้จำไว้ เมื่อเลิก เล่นแล้วจะคืนให้หมดจำเลยอื่นขึ้นไปบน รถยนต์โดยสารประจำทางส่วนจำเลยที่ 5 รออยู่ที่สถานีขนส่ง และจะขับรถมารับจำเลยอื่นระหว่างทางหลังจากเล่นการพนัน เสร็จแล้ว เมื่อรถยนต์โดยสารออกจากสถานีขนส่ง จำเลยที่ 1 กับพวกลงมือเล่นการพนันทายเหรียญแล้วชักชวนให้ผู้โดยสารมาแทงอันเป็นการสมคบกันเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้ ที่โดยสารไปกับรถยนต์โดยสารโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยที่ 5 จะไม่ได้ขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารพร้อมกับจำเลยอื่น แต่ก็รออยู่ที่สถานีขนส่งและจะขับรถตาม มารับจำเลยอื่นเมื่อเลิกเล่นกันแล้วอันเป็นการแสดงถึง การแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ 5 ได้เข้าร่วมปรึกษา วางแผนกับจำเลยอื่นแล้วการกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเป็น ความผิดฐานเป็นซ่องโจร
15
กรณีที่เป็นการสมคบ ๒๙๐๕/๒๕๔๓ พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อนเป็นลำดับโดยให้จำเลยทั้งสองทำทีเป็นเข้าไปขอเช่าที่ดินจากผู้เสียหายทั้งสอง เพื่อสร้างความสนิทสนมไว้เบื้องต้นก่อน ซึ่งจะเป็นช่องทางที่จะชักนำผู้เสียหายทั้งสองเดินไปสู่หลุมพรางอันจำเลยทั้งสองกับพวกรวม 5 คน ได้ทำกับดักเอาไว้ หลังจากนั้นจึงได้ชักนำผู้เสียหายทั้งสองไปที่บ้านหลังหนึ่งและให้ดื่มน้ำซึ่งผสมสารมึนเมา แล้วนำพาผู้เสียหายทั้งสองไปถอนเงินที่ธนาคาร และขอยืมเงินไปเล่นการพนันกำถั่วจนกระทั่งแพ้การพนันหมดเงินจำนวนดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสองกับพวกไม่เคยปริปากพูดถึงเรื่องการเช่าที่ดินดังกล่าวในตอนแรกอีกเลย ซึ่งวิธีการเช่นนี้หากไม่มีการนัดแนะและร่วมกันวางแผนหาหนทางกันมาก่อนผลก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นลำดับสอดคล้องเช่นนั้นไม่ได้ กรรมจึงเป็นเครื่องชี้เจตนาอันถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกับพวกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ซึ่งมีกำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี จึงถือว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานเป็นซ่องโจร
16
กรณีไม่ใช่การสมคบ ๔๐๕๐/๒๕๓๔ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรจะต้องมีบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปคบคิดประชุมหารือร่วมกัน และตกลงกันที่จะกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 แห่ง ป.อ. และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ทั้งนี้โดยการประชุมหารือร่วมกันและตกลงกันว่าจะกระทำความผิดอะไรเป็นข้อสาระสำคัญของความผิดฐานเป็นซ่องโจร ได้ความเพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้เสียหาย โดยใช้เล่ห์เพทุบายในการเล่นการพนันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายเป็นฝ่ายเล่นแพ้และเสียทรัพย์พนัน แต่ไม่ได้ความว่าจำเลยกับพวกได้คบคิดร่วมประชุมปรึกษาหารือกันที่ไหนเมื่อใด และได้ตกลงกันจะกระทำความผิดอย่างใดหรือไม่ จึงจะลงโทษจำเลยฐานเป็นซ่องโจรมิได้. ๑๙๑๓/๒๕๔๖ ความผิดฐานซ่องโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 นั้น ผู้กระทำต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด โดยร่วมคบคิดกันหรือแสดงออกซึ่งความตกลงจะทำความผิดร่วมกัน เช่น ประชุมหรือหารือวางแผนที่จะกระทำความผิด และตามมาตรา 212บัญญัติให้เอาความผิดแก่ผู้จัดหาที่ประชุมหรือที่พำนักให้แก่ซ่องโจร ซึ่งเป็นข้อสนับสนุนให้เห็นถึงองค์ประกอบของความผิดฐานเป็นซ่องโจรให้เห็นเด่นชัดว่าจะต้องมีการคบคิดประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อกระทำความผิด ซึ่งมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นว่า มีการคบคิดกันจะกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ข้อเท็จจริงจึงไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานฉ้อโกง
17
ความผิดที่สมคบ ต้องเป็นการสมคบเพื่อกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญาภาค ๒ เท่านั้นไม่ใช่กฎหมายอื่น (ต่างจากอั้งยี่) สมคบกันแข่งรถบนถนนหลวงผิดพรบจราจรทางบก ไม่ใช่ประมวลกฎหมายอาญา จึงไม่ผิดฐานซ่องโจร ความผิดนั้นต้องมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ถ้าความผิดที่สมคบมีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป รับโทษหนักขึ้น ต้องรู้ว่าสมคบไปทำความผิดอะไร ส่วนความผิดนั้นจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ และมีอัตราโทษเท่าใดไม่ต้องรู้ เช่น รู้ว่าสมคบกันไปฆ่าคนตาย แต่ไม่ต้องรู้ว่าฆ่าคนตายมีโทษถึงประหารชีวิต
18
ฎีกาที่น่าสนใจ ๑๖๖๔๐/๒๕๕๕ ความผิดฐานซ่องโจรเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 5 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ซึ่งบัญญัติไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ความสงบสุข และความปลอดภัยของประชาชนโดยส่วนรวม มิใช่บัญญัติไว้เพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะเจาะจงเป็นส่วนตัว ดังนั้น ความผิดฐานซ่องโจรถือว่าเป็นการกระทำต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย โจทก์ซึ่งเป็นราษฎรจึงไม่ใช่บุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดโดยตรง มิใช่ผู้เสียหายนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีได้เอง
19
ฎีกาที่น่าสนใจ ๑๗๗๐๕/๒๕๕๕ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีแบ่งหน้าที่กันทำโดยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ท. หลอกลวงสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า เป็นผู้มีชื่อตามหางบัตรที่ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการร่วมออกรางวัล ซึ่งจะตักตลับลูกบอลในภาชนะที่ตนอยู่ประจำหลักด้วยวิธีเสี่ยงทาย ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ท. มิได้เป็นผู้มีชื่อตามหางบัตรที่แท้จริง และจำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ท. ได้ทำเครื่องหมายที่ตลับลูกบอลด้วยสารเคมีตามวิธีการที่วางแผนซักซ้อมกันมา แล้วจะเลือกตักเอาลูกบอลที่มีเครื่องหมายดังกล่าวซึ่งเป็นลูกบอลหมายเลข 1 โดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากบุคคลที่สาม จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงตามฟ้อง นอกจากนั้นการที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมประชุมวางแผนแบ่งหน้าที่กันกับจำเลยที่ 2 และพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีเพื่อจะกระทำความผิดดังกล่าว ย่อมเป็นการสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อตระเตรียมกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 จึงเป็นความผิดฐานซ่องโจรด้วย ความผิดฐานซ่องโจรกฎหมายเอาโทษไว้ก็เพราะการที่บุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพียงที่ตกลงกันจะกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ซึ่งแม้ยังไม่ทันได้กระทำความผิด ก็เป็นอันตรายแก่สังคมแล้ว
20
ฎีกาที่น่าสนใจ ๗๕๖๒/๒๕๕๖ จำเลยทั้งสองกับพวก 5 คน ร่วมกันปรึกษาวางแผนลักทรัพย์ของชาวต่างชาติบนรถโดยสารสองแถว โดยขึ้นรถโดยสารสองแถวมาพร้อมกันซึ่งจะทำให้มีผู้โดยสารมากพอที่จะทำให้พวกของจำเลยที่ 1 สามารถเข้าไปนั่งชิดกับผู้เสียหายทางด้านขวาที่มีกระเป๋าสตางค์อยู่ในประเป๋ากางเกง พวกของจำเลยทั้งสองจึงมีโอกาสล้วงกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย และมีการแบ่งหน้าที่กันทำตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 5 คน สมคบกัน จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกลักทรัพย์ในยวดยานสาธารณะและเป็นซ่องโจร ซึ่งความผิดฐานเป็นซ่องโจรกับฐานร่วมกันลักทรัพย์ในยวดยานสาธารณะเกี่ยวเนื่องกันจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ๒๑๑๘๘/๒๕๕๖ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) โจทก์ต้องบรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งหกได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยทั้งหกเข้าใจข้อหาได้ดี แต่ตามฟ้องของโจทก์ โจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยทั้งหกสมคบกัน และได้ตกลงกันว่าจะกระทำความผิดฐานลักทรัพย์อะไร ของผู้ใด ด้วยวิธีการอย่างไร อันเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิดฐานเป็นซ่องโจรจึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ไม่ชอบ
21
ฎีกาที่น่าสนใจ ๑๒๖๑๓/๒๕๕๗ การที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวก แอบดักซุ่มทำร้ายผู้ตายกับพวก หลังจากมีเหตุวิวาทชกต่อยกันแล้ว โดยได้ความจากคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกบางคนมีมีดเป็นอาวุธ ส่วนคนร้ายที่ไม่มีมีด ก็ตัดต้นไม้ยูคาลิปตัสข้างทางเป็นท่อน ๆ ใช้เป็นอาวุธ เมื่อผู้ตายกับพวกขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกก็วิ่งกรูกันออกมาทำร้าย โดยมิได้เลือกว่าจะทำร้ายบุคคลใดเป็นเฉพาะเจาะจง ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกคิดใคร่ครวญวางแผนตกลงที่จะทำร้ายผู้ตายกับพวก โดยประสงค์ถือเอาการกระทำของแต่ละคนเป็นการกระทำของตน ถือได้ว่าเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันนับเป็นตัวการ ดังนี้ แม้ไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นผู้ฟันทำร้ายผู้ตาย แต่เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นตัวการแล้ว นอกจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 จะมีความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และมีความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยังมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรกับความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเกี่ยวเนื่องกัน เพราะที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรเพื่อที่จะไปทำร้ายผู้ตายกับพวก จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
22
๓.ประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร มาตรา ๒๑๑
มาตรา ๒๑๑ ผู้ใดประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร ผู้นั้นกระทําความผิดฐานเป็น อั้งยี่หรือซ่องโจร เว้นแต่ผู้นั้นจะแสดงได้ว่า ได้ประชุมโดยไม่รู้ว่าเป็นการประชุมของอั้งยี่หรือซ่องโจร องค์ประกอบภายนอกคือการประชุม ต้องมีเจตนาคือรู้ว่าเป็นการประชุม (แต่อาจไม่รู้ว่าเป็นการประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร) ไปงานวันเกิดเพื่อน ไม่ทราบว่ามีการประชุม ไม่ผิด ผู้ประชุมสามารถพิสูจน์หักล้างได้ว่าประชุมโดยไม่รู้ว่าเป็นการประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร ถ้าพิสูจน์ได้ก็ไม่มีความผิด ถ้าไม่หักล้างก็ต้องรับผิด ท่านอาจารย์จิตติเห็นว่าเป็นกรณีรับผิดโดยไม่ต้องมีเจตนา เป็นการผลักภาระการพิสูจน์ให้จำเลย อัยการสืบแค่ว่าเข้าร่วมประชุมโดยน่าจะรู้ว่าเป็นการประชุมเท่านั้น
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.