ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
โรคและแมลงศัตรูไหม
2
โรคและแมลงศัตรูไหม โรคไหม โรคมัสคาดีน (Muscardine Disease)
เกิดจากเชื้อราพวก sporophyte สปอร์จะแพร่กระจายไปตามอากาศและตกลงบนตัวหนอนไหม เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการเจริญเติบโต สปอร์จะงอกเข้าทำลายตัวหนอนไหม
3
โรคและแมลงศัตรูไหม สาเหตุของโรค
มัสคาดีนสีเขียว เกิดจากเชื้อ Spicaria prasina (Maublang) Sawada มัสคาดีนสีเหลือง เกิดจากเชื้อ Isaria farinosa Fries มัสคาดีนสีขาว เกิดจากเชื้อ Beauveri bassiana (Balsamo) Vuillemin มัสคาดีนสีดำ เกิดจากเชื้อ Metarrhizium anisopliae (Metchnikoff) Sorokin
4
โรคและแมลงศัตรูไหม ลักษณะของโรค
เมื่อไหมเริ่มเป็นโรคจะเคลื่อนไหวช้า กินอาหารน้อยลง เมื่ออาการของโรค รุนแรง จะปรากฏจุดสีดำหรือจุดคล้ายน้ำมันบนผิวหนังของหนอนไหม ขอบของวงรอบจุดจะชัดหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อราที่เข้าไปทำลาย ถ้าเป็นโรคมัสคาดีนสีขาวจุดจะไม่ชัดนัก ในที่สุดไหมจะตาย หลังจากไหมตายระยะแรกลำตัวจะอ่อน ต่อมาซากจะค่อย ๆ แข็งและหดตัว มีลักษณะคล้ายมัมมี่ (mummy) หลังจากนั้นเชื้อราจะสร้างเส้นใยคลุมซากสร้างสปอร์ที่มีสีต่างกันออกไปตามชนิดของเชื้อที่เข้าไปทำลาย เช่น ขาว เขียว เหลืองและดำ
5
โรคและแมลงศัตรูไหม การติดต่อของโรค
เชื้อเข้าทำลายทางผิวหนัง โดยสปอร์ของเชื้อราปลิวไปตกบนผิวหนังของหนอนไหม เจริญอยู่ในน้ำเลือด แต่ไม่ทำลายอวัยวะอื่นๆ เมื่อสภาพอุณหภูมิ ความชื้นพอเหมาะ สปอร์จะงอกแทงเส้นใยทะลุออกมาคลุมซากเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ
6
โรคและแมลงศัตรูไหม การป้องกันกำจัด
ก่อนและหลังการเลี้ยงไหมทุกครั้ง พ่นสารเคมีทำลายเชื้อที่ตกค้างอยู่ในห้องเลี้ยงไหม และอุปกรณ์การเลี้ยงไหมทุกชนิดด้วยฟอร์มาลีน 3 % อัตราที่ใช้ 1 ลิตรต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ก่อนเริ่มเลี้ยงไหมและขณะเลี้ยงไหม ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราโรยบนตัวหนอนไหม
7
โรคและแมลงศัตรูไหม รักษาความสะอาดในห้องเลี้ยงไหมและห้องเก็บใบหม่อน อย่าให้มีเศษใบหม่อน มูลไหมตกค้างอยู่บนพื้น เพราะจะเป็นที่อาศัยของเชื้อแอสเปอร์จิลลัส เก็บไหมตัวที่เป็นโรคออกทิ้งในฟอร์มาลีน 3 % หรือนำไปฝัง หรือเผา ควบคุมความชื้นในโรงเลี้ยงไหมให้พอเหมาะ ควรให้มีการถ่ายเทอากาศ หลังจากแม่ผีเสื้อวางไข่ 2 – 3 วัน นำแผ่นไข่ไหมจุ่มน้ำยาฟอร์มาลีน 2%แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ผึ่งลมให้แห้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับเปลือกไข่
8
โรคและแมลงศัตรูไหม โรคแอสเปอร์จิลลัส (Aspergillus Disease)
เป็นโรคที่ร้ายแรงและทำความเสียหายให้แก่ไหมมาก เชื้อทีเป็นสาเหตุของโรค พบแพร่กระจายอยู่ทั่ว ๆ ไปในอากาศ โรคแพร่ระบาดได้รวดเร็วในช่วงฤดูฝน เชื้อสามารถเข้าทำลายหนอนไหมได้ทุกระยะ ไหมวัยอ่อนติดโรคง่ายที่สุด สาเหตุของโรค Aspergillus flavus Link Aspergillus tamarii
9
โรคและแมลงศัตรูไหม ลักษณะอาการของโรค
หนอนไหมวัยอ่อนที่เป็นโรคผิวหนัง มีลักษณะเป็นมัน ไม่เจริญเติบโตตามปกติ หลังจากตายเชื้อราจะขึ้นคลุมซากทั่วตัว ซากจะมีลักษณะแข็งมีสีเหลืองหรือสีน้ำตาล แล้วแต่ชนิดของเชื้อราที่เข้าทำลาย หนอนไหมวัยแก่ที่เป็นโรค มีลักษณะอาการลอกคราบไม่ได้ หรือลอกคราบออกได้ไม่หมด หลังลอกคราบลำตัวจะขาด มีสีคล้ายสนิม อวัยวะขับถ่ายยื่นออกมา เกิดเป็นแผลสีดำมีลักษณะแข็งตรงบริเวณที่เชื้อเข้าทำลายเท่านั้น
10
โรคและแมลงศัตรูไหม การติดต่อของโรค
เชื้อเข้าทำลายทางผิวหนังโดยที่สปอร์ของเชื้อราปลิวไปตกบนผิวหนังหนอนไหม ในสภาพที่อุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม สปอร์จะงอกแทงทะละเข้าไปในผิวหนังสร้างเส้นใยเจริญอยู่ในเลือดจนกระทั่งไหมตาย เชื้อราจะแทงออกมาคลุมซากหนอนไหมที่ฟักออกใหม่ ๆ เมื่อติดโรคจะตายภายใน 2 วัน วัยอ่อนตายใน 2-7 วัน วัยแก่ตายใน 4-10 วัน
11
โรคและแมลงศัตรูไหม การป้องกันกำจัด
ก่อนและหลังการเลี้ยงไหมทุกครั้ง พ่นสารเคมีทำลายเชื้อที่ตกค้างอยู่ในห้องเลี้ยงไหม และอุปกรณ์การเลี้ยงไหมทุกชนิดด้วยฟอร์มาลีน 3 % อัตราที่ใช้ 1 ลิตรต่อพื้นที่ 1 ตรม. ก่อนเริ่มเลี้ยงไหมและขณะเลี้ยงไหม ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราโรยบนตัวหนอนไหม รักษาความสะอาดในห้องเลี้ยงไหมและห้องเก็บใบหม่อน อย่าให้มีเศษใบหม่อน มูลไหมตกค้างอยู่บนพื้น เพราะจะเป็นที่อาศัยของเชื้อแอสเปอร์จิลลัส เก็บไหมตัวที่เป็นโรคออกทิ้งในฟอร์มาลีน 3 % หรือนำไปฝัง หรือเผา
12
โรคและแมลงศัตรูไหม โรคแฟลคเซอรรี่(Flachorie : Bacterial Disease of Digestive Organ) เป็นโรคที่เข้าทำลายหนอนไหมทุกระยะ สาเหตุของโรค เกิดจากเชื้อบัคเตรี ลักษณะอาการของโรค ไหมที่เป็นโรคจะแสดงอาการเจริญเติบโตช้า สำรอกน้ำย่อยออกทางปาก ส่วนหัวหรือสำตัวใส สำตัวหดสั้นและนิ่ม มูลไหมที่ถ่ายออกมาจะมีลักษณะเหลว หลังจากตาย ซากจะนิ่มและเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีแดงหรือเขียว ในที่สุดซากจะเน่ามีกลิ่นเหม็น
13
โรคและแมลงศัตรูไหม การติดต่อของโรค
เชื้อเข้าทางปาก โดยไหมกินเชื้อที่ติดกับใบหม่อนเข้าไป เมื่อสภาพแวดล้อมอุณหภูมิความชื้น คุณภาพและปริมาณใบหม่อนไม่เหมาะสม ไหมอ่อนแอ เชื้อจะเข้าทำลายอวัยวะย่อยอาหาร ทำให้ไหมตาย ไหมที่เป็นโรคจะขับถ่ายเชื้อออกมากับมูลทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
14
โรคและแมลงศัตรูไหม การป้องกันกำจัด
ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในห้องเลี้ยงไหมให้เหมาะสมกับวัยของหนอนไหม ให้ใบหม่อนที่มีธาตุอาหารและปริมาณเพียงพอกับความต้องการของหนอนไหม ไหมที่เลี้ยงอย่าให้แน่นเกินไป รักษาความสะอาดในโรงเลี้ยงไหมและวัสดุอุปกรณ์ทุกชนิด ใช้ Chloramphenical ในระดับความเข้มข้น 500 – 1,000 ppm. ฉีดพ่นหนอนไหม
15
โรคและแมลงศัตรูไหม โรคแกรสเซอรี่ (Grassery : Nuclear polyhedrosis Virus) โรคนี้มีเชื่อเรียกตามภาษาพื้นเมืองในภาพตะวันออกเฉียงเหนือว่า โรคเต้อ หรือโรคตัวเหลือง ทำลายหนอนไหมทุกระยะ ไหมวัย 5 เป็นระยะที่ติดโรคง่ายที่สุด และมักพบว่าแพร่ระบาดในช่วงฤดูร้อน สาเหตุของโรค เกิดจากเชื้อไวรัส Nuclear Polyhedrosis Virus ( NPV )
16
โรคและแมลงศัตรูไหม ลักษณะอาการของโรค
ในระยะแรกที่ไหมเป็นโรคจะไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่เมื่อเป็นมากขึ้น ไหมจะหยุดกินใบหม่อน กระวนกระวาย ผิวหนังมีลักษณะเป็นมันขาว สีของลำตัวจะต่างไปจากตัวที่ปกติ ปล้องและตัวบวม ผิวหนังแตกง่ายในระยะแรกที่มีอาการบวมหนอนไหมจะไต่ออกข้างนอก เมื่อผิวหนังแตกจะมีน้ำเหลืองไหลออกมา สีของน้ำเหลืองจะแตกต่างกันไปตามพันธุ์ไหมที่เลี้ยง
17
โรคและแมลงศัตรูไหม การติดต่อของโรค ทางปาก หนอนไหมกินเชื้อเข้าไป
ทางปาก หนอนไหมกินเชื้อเข้าไป ทางผิวหนัง เชื้อเข้าทางบาดแผล การป้องกันกำจัด 1 ก่อนและหลังการเลี้ยงไหม ฉีดสารเคมีทำลายเชื้อที่ตกค้างอยู่ในห้องเลี้ยงไหมทุกชนิดด้วยฟอร์มาลีน 3 % ห้องเลี้ยงไหมควรมีการถ่ายเทอากาศได้ดี โดยเฉพาะไหมวัย 5 อุณหภูมิในห้องเลี้ยงไหมไม่ควรเกิน 30 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสและความชื้นไม่สูงกว่า 90 % ให้ใบหม่อนที่มีธาตุอาหารและปริมาณเพียงพอ เพื่อให้ไหมแข็งแรง
18
โรคและแมลงศัตรูไหม ระวังไม่ให้ตัวหนอนไหมเป็นแผล
เก็บหนอนไหมที่แสดงอาการเป็นโรคออกทิ้ง ในฟอร์มาลีน 3 % ก่อนที่ผิวหนังจะแตก แพร่กระจายของเชื้อโรค ทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์ในโรงเลี้ยงไหม ไม่ควรเลี้ยงไหมหนาแน่นเกินไป ปรับปรุงพันธุ์ไหมให้มีความต้านทานต่อเชื้อ NPV
19
โรคและแมลงศัตรูไหม โรคเพบริน (pebrine)
เป็นโรคที่ร้ายแรงและทำความเสียหายให้แก่ไหมมากที่สุด โรคเข้าทำลายหนอนไหมทุกระยะ ไหมวัยอ่อนเป็นโรคได้รุนแรงกว่าไหมวัยแก่ ไหมวัยอ่อนเมื่อเป็นโรคแล้วจะตายไม่สามารถเจริญเติบโตจนครบชีพจักร ส่วนไหมวัยแก่เมื่อติดโรคเติบโตตามปรกติ แต่จะไปแสดงอาการในรุ่นต่อไป สาเหตุของโรค เกิดจากเชื้อโปรโตชัว (Nosema bombysis Naegali) จากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า สปอร์ของเชื้อลักษณะกลมรี มีขนาด 3.7 X 2.0 micron โปร่งแสงห่อหุ้มด้วยผนัง 2 ชั้น มีลักษณะเป็นมันและสะท้อนแสง
20
โรคและแมลงศัตรูไหม ลักษณะอาการของโรค
หนอนไหมที่เป็นโรคจะมีการเจริญเติบโตไม่สม่ำเสมอ จะแสดงอาการเฉียบพลันและรุนแรงในหนอนไหมวัยอ่อนมากกว่าไหมวัยแก่ ไหมจะนอนช้ากว่าปรกติในระยะวัย 2 และวัย 3 ไม่ลอกคราบ เมื่อเป็นมากไหมจะหยุดกินอาหารลำตัวจะหดสั้นแคระแกรนและตายในที่สุด
21
โรคและแมลงศัตรูไหม ในหนอนไหมวัยแก่ลอกคราบที่เป็นโรคเพบรินถ้านำมาผ่าตรวจต่อมไหม (silk gland) จะพบว่ามีลักษณะขุ่นไม่ใสเหมือน ถ้าไหมที่ฟักออกจากไข่ที่ได้รับเชื้อนี้ จะแสดงอาการตอนวัยแก่ ถ้าผีเสื้อเป็นโรคจะสังเกตเห็นได้ง่ายที่ปีกผีเสื้อจะยับยู่ยี่ ปีกไม่แผ่ เกล็ดของปีกจะหลุดร่วงง่าย วางไข่น้อยไม่เป็นระเบียบ ถ้ามีการผสมพันธุ์ ไข่จะไม่ฟัก เพราะไข่แดงถูกทำลาย
22
โรคและแมลงศัตรูไหม การติดต่อของโรค ทางปาก (oral Transmission)
ทางไข่ (Trans – ovum Transmission) การป้องกันกำจัด 1 ป้องกันการติดต่อโรคทางไข่ โดยตรวจแม่ผีเสื้อหลังวางไข่แล้ว แม่ผีเสื้อตัวใดที่ เป็นโรคให้ทำลายไข่ของแม่ผีเสื้อนั้น รับไข่ไหมที่ปลอดโรคเพบรินไปเลี้ยง ก่อนและหลังการเลี้ยงไหมฉีดสารเคมีทำลายเชื้อในห้องเลี้ยง และอุปกรณ์ การเลี้ยงไหมทุกชนิดด้วยฟอร์มาลีน 3 %
23
โรคและแมลงศัตรูไหม การตรวจโรคเพบริน (Method of Pebrine Inspection)
การอบและการเก็บแม่ผีเสื้อ การตรวจแม่ผีเสื้อ การตรวจแม่ผีเสื้อทีละตัว วิธีนี้ใช้ตรวจในกรณีที่มีโรคระบาดหรือมีตัวอย่างที่จะตรวจไม่มากนัก การตรวจแม่ผีเสื้อแบบเป็นกลุ่ม วิธีนี้ใช้ตรวจในกรณีที่ไม่ค่อยมีโรคเพบรินระบาดและเพื่อความสะดวกในการตรวจซึ่งมีความสัมพันธ์กับการผลิตไข่ไหม
24
ขั้นตอนการตรวจโรคเพบริน
ตรวจสอบทีละแม่ ผีเสื้อสด บดให้ละเอียด เติม KOH 2% มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงให้ตกตะกอน ตรวจหาสปอร์ใต้กล้องจุลทรรศน์ ผีเสื้ออบแห้ง เติม K2CO3 0.5 % บดให้ละเอียด ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมงให้ตกตะกอน ตรวจหาสปอร์ใต้กล้องจุลทรรศน์
25
ตรวจแบบรวมกลุ่ม ผีเสื้อสด 10-50 ตัว ผีเสื้อแห้ง 10-50 ตัว
เติม K2CO3 0.5% มิลลิลิตร เติม K2CO3 0.5% มิลลิลิตร บดหรือเหวี่ยงด้วยความเร็ว 9,000-10,000 รอบต่อนาที นาน 2 นาที กรองตะกอนด้วยสำลี ตกตะกอนด้วยเครื่องเหวี่ยงความเร็ว 3,000 รอบต่อนาที นาน 3 นาที ละลายตะกอนด้วย KOH 2% 2 มิลลิลิตร ตรวจหาสปอร์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ตรวจแบบรวมกลุ่ม
26
โรคและแมลงศัตรูไหม โรคไส้ขาว ( Cytoplasmic polyhedrosis ) สาเหตุของโรค
เกิดจากเชื้อไวรัส Cytoplasmic Polyhydrosis Virus ( CPV ) ลักษณะอาการ หนอนไหมจะมีการเจริญเติบโตช้าลง ไม่ค่อยกินใบหม่อน สำรอกน้ำย่อย ถ่ายมูลมาก ตัวบวมหดสั้น หลังจากหนอนไหมตาย ซากจะนิ่มและเน่า และเปลี่ยนเป็นสีดำ การติดต่อของโรค ทางปาก หนอนไหมกินเชื้อเข้าไป ทางผิวหนัง เชื้อเข้าทางบาดแผล
27
ห้องเลี้ยงไหมควรมีการถ่ายเทอากาศได้ดี โดยเฉพาะไหมวัย 5
โรคและแมลงศัตรูไหม การป้องกันกำจัด ก่อนและหลังการเลี้ยงไหม ฉีดสารเคมีทำลายเชื้อที่ตกค้างอยู่ในห้องเลี้ยงไหมทุกชนิดด้วยฟอร์มาลีน 3 % ห้องเลี้ยงไหมควรมีการถ่ายเทอากาศได้ดี โดยเฉพาะไหมวัย 5 อุณหภูมิในห้องเลี้ยงไหมไม่ควรเกิน 30 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสและความชื้นไม่สูงกว่า 90 % ให้ใบหม่อนที่มีธาตุอาหารและปริมาณเพียงพอ เพื่อให้ไหมแข็งแรง ระวังไม่ให้ตัวหนอนไหมเป็นแผล เก็บหนอนไหมที่แสดงอาการเป็นโรคออกทิ้งในฟอร์มาลีน 3 % ก่อนที่ผิวหนังจะแตก แพร่กระจายของเชื้อโรค ทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์ในโรงเลี้ยงไหม ไม่ควรเลี้ยงไหมหนาแน่นเกินไป
28
โรคและแมลงศัตรูไหม สรุปแนวทางการป้องกันกำจัดโรค
ใช้สารเคมีโรยบนตัวหนอนไหม เลี้ยงไหมให้แข็งแรง รักษาห้องเลี้ยงไหมให้สะอาด มีการถ่ายเทอากาศได้ดี เตรียมแกลบเผาให้มากๆ เพื่อใช้โรยเมื่อไหมฟักออกมาใหม่ๆ รักษากระด้งเลี้ยงไหมให้แห้ง คัดหนอนที่เป็นโรคทิ้ง
29
โรคและแมลงศัตรูไหม แมลงศัตรูไหม แมลงวันก้นขน (tachinid fly)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tricholyga sorbillans พบอยู่ทั่วไปในเขตร้อน มีการเจริญเติบโตแบบ complete metamorphosis วงจรชีวิต วันจากไข่จนถึงตัวเต็มวัย การเข้าทำลาย แมลงวันลายตัวเมียจะวางไข่บนทุกส่วนของลำตัวหนอนไหม โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อของปล้อง สามารถวางไข่ครั้งละ ฟอง ไข่ฟักเป็นหนอนประมาณ 36 ชั่วโมง จากนั้นจะเจาะเข้าไปในตัวหนอนไหม กัดกินอวัยวะภายใน
30
โรคและแมลงศัตรูไหม มักพบการระบาดทำลายในไหมวัยแก่ ถ้าแมลงวันลายเข้าทำลายหนอนไหมวัย 5 หนอนไหมจะสามารถทำรังและเปลี่ยนเป็นดักแด้ได้ แต่จะตายในที่สุด การป้องกันกำจัด ควรเลี้ยงไหมในมุ้งลวด โรงเลี้ยงไหมควรมีห้องมืดเพื่อดักแมลงวันลาย กำจัดแมลงวันลาย
31
โรคและแมลงศัตรูไหม มด ( Ants )
มดเป็นศัตรูที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งที่ทำความเสียหายแก่หนอนไหม มดจะกัดกินไข่ไหม ทำให้ไข่ไหมไม่สามารถฟักออกเป็นตัว นอกจากนี้มดยังทำลายหนอนไหมทั้งวัยอ่อนและวัยแก่ ทำให้หนอนไหมตายได้ การป้องกันกำจัด ทำร่องน้ำรอบห้องเลี้ยงไหม ใช้ภาชนะหล่อน้ำรองขาชั้นเลี้ยงไหม
32
โรคและแมลงศัตรูไหม จิ้งจก ( Wall lizard)
ในเขตร้อนมักพบจิ้งจกเป็นจำนวนมาก จิ้งจกทำลายหนอนไหมโดยการกัดกินเป็น อาหาร และทำลายมากขึ้นเรื่อยๆถ้าปล่อยทิ้งไว้ การป้องกันกำจัด เลี้ยงไหมในโรงเลี้ยงไหมที่มีมุ้งลวด
33
โรคและแมลงศัตรูไหม หนู ( Rat ) เป็นศัตรูสำคัญของหนอนไหม เพราะ
หนูทำลายไข่ไหม หนอนไหม รังไหม ผีเสื้อไหม โดยกัดกินเป็นอาหาร การป้องกันกำจัด เลี้ยงไหมในโรงเลี้ยงไหมที่มีมุ้งลวด ใช้กับดักหรือใช้แมวจับหนู
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2025 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.