PH114(SCE102) ปฏิบัติการฟิสิกส์ 2 1. ทรานซิสเตอร์ (Transistor) 2. มิเตอร์บริดจ์ (Meterbridge) 3. โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) 4. โฟโตเมตรี (Photometry ) (วิศวะไม่เรียน) 5. สเปกโตรมิเตอร์ (Spectrometer) 6. ดรรชนีของน้ำโดยใช้เลนส์นูน(วิศวะไม่เรียน) 7. แทนเจนกัลวานอมิเตอร์ ( Tangent Galvanometer) 8. การต่อตัวต้านทาน (Resistor) 9. แมกนิโตเมตรี (Magnetometry) 10. วงจร RC
1. Characteristic of Transistor วัตถุประสงค์ ศึกษาคุณสมบัติของทรานซิสเตอร์ วงจร E C B RB RC V PNP E C B RB RC V PNP IC Ib
วัดค่า Ib(uA) IC(mA) และ EC (V) ตามขั้นตอนที่กล่าวไว้ในคู่มือ
IC(mA) EC= คงที่.... (V) Slope = m = ? Ib (uA)
2. มิเตอร์บริดจ์ (Meterbridge) วัตถุประสงค์ เพื่อประยุกต์วงจรบริดจ์หาค่าตัวต้านทานที่ไม่ทราบค่า R3 Rx R3 R1 R2
Rx Galvanometer R3 PS L2 L1
คำนวณตามสมการ % error = ? ตั้งค่า R3 ให้เหมาะสม 3 ค่า ต่อ 1 R x วัด ความยาว L1และ L2 ที่วงจรสมดุล เข็มกัลวานอมิเตอร์ชี้ที่ ศูนย์ คำนวณตามสมการ % error = ?
3. โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) วัตถุประสงค์ ประยุกต์วงจร potentiometer เพื่อวัดค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้า (emf) หรือแรงดันไฟฟ้า หรือ ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ไม่ทราบค่า PS Es Ex L1,2 Rh G 1 2
Rh PS ES EX
สับสวิทช์ไปที่ Ex แล้วปรับระยะให้ Gal. อ่าน ศูนย์ ระยะนี้เป็น L2 ต่อวงจรให้ถูกต้อง ตั้งระยะ(L1)ให้ เป็น ระยะกลางๆ เช่น 300 cm แล้วสับสวิทช์ K ไปที่ ES แล้วปรับ Rheostat ให้ Gal อ่าน ศูนย์ (วงจรสมดุล) สับสวิทช์ไปที่ Ex แล้วปรับระยะให้ Gal. อ่าน ศูนย์ ระยะนี้เป็น L2 คำนวณหาค่า Ex จากสมการ %Error เท่าใด
4. โฟโตเมตรี (Photometry ) เพื่อวัดความเข้มของแสง และกำลังส่องสว่าง โดยใช้ Photometer I = F/A I = P / d2
P1 = A, B, C P2 d1 d2 %Error เท่าใด
5. สเปกโตรมิเตอร์ (Spectrometer) เพื่อหามุมยอดของปริซึม เพื่อหาดรรชนีหักเหของปริซึม(วัสดุที่ใช้ทำปริซึม) -1 +2
T1 Dm collimator telescope T2
6. ดรรชนีของน้ำโดยใช้เลนส์นูน เพื่อหาดรรชนีหักเหของน้ำโดยใช้เลนส์นูน วัตถุ ภาพหัวกลับ ขนาดเท่ากับวัตถุ 1 f1 =ความยาวโฟกัส ของ เลนส์นูน
F= โฟกัสรวมของเลนส์+น้ำ 2 วัตถุ ภาพหัวกลับ ขนาดเท่ากับวัตถุ F= โฟกัสรวมของเลนส์+น้ำ
CO= ระยะวัตถุ 3 ภาพจากการสะท้อนที่ปรอท วัตถุ ภาพหัวกลับ ขนาดเท่ากับวัตถุ i=r1 O CO= ระยะวัตถุ ปรอท C จานรอง วงแหวนกระบอก
7. แทนเจนกัลวานอมิเตอร์ ( Tangent Galvanometer) B =สนามแม่เหล็กจากขดลวด=0nI/ 2r สนามลัพธ์ tan =B/H =0 nI/ 2rH I= 2rHtan/ 0 n (A) SI-unit 0=4 x 10-7 Wb/A-m H = สนามแม่เหล็กโลก
N จัดให้ระนาบขดลวดอยู่ในแนวเหนือ - ใต้ H เข็มทิศ S B I I Rh
8. การต่อตัวต้านทาน (Resistor) ศึกษาการต่อตัวต้านทาน แบบอนุกรม ขนาน ผสม R1 R3 R2 V2 V3 V1 V
R1 R3 R2 A1 A2 A3 V
I1 A1 V1 I A2 V2 I3 A3 V3 I I V=V1 =V2 =V3
แบบผสม V2 V1 V3 คำนวณ ตามที่คู่มือกำหนดไว้
แมกนิโตเมตรี (Magnetometry) เพื่อหาขนาดสนามแม่เหล็กโลก และหาโมเมนต์แม่เหล็กของแท่งแม่เหล็ก ตอนที่ 1 แมกนีโตมิเตอร์ชนิดบ่ายเบน End-on position N d 1 N S S N 2 S M/H =(d2 - l2 )2 tan d = /8
ตอนที่ 2 แมกนีโตมิเตอร์ชนิดบ่ายเบน broad side pososition 2 N 1 S S N d = /8 M/H =(d2+l2)3/2tan
ตอนที่ 3 แมกนีโตมิเตอร์ชนิดแกว่ง จับเวลาในการแกว่งครบ 10 รอบ
10. วงจร RC เพื่อหาค่า time constant ของวงจร C=4700 uF 0 V<10 V R=2200 V จับเวลาในการชาร์จจาก 0 V ถึง ~10 V
จับเวลาในการดีสชาร์จจาก 10 V ถึง 0 V I จับเวลาในการดีสชาร์จจาก 10 V ถึง 0 V
ln(V0 –V) Slope = -m1 ชาร์จ t(s) ln(V) ดีสชาร์จ Slope = -m2 t(s)
% Error = ? ความชันเฉลี่ย = -? ค่าจริง T = RC END ค่าคงที่เวลาเฉลี่ย = - 1/ ความชันเฉลี่ย ค่าจริง T = RC % Error = ? END