ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยAustin Mitchell ได้เปลี่ยน 6 ปีที่แล้ว
1
WEEK 6-7 รู้จัก เข้าใจ ในตนเอง
2
อาศัยการพิจารณาตน เธอจักรู้ทุกสิ่ง
อาศัยการพิจารณาตน เธอย่อมเห็นทุกสิ่ง พุทธวจนะที่มา : หนังสือมองตนให้ถ่องแท้ องค์ทะไลลามะที่ 14
3
มีผู้กล่าวว่าผู้รู้จักตนเองจะสามารถพัฒนาเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
4
คนที่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร
คนที่รู้จักตนเองคือ คนที่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร
5
รู้ว่าตนเองทำอะไรได้ดี
และต้องพัฒนาศักยภาพด้านใด หากด้านนั้นๆ คือ ข้อจำกัดของตนเอง
6
คนที่รู้จักตนเอง กล้าหาญในการตั้งเป้าหมายในชีวิต
ไม่ใช้ชีวิตทำงานไปวันๆ ในสถานที่และสภาพแวดล้อมที่ขัดกับความต้องการเบื้องลึกของจิตใจของตนเอง หรือปล่อยลมหายใจทิ้งไปกับความฝัน โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดขึ้นจริงหรือไหม
7
จึงเข้าใจผู้อื่นและเข้าใจโลก
คนที่รู้จักตนเองจะฝึกใจตนให้มีความมุ่งมั่นแต่ยืดหยุ่น เรียนรู้เข้าใจ และเข้าถึงตนเอง จึงเข้าใจผู้อื่นและเข้าใจโลก
8
คนที่รู้จักตนเองไม่ใช้ชีวิตแบบเห็นแก่ตน และไม่เอาแต่ใจตัวเองจนเดือดร้อนตนเองและคนรอบข้าง
เพราะเขารู้ดีว่าการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมของคนหมู่มากนั้น ความแตกต่างแต่ละปัจเจกเป็นเรื่องธรรมดา
9
ผู้ที่รู้จักตนเองให้ความสำคัญและให้คุณค่าในเรื่องความสัมพันธ์กับตนเอง และผู้อื่น
เพราะสิ่งนี้คือด้านหนึ่งแห่งการเชื่อมโยงซึ่งการได้มาซึ่งความสำเร็จใน ชีวิต
11
จิต จิตใต้สำนึก ซิกมันด์ ฟรอยด์ ได้อธิบายว่า จิตระดับใต้สำนึก นี้มีกลไกลทางจิตหลายประเภทด้วยกัน เช่น แรงจูงใจ, อารมณ์ที่ถูกเก็บกด, ความรู้สึกสำนึกคิด, ความฝัน, ความทรงจำ, ความเจ็บปวด ฯลฯ พลังจิตใต้สำนึกมีอิทธิพลเหนือจิตสำนึกกระตุ้นเตือนให้ปฏิบัติพฤติกรรมประจำวันทั่วๆไปเป็นแรงจูงใจให้เกิดพฤติกรรมไร้เหตุผลและผิดปกติในลักษณะต่างๆ ส่วนตรงกลางนั้นคือจิตสำนึกบวกจิตใต้สำนึก
12
ภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg Metaphor) ของ ฟรอยด์ จิตระดับที่มีความสำนึกควบคุมอยู่ เช่นเดียวกับส่วนของน้ำแข็งที่อยู่เหนือผิวน้ำ ส่วนจิตระดับใต้สำนึกเหมือนส่วนที่อยู่ใต้ผิวน้ำ เป็นที่สะสมองค์ประกอบของจิตไว้มากมาย
13
ภูเขาน้ำแข็งส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
14
ระดับขั้นของจิตสำนึก
15
การทำงานร่วมกันของพลังทั้ง 3 ลักษณะ
การทำงานร่วมกันของพลังทั้ง 3 ลักษณะ
16
ตนหรือตัวตน (self) ตัวตนคือ ผลรวมของส่วนย่อยต่าง ๆ ทุกส่วนที่ประกอบกันขึ้นในตัวบุคคล หมายถึง คุณลักษณะหรือบุคลิกภาพทางด้านรูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง นิสัยใจคอ สติปัญญา และความสามารถที่มีอยู่ในตัวบุคคลนั้น (วิลเลียม เจมส์) Read more:
17
ทางพุทธศาสนากล่าวถึงตัวตนว่า
ตัวตนก็คือการประกอบเข้าด้วยกันของกลุ่ม (ขันธ์) 5 กลุ่ม (กอง) ที่เมื่อประกอบกันเข้าแล้วกลายเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นเรา เป็นเขา ดังนี้ Read more:
18
กลุ่มที่เป็นรูป เป็นร่างกาย เป็นส่วนที่ทำให้เกิดพฤติกรรม เกิดคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เป็นบุคคลนั้น
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีทั้งที่เป็นอวัยวะภายนอกที่มองเห็นได้ และอวัยวะภายในที่ไม่สามารถมองเห็นได้ Read more:
19
กลุ่มความรู้สึก (เวทนา) คือกลุ่มที่ทำให้คนเราเกิดความรู้สึก เมื่ออวัยวะสัมผัส
คือ ตา หู จมูก กาย และใจ กระทบกับสิ่งเร้าภายนอก ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส อารมณ์ต่าง ๆ แล้ว ทำให้บุคคลนั้นเกิดความรู้สึก เป็นทุกข์ เป็นสุข หรือเฉย ๆ ต่อสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบนั้น Read more:
20
กลุ่มจดจำ (สัญญา) คือกลุ่มที่เป็นสัญญา ทำให้บุคคลนั้นจำได้ หมายรู้ รับรู้ สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาทางทวาร คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ เช่น จำได้ว่าเป็นสีแดง เขียว ขาว สูง ต่ำ ดำ ขาว อ้วน เตี้ย ผอม สูง สิ่งนั้นคืออะไร มีรูปทรงสัณฐานเป็นอย่างไร สามารถบอกได้อย่างถูกต้องชัดเจน Read more:
21
กลุ่มปรุงแต่ง (สังขาร) เป็นกลุ่มที่คอยปรุงแต่ง หรือปรับปรุงจิตให้จิตคิดสิ่งที่พบเห็น หรือสิ่งที่รับรู้ว่าสิ่งนั้น ๆ ดีหรือไม่ดี มีลักษณะเป็นอย่างไร โดยมีเจตนาเป็นตัวนำทางที่คอยบ่งชี้ว่า สิ่งที่คิดนั้นดี (กุศล) ไม่ดี (อกุศล) คือมีเจตนาดี หรือเจตนาร้าย หรือเจตนาที่เป็นกลาง ๆ ต่อ สิ่งที่พบเห็นแล้วคิดในสิ่งนั้น ๆ Read more:
22
กลุ่มความรู้ความเข้าใจ (วิญญาณ) คือกลุ่มที่ทำความรู้แจ้ง เข้าใจ
ได้พบเห็นได้สัมผัสทาง ตา หู จมูก เป็นต้นว่า สิ่งนั้นคืออะไร มีรูปร่าง มีลักษณะอย่างไร สามารถเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ดังนั้น ส่วนนี้ก็คือส่วนที่เป็นจิต เป็นความคิดของคนเรานั่นเอง Read more:
23
จุดกำเนิดของตน ช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยรุ่น (0-14ปี) ถือว่าเป็นวัยแห่งการสร้างตัวตน
25
Infinity : อิน ฟิ นิ ตี้
26
ทฤษฎีตัวตน (Self theory)
คาร์ล โรเจอร์ เป็นนักจิตวิทยามนุษยนิยม
27
ตนที่ตนมองเห็น (Self Concept)
ภาพที่ตนเห็นเองว่าตนเป็นอย่างไร มีความรู้ความสามารถ ลักษณะเพราะตนอย่างไร เช่น สวย รวย เก่ง ต่ำต้อย ขี้อายฯลฯ การมองเห็นอาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหรือภาพที่คนอื่นเห็น
28
ตนตามที่เป็นจริง (Real Self)
ตัวตนตามข้อเท็จจริง แต่บ่อยครั้งที่ตนมองไม่เห็นข้อเท็จจริง เพราะอาจเป็นสิ่งที่ทำ ให้รู้สึกเสียใจ ไม่เท่าเทียมกับบุคคลอื่น เป็นต้น
29
ตนตามอุดมคติ (Ideal Self)
ตัวตนที่อยากมีอยากเป็น แต่ยังไม่มีไม่เป็นในสภาวะปัจจุบัน เช่น ชอบเก็บตัว แต่อยากเก่งเข้าสังคม เป็นต้น
30
ตัวตนของบุคคล (Self) : โค้งอันตราย เมื่อตนทั้ง 3 แบบ แตกต่างห่างกันมากบุคคล มองเห็นตน(ตีราคาของตนเอง) สูงกว่าตนตามที่เป็นจริง เขาย่อมไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง มันจึงเปรียบเสมือนการปิดทางที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
31
ทฤษฏีของโรเจอร์กล่าวว่า “ตัวตน” (Self theory)
คือการรวมกันของรูปแบบค่านิยม เจตคติการรับรู้และความรู้สึก ซึ่งแต่ละบุคคลมีอยู่และเชื่อว่าเป็นลักษณะเฉพาะของเขาเอง ตนเองหมายถึงฉันและตัวฉัน เป็นศูนย์กลางที่รวมประสบการณ์ทั้งหมดของแต่ละบุคคล ภาพพจน์นี้เกิดจากการที่แต่ละบุคคลมีการเรียนรู้ตั้งแต่วัยเริ่มแรกชีวิต ภาพพจน์นั่นเองสำหรับบุคคลที่มีการปรับตัวดีก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างคงที่และมีการปรับตัวตามประสบการณ์ที่แต่ละคนมีอยู่
32
ภาพตัวเรา ที่เราคิดว่าคนอื่นมองว่าเป็นอย่างไร
ตัวตนและอัตมโนทัศน์ ภาพที่เราอยากเห็น ภาพตัวเรา ที่เราคิดว่าคนอื่นมองว่าเป็นอย่างไร ตนตามการรับรู้ ตนตามความเป็นจริง
33
โจเซฟ ลุฟท์ (Joseph Luft) และ แฮรี่ อินแกม (Harry Ingham)
ทฤษฏีหน้าต่างหัวใจของโจฮารี มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งแสดงให้เข้าใจถึงการตระหนักรู้ตนของบุคคล และเข้าใจถึงสัมพันธภาพระหว่างบุคคลในสถานการณ์ที่แสดงพฤติกรรมการติดต่อ ซึ่งสามารถอธิบายถึงพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดของบุคคลได้ว่ามีลักษณะและองค์ประกอบเป็นอย่างไร เพื่อช่วยให้บุคคลได้เข้าใจผู้อื่นและตนเองได้ดียิ่งขึ้น
34
หน้าต่างหัวใจ โจเซฟ ลัฟท์ (Joseph Luft) และแฮรี อินแกม (Harry Ingham) สองนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับความตระหนักในตนเอง ในบุคคล และอธิบายแนวคิดที่ว่าความตระหนักในตนเองจะเป็นไปได้หรือไม่ได้มากน้อยเพียงใดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลแต่เพียงฝ่ายเดียว หากขึ้นยังขึ้นอยู่กับบุคคลอื่นที่บุคคลนั้นมีปฏิสัมพันธ์อีกด้วยในกระบวนการดำเนินชีวิตหากจะเปรียบ “ตนเอง” ในธรรมชาติทั้งหมดของบุคคลหนึ่งโดยสัมพันธ์กับความตระหนักที่บุคคลนั่นจะพึงมีต่อความเป็นตนเอง หลักการนี้ได้รู้จักกันในชื่อ หน้าต่างโจฮารี ( Johari Window) ซึ่งสามารถอธิบายได้เป็น 4 ส่วน คือ
35
หน้าต่างโจฮารี เปรียบเหมือนหน้าต่าง 4 บาน เรียกว่า “หน้าต่างหัวใจ”
เปรียบเหมือนหน้าต่าง 4 บาน เรียกว่า “หน้าต่างหัวใจ” 1.ส่วนที่เปิดเผย พฤติกรรมภายนอกแสดงออก 2.ส่วนที่เป็นจุดบอด ตนเองแสดงออกไม่รู้ตัว 3.ส่วนซ่อนเร้น เป็นความลับส่วนตัว ซ่อนไว้ในใจ 4.ส่วนลึกลับ บุคคลแสดงออกโดยไม่รู้ตัว
36
หน้าต่าง 4 บาน บริเวณจุดบอด (Blind Area) ตนเองไม่รู้แต่ผู้อื่นรู้
ตนเองรู้ ตนเองไม่รู้ บริเวณเปิดเผย (Open Area) ตนเองรู้และผู้อื่นรู้ บริเวณจุดบอด (Blind Area) ตนเองไม่รู้แต่ผู้อื่นรู้ บริเวณจุดซ่อนเร้น(Hidden Area)ตนเองรู้แต่ผู้อื่นไม่รู้ บริเวณอวิชา (Unknown Area) ไม่มีใครรู้ คนอื่นรู้ หน้าต่าง 4 บาน คนอื่นไม่รู้
37
ความหมายของอัตมโนทัศน์
ความรู้สึกนึกคิด ความเข้าใจ การรับรู้ และเจตคติของแต่ละบุคคลที่มีต่อตนเองในทุกๆด้าน ซึ่งเป็นผลจากการเรียนรู้และประสบการณ์ที่บุคคลได้ปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นและสิ่งแวดล้อม อันเป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพ
38
อัตมโนทัศน์ในทางบวก อัตมโนทัศน์ในทางลบ
อัตมโนทัศน์ในทางบวก อัตมโนทัศน์ในทางลบ
39
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนา
อัตมโนทัศน์ การมรปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น การรับรู้ข้อมูลย้อนกลับจากผู้อื่น การสังเกตความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรมของตนเอง
40
การเปลี่ยนแปลงอัตมโนทัศน์
อัตมโนทัศน์พัฒนาไปได้เรื่อยๆไม่มีขอบเขตและเวลา สิ่งสำคัญในการพัฒนาอัตมโนทัศน์คือพันธุกรรมในเรื่องของสติปัญญา ทั้งนี้ สภาพแวดล้อม สังคมที่อยู่อาศัย การเรียนรู้ รวมไปถึง อุดมคติ ความคิด ความรู้สึกของบุคคลนั้น การเปลี่ยนแปลงอัตมโนทัศน์ การพัฒนาอัตมโนทัศน์ในเชิงบวก บุคคลสามารถปรับปรุงอัตมโนทัศน์ได้เสมอ แต่การปรับปรุงนั้นควรจะเป็นไปในทางบวก โดย การยอมรับความล้มเหลว นำความผิดพลาดเหล่านั้นมาใช้เป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาไปสู่ความสำเร็จ การควบคุมความคิดและพฤติกรรมในเชิงลบของตนเอง รวมถึงการนำหลักคำสอนทางศาสนาเข้ามาขัดเกลาจิตใจและการกระทำ
41
http://competency. rmutp. ac
43
ทฤษฎีวิเคราะห์ความสัมพันธ์(Transactional Analysis)
อีริค เบิร์น (Eric Berne)
44
ภาวะตัวตนแบบผู้ใหญ่(Adult Ego State)
สภาวะที่เป็นพ่อแม่(Parent Ego State) ภาวะตัวตนแบบผู้ใหญ่(Adult Ego State) สภาวะที่เป็นเด็ก(Child Ego State)
45
การเห็นคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem)
การเห็นคุณค่าในตนเอง หมายถึง การประเมินตนเองตามความรู้สึกของตน ว่าตนเองเป็นคนที่มีคุณค่า มีความสามารถ มีความสำคัญ มีการประสบผลสำเร็จในการทำงาน รวมทั้งการยอมรับ การเห็นคุณค่าจากคนในสังคมที่มีต่อตน ตลอดจนการมีเจตคติที่ดีต่อตนเอง มีความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งบุคคลที่เห็นคุณค่าในตนเอง มองตนเองในแง่ดี ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกกับบุคคลอื่นในแง่ดีด้วย
46
ความสำคัญของการเห็นคุณค่าในตนเอง
การเห็นคุณค่าในตนเองมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับตัวทางอารมณ์ สังคม และการเรียนรู้สำหรับเด็ก เพราะเห็นพื้นฐานของการมองชีวิต ความสามารถทางด้านสังคมและอารมณ์ เกิดจากการเห็นคุณค่าในตนเอง บุคคลที่เห็นคุณค่าในตนเองสูงจะสามารถเผชิญกับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ สามารถยอมรับเหตุการณ์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง มีความหวังและมีความกล้าหาญ จะทำให้เป็นคนที่ประสบผลสำเร็จ มีความสุข สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขตามที่ตนปรารถนา ดังนั้น ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองที่แตกต่างกันจึงมีผลต่อความ รู้สึก หรือพฤติกรรมที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล
47
5 วิธีพัฒนา ‘การมองเห็นคุณค่าในตัวเอง’
เมื่อเรา ‘เห็นคุณค่าในตัวเอง’ ได้แล้ว คุณก็จะมีความสามารถในการรับมือหรือทำอะไรหลายๆอย่างได้ดีขึ้นมากๆจนคุณอาจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ มาดู 5 ขั้นตอนเพื่อทำให้เรามองเห็นคุณค่าในตัวเอง
48
1. มองและเข้าใจในตัวเองในแง่ดีบ้าง
หลายๆคนนั้นมักจะโทษและดูถูกตัวเองอยู่เสมอๆทั้งๆที่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เลิกเป็นศัตรูกับตัวคุณเอง ลองลุกขึ้นไปยืนบนหน้ากระจกแล้วพูดประโยคในแง่ดีให้ตัวเองได้ฟังเช่น “ฉันคือคนที่เก่งและจะสามารถผ่านปัญหาต่างๆไปได้ด้วยตัวเอง” อาจจะดูเขินๆแต่ลองเถอะครับ แล้วคุณจะอึ้งกับผลที่เกิดขึ้น
49
2. เรียนรู้ว่าตัวเองนั้นเก่งหรือถนัดในเรื่องไหน
หลายๆคนมักไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองถนัดและหันไปมองสิ่งที่คนอื่นให้ความสนใจ มากกว่านั้นยังเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจนทำให้ความสามารถที่แท้จริงถูกกลบไว้ เปลี่ยนมันเถอะ นั่งคุยและคิดกับตัวเอง เรียนรู้ว่าเราชอบหรือถนัดอะไร จากนั้นก็แสดงมันออกมา บอกให้คนรอบข้างได้รับรู้ ไม่ต้องอาย
50
3. จงภูมิใจในชัยชนะทุกครั้งแม้มันจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
เรานั้นต่างก็เคยเห็นชัยชนะและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของคนอื่นมาแล้วทั้งนั้น อย่าเอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง เพราะเราไม่ใช่คนๆนั้น ถึงจะไม่ได้มีโอกาสที่ใหญ่โตแบบนั้นแต่เราก็สามารถมีชัยชนะในชีวิตของเราได้ จงมองและเฉลิมฉลองให้กับมัน แล้วคุณก็จะเห็นคุณค่าในทุกๆสิ่งที่คุณทำ
51
4. ชื่นชมและเห็นคุณค่าตัวเองแบบไม่ต้องสนใจอะไร
หลายๆคนนั้นมักจะตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเองเสมอว่า “ฉันจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อ…” นั่นคือการทำดีหวังผลแบบอ้อมๆ ลองคิดและจินตนาการว่าอะไรคือสิ่งที่เราทำให้คนอื่นหรือสังคมได้บ้างถึงมันจะเล็กน้อยแต่มันก็คือคุณค่าที่เรามีและสร้างมันขึ้นมาแล้ว
52
5. ยอมรับทุกคำชื่นชม กี่ครั้งแล้วที่คุณชื่นชมคนอื่นและได้คำตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรครับ” ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการพูดเพื่อแก้เขินหรือเป็นมารยาทแต่นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจคุณค่อยๆด้านชาต่อคำชมอย่างไม่รู้ตัว สิ่งที่จะบอกคือคุณต้องรู้สึกกับมันแม้ว่าปากคุณจะตอบไปว่าไม่เป็นไร แต่จงใช้ใจรับมันไว้ แล้วคุณค่าของคุณมันจะเบ่งบานโดยไม่รู้ตัว
53
บุคคลที่เห็นคุณค่าของตนเองในระดับสูง
-มีความมั่นคงทางจิตใจ -สามารถบริหารจัดการอารมณ์ได้ดี -สามารถจัดการกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้ -มีความตระหนักรู้ในทางเลือก มีเหตุผล -มีทักษะในการเข้าสังคม -มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน มีอนาคต
54
บุคคลที่เห็นคุณค่าของตนเองในระดับต่ำ
-ไม่มีความมั่นคงทางจิตใจ -สุขภาพจิตไม่ดี มีความวิตกกังวลสูง -หลีกเลี่ยงการเผชิญกับปัญหา -ไม่แน่ใจในความคิดของตนเอง -ขาดทักษะทางสังคมมักหลีกเลี่ยงการคบหาสมาคมกับผู้อื่น -หมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ในอดีต
55
คุณค่าของการรู้จักตนเอง
การรู้จักตนเองเป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนักรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะการรู้จักตนเองนับเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ควรเรียนรู้เป็นอันดับแรกของชีวิต
56
คุณค่าของการรู้จักตนเอง นำไปสู่
คุณค่าของการรู้จักตนเอง นำไปสู่ การมีเป้าหมายชัดเจนในการดำเนินชีวิต การรู้จักชีวิตเฉพาะที่ตัวตนถนัด จุดอ่อนในชีวิตได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างมี ประสิทธิภาพ การค้นพบความสุขที่แท้จริงในสิ่งที่ตนเลือกทำ นำไปสู่การเรียนรู้จักและเข้าใจผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้น
57
แนวทางในการส่งเสริมการรู้จักตนเอง
ฐานะทางเศรษฐกิจ บุคลิกลักษณะ ความสามารถทั่วไปและความสามารถพิเศษ ค่านิยมที่ยึดถือ ความสนใจ สุขภาพร่างกายและจิตใจ
58
พยายามค้นพบตนเอง แนวทางในการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเอง
ยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น แก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาจุดอ่อน
59
เปิดโอกาสที่หลากหลายให้ตนเอง
มีอิสระทางความคิดและการตัดสินใจ หากระจกสะท้อนภาพตนเอง ฝึกการคิดวิเคราะห์ตนเอง รับฟังคำสอนและเตือนสติจากผู้อื่น การฝึกทักษะการรู้จักตนเอง
60
20 ข้อช่วยให้มีความสุขทุกวัน
61
4. ตรวจสอบตารางเวลางานของวัน ว่าต้องทำอะไรบ้าง
1.ตื่นก่อนเวลาสัก 30 นาทีในแต่ละวัน เพื่อรับอากาศที่สดชื่น และหลีกเลี่ยงการเร่งรีบ และรถติด 2.หลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว ให้บอกกับตัวเองว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีอีก 1 วันของเรา 3.ขณะนั่งอยู่ที่เตียงหลังตื่นนอน ให้คิดถึงอนาคต คิดถึงเป้าหมายระยะยาวที่วางไว้ และบอกกับตัวเองว่า วันนี้จะเป็นอีกวันที่จะขยับเข้าไปใกล้เป้าหมายที่ฝันเอาไว้ 4. ตรวจสอบตารางเวลางานของวัน ว่าต้องทำอะไรบ้าง 5.ทานอาหารเช้าแสนอร่อย เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ 6.ก่อนออกจากบ้านให้เช็คตัวเองที่หน้ากระจก และบอกตัวเองว่าใครดูดีเลิศในปฐพี
62
7. ยิ้มให้กับทุกคนที่เราพบเจอ 8
7.ยิ้มให้กับทุกคนที่เราพบเจอ 8.ช่วยเหลือคนอื่นอย่างน้อย 3 คน/วัน โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน 9.ให้รางวัลแก่คนรอบ ๆ ข้าง เมื่อพวกเขาทำผลงานที่ยอดเยี่ยม 10.โฟกัส และมีสมาธิกับสิ่งที่ต้องทำทีละอย่าง 11.เลิกงานให้ตรงเวลา เพราะมันถึงเวลาของตัวเอง และคนใกล้ชิดแล้ว 12.เมื่อเลิกงาน ควรทำตัวให้ผ่อนคลาย หมดเวลาแห่งการเร่งรีบแล้ว 13.ฟังเพลง และอ่านหนังสือที่คุณชอบ 14.ให้เวลากับตัวเอง นั่งตรึกตรองว่าวันนี้เราทำอะไรได้ดี และอะไรที่ต้องปรับปรุง 15.เตรียมตัวสำหรับ ตารางเวลาของวันพรุ่งนี้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ?
63
16.จัดเตรียมสิ่งที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเร่งรีบในเช้าวันรุ่งขึ้น 17. ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาดี ๆ เช่นเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกรัก พูดคุย ใช้เวลากับคนที่คุณรัก 18.กอด และกล่าวกู๊ดไนท์ ราตรีสวัสดิ์ คนที่คุณรักก่อนนอน 19.นอนนับเหตุการณ์ดีๆ ที่เกิดขึ้นของวันนี้ที่กำลังจะผ่านไป 20.นอนโดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร พักผ่อนให้เต็มที่
64
สาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย คณะศิลปกรรมศาสตร์
อาจารย์เตชิต เฉยพ่วง สาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.