เด็กหานาฬิกา ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาก้อพบว่านาฬิกาพกของตน ได้หล่นหายไปเสียแล้ว นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายต่อเขาอย่างมาก ด้วยเป็นของขวัญ ที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ เขารีบวิ่งกลับไปที่คอกม้า รื้อหาจนทั่วบริเวณแทบพลิกแผ่นดินหา แต่ก้อหาไม่พบ...
เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่ แถวนั้น เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วหูตาฝ้าฟาง ทำให้หาไม่เจอ แต่เด็ก ๆ หูตายังแหลมคม น่าจาหาเจอก็เป็นได้ เขาจึงเรียกเด็ก ๆ มาแล้วบอกว่า "เด็กๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินคนนั้นหนึ่งเหรียญ" เด็ก ๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า จนเวลาผ่านไปนานโข ตอนที่เด็ก ๆ เดินกลับออกมาจาก คอกม้าทีละคน ต่างมีสีหน้าผิดหวังที่หานาฬิกาพกไม่เจอ ขณะที่ชาวนากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า "ผมจะลองเข้าไปหาดู! อีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น"
ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ คิดในใจว่า ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ คิดในใจว่า..พวกเราแทบจะพลิกคอกม้าหายังไม่เจอ...แล้วลำพังเด็กคนเดียว จาหาเจอได้อย่างไร.... เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนาน ก็ยังไม่กลับออกมา ชาวนาเริ่มสิ้นหวัง ในขณะชาวนาคิดจะเลิกรอและจากไปนั่นเอง เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า ในมือของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า "เจ้าหาเจอได้อย่างไร" เด็กชายบอกว่า "พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้น ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กตอก ติ๊กตอก จากนั้นผมก็เดินตามเสียงไป แล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้"
"บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งก็ควรตึงเครียด บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย" ข้อคิดเตือนใจ ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งก็จำเป็น อย่างมากที่จะต้องสงบจิตใจมาคิดตรึกตรองดูว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วหรือเปล่า และนี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของ คำโบราณที่ว่า "บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งก็ควรตึงเครียด บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย" Good luck ^ _ ^