วันขอบพระคุณพระเจ้า Thanksgiving หลังจากถูกตรึงที่กางเขนแล้ว 3 วัน พระเยซูก็ฟื้นขึ้นจากความตาย วันขอบพระคุณพระเจ้า Thanksgiving อาจารย์สอง Satit UP
เป็นเทศกาลขอบพระคุณพระเจ้าส่วนมากจะมีในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา วันขอบคุณพระเจ้า Thanksgiving Day เป็นเทศกาลขอบพระคุณพระเจ้าส่วนมากจะมีในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
Thanksgiving ประเพณีขอบคุณพระเจ้าวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) เป็นวันฉลองการเก็บเกี่ยวที่เดิมเป็นการแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้าเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่ที่มาเดิมมาจากเทศกาลที่เกี่ยวกับคริสต์ศาสนาแต่ในปัจจุบันวันขอบคุณพระเจ้าเป็นเพียงวันหยุดราชการด้วยที่ที่ฉลองกันในสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา
T H A N K S G I V I N G D A Y
T H A N K S G I V I N G D A Y
Thanksgiving ในสหรัฐอเมริกา วันขอบคุณพระเจ้าจะตรงกับวันพฤหัสบดีที่สี่ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ในขณะที่ในประเทศแคนาดาจะตรงกับวันจันทร์ที่สองของเดือนตุลาคม ประเพณีนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการอพยพของชาวยุโรปมาที่ทวีปอเมริกาเหนือ ถึงแม้ว่าประเพณีนี้เป็นประเพณีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ที่ฉลองกันโดยบุคคลในทวีปอเมริกาทั้งที่เป็นคริสต์ศาสนิกชนและอื่นๆ แต่เป็นการฉลองที่มีที่มาที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือ ฉะนั้นเทศกาลนี้จึงไม่มีการฉลองกันในทวีปยุโรปหรือประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์อื่นๆ ถึงอาจจะมีบ้างแต่ยังไม่แพร่หลายเหมือนอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา
อาหารที่นิยมรับประทานในวันขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงแล้วยังมี ฟักทองบด ทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ชาวอเมริกันจะถือเป็น วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
วันขอบคุณพระเจ้า มีประวัติความเป็นมาเริ่มตั้งแต่การอพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรก ในอเมริกาในปี ค.ศ. 1620 ชาวอังกฤษ 102 คนซึ่งเป็นพิวริแตน(Puritans) ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ เนื่องจากต้องการแสวงหาดินแดนแห่งเสรีภาพทางศาสนา(ต้องการอิสรเสรีในการนับถือศาสนา) ได้เดินทางออกจากเมืองพลีมัธ (Plymouth)ในอังกฤษ โดยเรือเมย์ฟลาเวอร์ (Mayflowers) ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่โลกใหม่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาขึ้นฝั่งในดินแดนใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือ(ปัจจุบันอยู่ในมลรัฐแมสสาซูเสท) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1620
พวกพิวริแตน(Puritans) ที่ต้องการแสวงหาดินแดนแห่งเสรีภาพทางศาสนา(ต้องการอิสรเสรีในการนับถือศาสนา) ได้เดินมาขึ้นฝั่งในดินแดนใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือ (ปัจจุบันอยู่ในมลรัฐแมสซาซูเซตส์) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1620
เมืองพลีมัธ(Plymouth) ที่เป็นที่พวกพิวริเตนตั้งหลักแหล่งอาศัย เมื่อเวลาผ่านไปเข้าสู่ฤดูหนาวพวกพิลกริมต้องเผชิญกับการต่อสู้ภัยธรรมชาติ ซึ่งยากที่จะรับมือได้เนื่องจาก ไม่คุ้นเคยและไม่ได้รับการฝึกฝนทนกับความหนาวเย็น การใช้ชีวิตในป่าดงพงไพรอันเต็มไปด้วยโรคต่าง ๆ การทำงานหนัก ตลอดจนอาหารมีไม่เพียงพอ พวกเขาจึงได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจนถูกคร่าชีวิตไปกว่าครึ่งหนึ่ง ในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิอันเป็นฤดูกาลถัดจากฤดูหนาว ชายชาวอินเดียนแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ของพลีมัธ และแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตรซึ่งในเวลาต่อมาเขาได้นำหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ชื่อแมสซาซอยท์ (Massasoit) ให้ความช่วยเหลือพวกพิลกริม โดยสมาชิกในเผ่าของแมสซาซอยท์ได้สอนวิธีการล่าสัตว์ จับปลาและปลูกพืชให้กับพวกพิลกริม นอกจากนี้ยังสอนวิธีการใช้ปลา เป็นปุ๋ยสำหรับปลูกข้าวโพด ฟักทอง และถั่ว มีผลให้พวกพิลกริมสามารถเก็บเกี่ยว พืชผลได้อย่างดีมาก
ผู้ว่าการวิลเลี่ยม แบรดฟอร์ด (William Bradford) เจริญรอยตามแบบแผนประเพณีเก่าแก่ที่เคยปฏิบัติกันมา ได้กำหนดวันเพื่อขอบคุณพระเจ้าในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1621 และยังได้ใช้โอกาสทางศาสนานี้สร้างสายสัมพันธ์ อันดีงามระหว่างพวกพิลกริม และเพื่อนบ้านชาวอินเดียนแดงเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ผู้ว่าการวิลเลี่ยมจึงเชื้อเชิญหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง นายแมสซาซอยท์ และผู้กล้าของเขาให้มาร่วมงานสังสรรการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้านี้ ซึ่งพวกอินเดียนแดงรับคำเชิญ ด้วยความยินดี และส่งเนื้อกวางมาร่วมงานเลี้ยง ชายฉกรรจ์พิลกริมทั้งหลายจึงออกไปล่าสัตว์ และกลับมายังที่พักพร้อมกับไก่งวง และสัตว์ป่าอื่นๆ ส่วนผู้หญิงเตรียมอาหารอร่อยๆ ซึ่งทำมาจากข้าวโพด ลูกเเครนเบอรี่ ผลสควอช และฟักทอง
The First Thanksgiving at Plymouth ครั้งแรกที่พวกพิวริเตนชาวอังกฤษเหล่านี้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา(ดินแดนโลกใหม่) พวกเขาต้องล้มป่วยลงและเสียชีวิตเนื่องจากสภาพอากาศหนาวจัด และการเผชิญความยากลำบากหลายด้านนั้น ชนเผ่าอินเดียนแดงซึ่งอยู่ใกล้เคียงนั้น ซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณเดียวกันได้ให้ความช่วยเหลือชาวพิวริเตนกลุ่มนี้
The First Thanksgiving at Plymouth
ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.1621 ชาวอังกฤษกลุ่มนี้ได้เชิญชาวเผ่าอินเดียนแดงมาร่วมขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าได้ช่วยพวกเขามีชีวิตที่ดีในดินแดนแห่งใหม่นี้ ในการเลี้ยงฉลองครั้งแรกๆได้มีการรับประทานไก่งวง ขนมพาย ซึ่งทำจากลูกพั๊มกิ้นและพัดดิ้ง ซึ่งทำมาจากข้าวโพด ลูกเเครนเบอรี่ ผลสควอช และฟักทอง
การฉลองวันขอบพระคุณพระเจ้าอย่างไม่เป็นทางการนี้ ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1621 โดยมีการจัดงานถึง 3 วัน ต่อมาก็มีการจัดบ้างไม่จัดบ้าง ในแต่ละปีจนถึงปี ค.ศ. 1863 เมื่อรัฐบาลได้ประกาศให้มีการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าอย่างเป็นทางการ ในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1863 (เมื่อประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ได้ประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving เป็นวันหยุดราชการเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองขอบคุณพระเจ้าสำหรับชาวอเมริกัน) และก็มีการฉลองติดต่อกันในวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
อาหารช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ประเพณีการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าของคนอเมริกันในยุคปัจจุบันมีที่มาจากการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกดังกล่าว ดังนั้นอาหารหลักบนโต๊ะอาหารในวันนี้ซึ่งถือเป็นอาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้าจะมีไก่งวงอบยัดไส้ (Roast turkey with stuffing) ผลสควอช(Squash) ขนมปังข้าวโพด (Corn bread) และซอสแครนเบอร์รี่ (Cranberry sauce) พายฟักทอง (Pumpkin pie) ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคสมัยนั้น
อาหารที่นิยมรับประทานในวันขอบคุณพระเจ้าที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ ไก่งวง (turkey)
อาหารที่นิยมรับประทานในวันขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงแล้วยังมี ฟักทองบด
อาหารช่วงวันขอบคุณพระเจ้า : ไก่งวงอบยัดไส้ (Roast turkey with stuffing)
อาหารช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ไก่งวงอบยัดไส้ (Roast turkey with stuffing)
อาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้านอกจะมีจะมีไก่งวงอบยัดไส้เป็นเมนูหลักแล้วยังมีขนมปังข้าวโพด และซอสแครนเบอร์รี่ พายฟักทอง ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคสมัยนั้น
Thanksgiving อาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงอบยัดไส้ แล้วยังมี ขนมปังข้าวโพด ซอสแครนเบอร์รี่ พายฟักทอง ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคที่ผู้อพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในอเมริกา
อาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงอบยัดไส้ แล้วยังมี ขนมปังข้าวโพด ซอสแครนเบอร์รี่ พายฟักทอง ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคที่ผู้อพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในอเมริกา
อาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงอบยัดไส้ แล้วยังมี ขนมปังข้าวโพด ซอสแครนเบอร์รี่ พายฟักทอง ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคสมัยแรก ๆ ของการตั้งถิ่นฐานในอเมริกา Thanksgiving
อาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงอบยัดไส้ แล้วยังมี ขนมปังข้าวโพด ซอสแครนเบอร์รี่ พายฟักทอง ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคสมัยแรก ๆ ของการตั้งถิ่นฐานในอเมริกา
Thanksgiving อาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้านอกจากจะมีไก่งวงอบยัดไส้ แล้วยังมี ขนมปังข้าวโพด ซอสแครนเบอร์รี่ พายฟักทอง ถั่ว เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคสมัยแรก ๆ ของการตั้งถิ่นฐานในอเมริกา
Thanksgiving วันขอบคุณพระเจ้า ชาวอเมริกันจะเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้าที่อวยพระพรพวกเขาทั้งหลายให้มีความสุขทั้งกายและ ใจตลอดปีที่ผ่านมา และเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อรับประทานอาหารเย็น รวมทั้งพูดคุยถึงสิ่งที่ ต้องการขอบคุณพระเจ้า
Thanksgiving วันขอบคุณพระเจ้า ชาวอเมริกันจะเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้าที่อวยพระพรพวกเขาทั้งหลายให้มีความสุขทั้งกายและ ใจตลอดปีที่ผ่านมา และเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อรับประทานอาหารเย็น รวมทั้งพูดคุยถึงสิ่งที่ ต้องการขอบคุณพระเจ้า และมีการอธิษฐานร่วมกันบนโต๊ะอาหาร
ในวันขอบคุณพระเจ้านี้ชาวอเมริกันจะใช้เวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวและรับประทานอาหารมื้อใหญ่ด้วยกัน โดยอาหารที่นิยมรับประทานจนเป็นประเพณีคือ ไก่งวง สำหรับชาวอเมริกันที่นับถือศาสนาคริสต์ถือว่าวันนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการรำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเขา
วันพระคริสต์สำแดงองค์ Epiphany หลังจากถูกตรึงที่กางเขนแล้ว 3 วัน พระเยซูก็ฟื้นขึ้นจากความตาย วันพระคริสต์สำแดงองค์ Epiphany
วันอีพิฟีนี่ หรือ วันพระคริสต์สำแดงองค์ (Epiphany) ตรงกับวันที่ 6 มกราคม เป็นวันระลึกถึงการไขแสดงของพระเจ้า(พระเจ้าได้ไขแสดงและเปิดเผยพระองค์ หรือการเปิดเผยพระองค์ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์แก่มนุษย์ หรือการปรากฏตัวของพระเยซูคริสต์“) ในศาสนาจักรออร์โธดอกซ์จะฉลองวันนี้ที่เรียกว่าวันเทศกาลฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ หรือ วันเทศกาลฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ในความหมายปัจจุบันมักเน้นไปที่เหตุการณ์ที่มีนักปราชญ์จากทิศตะวันออกหรือโหราจารย์มาพบพระกุมารเยซู (วันที่พวกนักปราชญ์ถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมาร) บางครั้งเรียกวันนี้ว่าวัน Three Kings’ Day หากนับจากวันคริสต์มาสไปอีก 12 วัน ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 6 มกราคม โดยในบางแห่งจะมีการฉลองยาวตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. – 6 ม.ค. (twelve days of Christmas)
"Epiphany" หมายความว่า "การสำแดง" (manifestation), "การปรากฎ" (appearance) และ "การเปิดเผย" (revelation) คำ ๆ นี้มาจากภาษากรีกว่า "epiphaneia" และภาษาลาตินว่า "epiphania" (epi แปลว่า "บน, เหนือ" phainein แปลว่า "แสดง, นำมาแสดง“ ) Epiphany หมายถึง "วันเทศกาลฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ตรงกับวันที่ 6 มกราคม, การเสด็จมา หรือการปรากฏตัวของพระเยซูคริสต์“ โดยวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ในหลาย ๆ ประเทศถือเป็นวันหยุดประจำปีเช่น เดียวกับวันคริสต์มาส โดยเฉพาะในประเทศของศาสนจักรตะวันออก (นิกายออร์โธดอกซ์)
พระเยซูรับศีลจุ่ม (ศีลล้างบาป) แรกเริ่มเดิมที "Epiphany" เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองตามปฏิทินของชาวคริสต์ ในวันที่ 6 มกราคม ที่เริ่มต้นโดยศาสนจักรทางซีกโลกตะวันออก(ออร์โธดอกซ์) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเทศกาลนี้ เดิมตั้งใจว่าจะเฉลิมฉลองในเรื่อง "การสำแดง ของพระเป็นเจ้า ผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์โดยรวมทั้งหมด" (The total revelation of God in Christ.) แต่ต่อมามัก ก็มาเจาะจงเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสการปรากฎพระองค์ ของพระเยซูต่อหน้าสาธารณชน 1) เมื่อตอนที่พระองค์ทรงเริ่มต้นพระราชกิจของพระองค์เป็นครั้งแรก โดยการมาหา ยอห์น(John the Baptism) (บุตรของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธ ผู้ที่พระเจ้าให้มาเกิดก่อนพระเยซูคริสต์) เพื่อให้ยอห์นศีลบัพติสมา (ศีลจุ่ม/หรือศีลล้างบาป) แก่พระเยซูที่แม่น้ำจอร์แดน และพระเจ้าทรงรับรองการปรากฎตัวของพระเยซูคริสต์ ด้วยการสำแดงหมายสำคัญ ให้ท้องฟ้าแหวกออกและพระวิญญาณดุจนกพิราบลงมาสู่พระองค์พร้อมกับพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ ว่า "ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก" พระเยซูรับศีลจุ่ม (ศีลล้างบาป)
2) การสำแดงพระองค์อีกประการหนึ่ง ก็คือ การสำแดงของพระเยซูคริสต์ เมื่อทรงเปลี่ยนน้ำ (water) ให้กลายเป็นน้ำองุ่น (wine) ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี ในครั้งนั้นพระองค์ทรงไปร่วมงานแต่งงาน แต่ปรากฎว่าเจ้าภาพต้องเสียหน้าเมื่อปรากฎว่าน้ำองุ่น ที่รับรองแขกเกิดหมดลง นางมารีย์จึงขอให้พระเยซูช่วย พระองค์จึงทรงเปิดเผยฤทธิ์อำนาจทำการอัศจรรย์เป็นครั้งแรก ด้วยการเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำองุ่น เพื่อช่วยเจ้าภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกในงานทุกคน
3) ต่อมาปรากฎว่า การเฉลิมฉลองเทศกาล "Epiphany" นี้ได้แพร่หลายมาทางฝั่งตะวันตก และผสมผสานกับการฉลองคริสต์มาสที่โหราจารย์(นักปราชญ์จากตะวันออก)นำของขวัญมาเข้าเฝ้านมัสการพระเยซูคริสต์ เพราพวกเขาได้รับ "Epiphany" ผ่านการนำทางของดวงดาว ในช่วงยุคกลาง และยุคหลังปฏิรูปศาสนา ได้เป็นที่ยอมรับกันว่า เทศกาลเฉลิมฉลองกลางฤดูหนาว หรือ "คริสต์มาส 12 วัน" นั้น เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม จนถึงวันสุดท้ายของเทศกาล คือวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันที่นักปราชญ์/โหราจารย์จะตะวันออกนำของขวัญคริสต์มาสชุดแรกจากต่างแดนมาถวายแด่พระกุมารเยซูคริสต์
ในหลายประเทศในยุโรปตะวันออกของนิกายออร์โธดอกซ์ เช่น ในรัสเซีย จะเน้นที่พิธีกรรมการล้าง มักจะมีการลงล้างบาปและลงแช่น้ำในแม่น้ำที่เย็นจัดในฤดูหนาวโดยเชื่อว่าน้ำที่ได้รับการประสาทพรจากพระในเทศกาลเพื่อระลึกถึงการล้างบาปของพระเยซูบักบุญจอห์น(John the Baptism)
วันสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ พระแม่มารีย์และเหล่านักบุญ หลังจากถูกตรึงที่กางเขนแล้ว 3 วัน พระเยซูก็ฟื้นขึ้นจากความตาย วันสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ พระแม่มารีย์และเหล่านักบุญ
วันสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ พระแม่มารีย์และเหล่านักบุญ มักมีในนิกาย โรมันคาทอลิก และ นิกายออร์โธดอกซ์ ไม่ค่อยมีในนิกายโปรเตสแตนท์
นอกจากเทศกาลวันสำคัญดั้งกว่าข้างต้นนั้นยังมีวันสำคัญทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับเหล่านักบุญ (Saint) ที่สำคัญส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพระแม่มาเรีย(มารีย์) ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออร์โธดอกซ์ ทำให้ทั้ง 2 นิกายนี้มีเทศกาลวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระแม่มารีย์และเหล่านักบุญเป็นจำนวนมาก ในรอบปีอีกด้วย
Pray
การอธิษฐาน หรือ การสวดภาวนา เป็นส่วนหนึ่งในวิธีชีวิตของชาวคริสต์ที่จะต้องกระทำ เพื่อใช้กล่าววิงวอนต่อพระเจ้า ซึ่งมีในทุกนิกาย สำหรับในนิกายโรมันคาทอลิก และนิกายออร์ดอกซ์ นั้น จะมีการออ้อนวอนทูลขอผ่านเหล่านักบุญและพระแม่มารีย์ด้วย
การอธิษฐาน หรือ การสวดภาวนา เป็นส่วนหนึ่งในวิธีชีวิตของชาวคริสต์ที่จะต้องกระทำ เพื่อใช้กล่าววิงวอนต่อพระเจ้า ซึ่งมีในทุกนิกาย สำหรับในนิกายโรมันคาทอลิก และนิกายออร์ดอกซ์ นั้น จะมีการออ้อนวอนทูลขอผ่านเหล่านักบุญและพระแม่มารีย์ด้วย
Praise Lord
Sunday ( พิธีนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ )
นิกายโปรเตสแตนท์ มักเรียก Sunday Service Sunday worship service การไปโบสถ์วันอาทิตย์ นิกายโปรเตสแตนท์ มักเรียก Sunday Service Sunday worship service นิกายโรมันคาทอลิก มักเรียก Sunday Mass
Sunday ทำไมถึงใช้วันอาทิตย์ !!!??
วันอาทิตย์เป็นวันที่พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย ( วันที่ 3 หลังจากที่สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน )
วันอาทิตย์ คือ วันที่พระเยซู เป็นขึ้นมาจากความตาย วันอาทิตย์ คือ วันที่พระเยซู เป็นขึ้นมาจากความตาย
Sunday Service
Sunday Service
การนมัสการพระเจ้าและไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ Sunday Service นิกายโรมันคาทอลิก ( Roman Catholic ) โบสถ์
การนมัสการพระเจ้าและไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ Sunday Service
ในวันอาทิตย์จะชาวคริสต์จะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและฟังเทศนาตลอดจนประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ในวันอาทิตย์จะชาวคริสต์จะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและ ฟังคำเทศนาตลอดจนประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
การนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ Sunday Service
คณะนักร้องในโบสถ์ ซึ่งโบสถ์หลายๆ ที่จะมีกลุ่มคณะนักร้องประสานเสียง ของโบสถ์ที่เรียกว่า Choir
Choir คณะนักร้องในโบสถ์ ซึ่งในหลาย ๆ ที่จะมีกลุ่มคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์ที่เรียกว่า Choir
คณะนักร้องในโบสถ์ซึ่งโบสถ์หลาย ๆ แห่งจะมีกลุ่มคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์ที่เรียกว่า Choir
Choir คณะนักร้องในโบสถ์ซึ่งโบสถ์หลาย ๆ แห่งจะมีกลุ่มคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์ที่เรียกว่า Choir
Choir คณะนักร้องในโบสถ์ซึ่งโบสถ์หลาย ๆ แห่งจะมีกลุ่มคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์ที่เรียกว่า Choir