ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
บทที่ 12 มาตรฐานระบบคุณภาพ
2
ความเป็นมา ที่มาสำหรับมาตรฐานระบบการจัดการที่เป็นสากลที่นำมาใช้ในปัจจุบัน มากมายหลายมาตรฐาน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ หรือที่หลายคนทราบคือ ISO 9001 ซึ่งเป็น Version ปี 2000 ซึ่งได้ถูกกำหนดโดยองค์กรที่เรียกว่า International Organization for Standardization และมาตรฐานนี้ได้นำมาใช้ปฏิบัติภายในองค์กรและมีตรวจประเมินเพื่อการรับรองโดยหน่วยงานตรวจรับรองต่างๆ สำหรับมาตรฐานระบบการจัดการด้านคุณภาพ ISO 9001 นี้จะต้องถูกทบทวน โดยคณะกรรมการของ ISO เองอย่างน้อยทุกๆ 5 ปี
3
สาระสำคัญของ ISO9001:2000 ISO หมายถึงอะไร
ISO เป็นตัวย่อขององค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (Internatioanal Organization forStandardization ) ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรที่ประกอบด้วยตัวแทนในแต่ละประเทศ รับผิดชอบในการจัดทำมาตรฐานสากลต่างๆ
4
ISO 9000 คืออะไร ตามความหมายโดยทั่วไปแล้ว คำว่าISO9000 ใช้แทนชื่อเรียกชุดมาตรฐานของISO9000 ซึ่งประกอบด้วยชุด ของมาตรฐานดังนี้ มีมาตรฐาน 3 ประเภทที่ออกมาเมื่อปี 2000 ISO 9000:2000 Quality management system "Fundamentals and vocabulary" ISO 9001:2000 Quality management system "Requirements" ISO 9004:2000 Quality management system "Guidance for performance improvement"
5
ISO 9001 ระบบการจัดการด้านคุณภาพ ISO 9001 ถูกพัฒนาขึ้นเป็นระบบมาตรฐานสากลเพื่อที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการได้จัดตั้งและรักษาระบบการจัดการด้านคุณภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีจุดประสงค์ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยมาตรฐานนี้เกี่ยวกับ การออกแบบ การพัฒนา การผลิต และการให้บริการ ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกประเภทธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม บริษัทจำเป็นต้องมีความตระหนักและเป้าหมายที่ชัดเจนรวมทั้งหลักฐานของ ระบบการจัดการที่มีประสิทธิผล เพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จในการเตรียมตัวตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001 เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าระบบการจัดการด้านคุณภาพถูกนำไปใช้ในองค์กรอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ใบรับรองมาตรฐานนี้ยังสามารถนำมาใช้เป็น countermeasure สำหรับแก้ปัญหาเกี่ยวกับ product liability ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
6
อะไรคือหลักการของมาตรฐาน ISO9001:2000
มาตรฐาน ISO9001:2000 ระบุข้อกำหนดที่จำเป็นในระบบบริหารคุณภาพ โดยมุ่งสร้างความพึงพอใจต่อลูกค้าอย่างเป็นระบบ มากกว่าการมุ่งเน้นทดสอบ ตรวจสอบในผลิตภัณฑ์หรือบริการด้วยการมุ่งส่งเสริมให้มีการนำเอาแนวทางการจัดการโดยมองแบบกระบวนการ ในการบริหารงานด้านคุณภาพขององค์กรโดยรวมๆ ว่ากิจกรรมใดๆ ก็ตามที่มีการรับ สิ่งป้อนเข้า (inputs) แล้วมีการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นผลิตผลของกิจกรรม และส่งออกไปเป็นสิ่งป้อนออก (outputs) แล้วกิจกรรมเช่นกล่าวถึงนี้ อาจเรียกว่าเป็นกระบวนการ (a process) โดยธรรมชาติแล้ว แต่ละองค์การธุรกิจย่อมประกอบขึ้นจากหลายๆ หน่วยงานที่มีกิจกรรมแตกต่างกันโดยดำเนินงานเชื่อมประสานสอดรับกันภายใต้กรอบวัตถุประสงค์เดียวกัน ด้วยกฎเกณฑ์ หรือกติกาในการทำงานอันเดียวกัน ดังนั้น องค์การที่มุ่งสู่การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิผลย่อมต้องระบุชี้แต่ละกิจกรรมหรือกระบวนการย่อยๆ ทั้งหลายในองค์การอย่างชัดเจนและบริหารบรรดากระบวนการต่างๆ เหล่านี้อย่างมีประสิทธิผล เพราะสิ่งป้อนออก (ผลิตผล) จากกระบวนการหนึ่งอาจจะเป็นสิ่งป้อนเข้าให้แก่อีกกระบวนการหนึ่ง (ที่อยู่ถัดไปก็ได้)การระบุชี้กระบวนการและการบริหารกระบวนการทั้งหมดในองค์การอย่างเป็นระบบ รวมถึง การจัดการด้านปฏิสัมพันธ์อันเหมาะสมระหว่าง กระบวนการทั้งหลายภายในองค์การเช่นนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็น “การจัดการด้านคุณภาพโดยการมองแบบกระบวนการ” หรือ Process approach to quality management.
7
ISO 9001:2000 เป็นหลักประกันว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นดีเยี่ยมหรือไม่
8
ข้อกำหนดของ ISO9001:2000 ทั้งหมดมีไว้เพื่ออะไร
เพื่อให้องค์กรมีความสามารถที่จะผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และข้อกำหนดทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้องค์กรบรรลุถึงความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยการประยุกต์ใช้ระบบบริหารคุณภาพอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งรวมถึง การปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง การประกันการทำตามข้อกำหนดของลูกค้าและ ข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทำไมผู้บริหารจึงต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ไม่มีระบบบริหารจัดการใดๆสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องหากขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังจากผู้บริหาร การควบคุมองค์กรการชักนำพนักงานในองค์กร ทรัพยากรที่จำเป็น หากขาดที่ซึ่งการสนับสนุนจากผู้บริหาร ระบบใดๆจะไม่สามาระบรรลุผลสำเร็จได้
9
ประโยชน์ของระบบ ISO9001:2000 ต่อองค์กรของท่าน
1. ช่วยให้นักบริหาร มีมาตรการขั้นตอนปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน และโครงสร้างในทางปฏิบัติ ช่วยป้องกันข้อบกพร่อง และง่ายต่อการตรวจสอบผลงานตามนโยบายหรือแผนงาน ตลอดจนเป็นแนวทางให้ง่ายต่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 2. มีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ระบุนโยบาย วิธีปฏิบัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ทำให้ง่ายต่อกาปฏิบัติงาน ให้สำเร็จตามเป้าหมาย สร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน เป็นรูปแบบที่เป็นรูปธรรม 3. เป็นเครื่องมือตรวจสอบในองค์กร ช่วยป้องกันมิให้นโยบายเป็นอัมพาตเนื่องจากขาดระบบรองรับ 4. มีระบบในการดักจับปัญหา มีระบบในการลดการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพิ่มการป้องกันหรือกำจัดปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อลดการเกิดปัญหาซ้ำซากและมุ่งสู่การปรับปรุงคุณภาพขององค์กร 5. ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการทำงาน ลดความบกพร่อง และจำนวนการผลิตสินค้าหรือบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากข้อกำหนด ความต้องการ ความคาดหวังของลูกค้าจะถูกระบุพร้อมมีกระบวนการในการสร้างความเข้าใจในองค์กร 6. มีระบบในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดจำนวนแรงงาน จากที่มีระบบที่ทำให้บุคลากรทีมีพื้นฐานการศึกษาที่ไม่สูงนักก็ทำงานได้ดีไม่บกพร่อง 7. ขวัญกำลังใจในองค์กรสูงขึ้นเนื่องจากพนักงานทราบว่างานที่ต้องกระทำนั้นทำอย่างไร พนักงานทราบว่าหัวหน้าและ วัตถุประสงค์ของงานคืออะไร
10
ประโยชน์ของระบบ ISO9001:2000 ต่อตัวท่าน
1. ท่านจะได้รับข้อมูล วิธีการ และวัตถุดิบที่จำเป็นในการทำงานเป็นอย่างดี 2. เครื่องจักรและเครื่องมือ เหมาะสมและอยู่ในสภาพที่ดี 3. ท่านจะได้รับทราบวิธีการปฏิบัติการและการอบรมที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของท่าน 4. พื้นที่ทำงานจะได้รับการดูแล เป็นระบบระเบียน 5. หากมีสิ่งใดที่ขัดขวางท่านในการทำงานที่ดีจะมีระบบให้ท่านในการรายงานปัญหาและขอความช่วยเหลือในการกระทำดังกล่าว
11
ท่านมีความจำเป็นต้องใช้บริการจากที่ปรึกษาหรือไม่
ในกรณีที่ท่านไม่มีเวลาที่เพียงพอ หรือท่านไม่มีบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจในระบบบริหารคุณภาพ หรือข้อกำหนด ISO9001:2000 อย่างเพียงพอ การใช้บริการจากที่ปรึกษาเป็นทางออกในการทำให้มั่นใจว่าโครงการจัดทำมาตรฐาน ISO9001:2000 นี้จะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย เอกสารต้องมีมากขนาดไหนในการเข้าสู่ระบบ ISO9001:2000 ในทางปฏิบัติ องค์กรทั่วไปที่คิดจะประยุกต์ใช้มาตรฐาน ISO9001:2000 มักจะเกรงกลัวในเรื่องเอกสารที่ต้องจัดทำ หรือ กระบวนการงานที่ต้องล่าช้า ไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการบริหารธุรกิจ อะไรคือสิ่งที่มาตรฐาน ISO9001:2000 ต้องการ ข้อกำหนดข้อ c & d ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่ต้องจัดทำเป็นเอกสารจะมีเพียงเฉพาะ 4.2.1 c) ระเบียบปฏิบัติ ที่จัดทำเป็นเอกสารตามข้อกำหนดในมาตรฐานฉบับนี้ 4.2.1 d) เอกสารอื่นๆ ที่องค์การจำเป็นต้องมี เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสามารถวางแผน ดำเนินงานและควบคุมกระบวนการได้ อย่างมีประสิทธิผล
12
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการจัดทำเอกสาร
ท่านต้องตระหนักว่ากระบวนการที่จัดทำจำเป็นต้องได้รับการควบคุมและปฏิบัติตามดังนั้น ต้องทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่ ท่านระบุนั้นเป็นสิงจำเป็นและสามารถปฏิบัติตามได้ สิ่งที่ควรระวังระหว่างการจัดทำเอกสารมีดังนี้ 1. ควรกำหนดรายละเอียดการควบคุม เฉพาะเท่าที่จำเป็นและปฏิบัติได้ 2. หากเป็นไปได้ให้พัฒนาจากเอกสารเดิมที่มีอยู่ 3. ใช้ภาษาที่เรียบง่าย ชัดเจน เป็นประโยคสั้นๆที่ไม่คลุมเครือและใช้ภาษาที่เหมาะสมกับผู้ใช้เอกสารที่ซึ่ง อาจเป็นพนักงานระดับล่างในพื้นที่ทำงาน 4. ในแต่ละกระบวนการท่านควรระบุสิ่งนี้ในเอกการของท่าน o วัตถุประสงค์ นโยบาย หรือความคาดหวังจากกระบวนการ o ขั้นตอนการทำงานและมาตรฐานในการทำงานเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ นโยบาย หรือ ความคาดหวังของกระบวนการนั้นๆ o ข้อควรระวัง ข้อห้าม แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
13
8. จัดทำแบบฟอร์มเฉพาะเท่าที่จำเป็น
5. ต้องมั่นใจว่าท่านไม่ทำเอกสารขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อข้อกำหนดมาตรฐาน ISO9001:2000 แต่มีการจัดทำ เอกสารเพื่อทำให้มั่นใจในประสิทธิผลของกระบวนการนั้นๆ และความต้องการความคาดหวังของลูกค้า 6. หากท่านเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ท่านควรดึงให้พนักงานมีส่วนร่วมในการจัดทำเอกสาร flowchart กระบวนการ การทบทวนแบบฟอร์มต่างเพื่อให้เกิดการยอมรับและการมีส่วนร่วม พร้อมทั้งทำให้มั่นใจได้ ว่า ระบบเอกสารที่จัดทำขึ้นมีความเหมาะสมต่อองค์กรของตน 7. หากเป็นไปได้พยายามใช้ภาพประกอบหรือ flowchart งาน เพื่อให้มองเห็นภาพของงาน 8. จัดทำแบบฟอร์มเฉพาะเท่าที่จำเป็น 9. ควรกล่าวถึงหลักปฏิบัติเรื่องใดเรื่องหนึ่งไว้ในที่เดียวกัน จากนั้นให้ใช้วิธีอ้างอิงแทน การกระทำเช่นนี้ สามารถทำให้การแก้ไขกระทำได้โดยง่าย แก้ที่เดียวไม่ต้องตามแก้ในหลายๆที่
14
เราจำเป็นต้องปรับวิธีดำเนินธุรกิจหรือไม่
ไม่จำเป็น มาตรฐาน ISO9001:2000 มิได้ให้วิธีการในการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใดแต่เป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่า การทำงานของท่านนั้นสอดคล้องกับข้อกำหนดของมาตรฐานในทางปฏิบัติท่านอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในการทำงานในบางส่วน ทั้งนี้เพื่อให้กิจกรรมในองค์กรของท่านนั้นสอดคล้องกับมาตรฐานISO9001:2000 นั้นย่อมหมายถึงว่าท่านได้รับโอกาสในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รับรองนี้มีผลใช้ได้ตลอดไปหรือไม่ ใบรับรองจะมีอายุ 3 ปี ในช่วง 3 ปีนี้ทางผู้ตรวจประเมินจะมีการตรวจติดตามตามความถี่ที่ระบุเพื่อทำให้มั่นใจว่าระบบบริหารคุณภาพนี้ยังคงมีการธำรงรักษาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจประเมินเพื่อต่ออายุทุกๆ 3 ปี
15
ISO (อ่านว่า “ไอโซ”) คืออะไร?
องค์กรอิสระแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า (International Organization for Standardization - ISO) ซึ่ง ISOถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 162 ประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่ ISO ตั้งอยู่ที่ นครเจนีวาสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการกำหนดมาตรฐานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้การแลกเปลี่ยน สินค้าและบริการเป็นไปโดยสะดวก และช่วยพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ โดยมาตรฐานที่กำหนดจากองค์กรนี้ถือได้ว่าเป็น มาตรฐานระหว่าง ประเทศ (International Standards)ความจริงแล้วน่าจะเรียกว่า IOS ตามชื่อย่อภาษาอังกฤษขององค์กรนี้ แต่ที่เปลี่ยนเป็น ISO ก็เนื่องมาจาเป็นคำจากภาษากรีก แปลว่า “สมดุล หรือเท่าเทียมกัน” ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ จึงดัดแปลงชื่อขององค์กรให้เป็น ISO เพื่อทำให้เข้าใจได้ง่ายว่า ถ้าได้รับมาตรฐานนี้แล้วจะต้องเป็นมาตรฐานที่เท่าเทียมกันนั่นเอง
16
ทำไมต้องเป็น ISO 9000 ? ISO ไม่ใช่มีเพียง ISO 9000 (เกี่ยวกับระบบคุณภาพ) เพียงอย่างเดียว มีอีกหลายเลข เช่น ISO (เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม) หรือ ISO (เกี่ยวกับความปลอดภัย) เป็นต้น ที่ได้เลข 9000 คงเป็นเพราะความบังเอิญที่ตัวเลขไล่มาเรื่อยๆ มาถึงเลข 9000 ก็เลยเป็นเรื่องของระบบคุณภาพISO 9000 ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ (ค.ศ. 1987) และได้มีการปรับปรุงในปี พ.ศ (ค.ศ. 1994)ต่อมาทุก 5 ปีจะมีการทบทวนมาตรฐาน เพื่อปรับปรุงให้สมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน และทำให้มีประโยชน์มากขึ้น จึงปรับปรุงในปี พ.ศ (ค.ศ. 2000) ซึ่งประกาศใช้ ณ วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ (ค.ศ. 2000)ขณะนี้ ISO ได้ประกาศใช้ ISO 9001:2008 ซึ่งประกาศใช้ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ (ค.ศ. 2008)แนวคิด ISO 9001 เวอร์ชั่นใหม่ 2008 ที่กำลังทบทวนกันสำหรับมาตรฐานการจัดการทางด้านคุณภาพในปัจจุบัน มาตรฐาน ISO 9001เวอร์ชั่น 2008 ได้รับการประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15พฤศจิกายน 2551 ประมาณการว่ามีใบรับรอง ISO 9001 มากกว่า 1 ล้านฉบับทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและบริการใน 170 ประเทศ ทั้งนี้มาตรฐานฉบับใหม่ (ISO 9001:2008, 4th edition) ไม่ได้กำหนดให้ต้องมีการตรวจประเมินระบบการจัดการใหม่ (recertification) เนื่องจากเนื้อหาของข้อกำหนดเป็นเพียงการขยายความในบางข้อให้มีความชัดเจนทั้งในด้านการมุ่งเน้นที่ลูกค้าเพื่อสะท้อนถึงการพัฒนาระบบคุณภาพจากมาตรฐานฉบับเดิมรวมทั้งเป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001:2004 ด้วยสำหรับแนวทางในการประยุกต์ใช้ข้อกำหนดซึ่งปัจจุบันอ้างอิงจากมาตรฐาน ISO 9004:2000 ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงและคาดว่าจะประกาศใช้ในปี 2009 รายละเอียดการปรับเปลี่ยนที่สำคัญบางข้อกำหนดมีดังต่อไปนี้
17
ข้อกำหนด การปรับเปลี่ยน
4.1 มีการระบุที่ชัดเจนถึงกระบวนการที่ มีการจ้างผลิตภายนอก โดยการดำเนินการผลิตหรือบริการในแบรนด์ของบริษัทที่ว่าจ้างเองหรือบริษัทที่นำระบบไปปฏิบัติ 4.2.1 การระบุเอกสารในระบบที่ชัดเจนที่จำเป็นต้องมีอย่างน้อยในระบบบริหารงานคุณภาพ เช่น เอกสารหรือระเบียบปฏิบัติ งานสำหรับการควบคุมเอกสาร, การควบคุมบันทึก, การแก้ไข, การป้องกัน, การควบคุมผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด, และการตรวจติดตามภายใน 4.2.3 ความชัดเจนของ การอ้างอิง ถึงเอกสารภายนอกที่จำเป็นที่ใช้ในระบบบริหารงานคุณภาพ 6.2 การกำหนดความจำเป็นในการดำเนินการให้พนักงานที่ปฏิบัติงานกระทบทางด้านคุณภาพ มีความสามารถในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรม หรือการประเมินปฏิบัติงาน 6.3 การซ่อมบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่รวมถึง อุปกรณ์ทางด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ 6.4 การควบคุมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอื่น เช่น เสียง, อุณหภูมิ และความชื้น
18
7.3.1 กระบวนการออกแบบที่ชัดเจน ของ การทบทวนการออกแบบ การยืนยันและการรับรองการออกแบบที่แยกกิจกรรมกันอย่างชัดเจน 7.5.2 การรับรองกระบวนการผลิตหรือการบริการ ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจสอบ ในกระบวนการขั้นสุดท้ายได้ ดั้งนั้นการที่รวบรวมผลการควบคุมในกระบวนการต่างเพื่อที่จะรับรองว่าผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการนั้นได้รับการผลิตหรือบริการเป็นไปตามมาตรฐาน, ข้อตกลงกับลูกค้า และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอื่นๆ 7.6 การสอบเทียบเครื่องมือวัดที่รวมถึงการสอบเทียบเครื่องมือวัดที่แสดงผลผ่านทางโปรแกรมซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับดัชนีชี้วัดในกระบวนการผลิตหรือบริการที่มีคุณภาพ 8.2.3 การระบุถึงการตรวจวัดและตรวจเช็ค ดัชนีชี้วัดในการควบคุมกระบวนการผลิตและบริการที่มีผลกรระทบทางด้านคุณภาพ 8.2.4 การจัดเก็บรักษาหลักฐานที่แสดงความสอดคล้องในกระบวนการผลิตและบริการที่สอดคล้องกับเกณฑ์ การตรวจเช็คและตรวจวัดต่างๆ
19
ข้อดีของ ISO 9001:2008 ผลบังคับใช้ ISO 9001:2000
1. เพิ่มความชัดเจนจากมาตรฐานฉบับเดิม 2. ประยุกต์ใช้กับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001:2004 ได้ง่าย 3. ยังคงความสอดคล้องกับอนุกรมมาตรฐาน ISO 9000 4. เพิ่มการขยายความในบางข้อกำหนด ผลบังคับใช้ ISO 9001:2000 ภายหลังจากมาตรฐาน ISO 9001:2008 ประกาศ / ตีพิมพ์เป็นระยะเวลา 1 ปี ใบรับรองทั้งหมดที่ออก (ออกใบรับรองครั้งแรกหรือต่ออายุ) จะต้องออกตามมาตรฐาน ISO 9001:2008 ภายหลังจากมาตรฐาน ISO 9001:2008 ประกาศ / ตีพิมพ์เป็นระยะเวลา 2 ปี การรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 ถือเป็นอันสิ้นสุด
20
หาก เปรียบเทียบมาตรฐาน ISO 9001:2008 กับ ISO 9001:2000 จะพบว่าฉบับที่จะประกาศใหม่เป็นแต่เพียงการปรับปรุงเพื่อให้เกิดความชัดเจน (Fine-tuning) เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการปรับยกเครื่องเหมือนที่ผ่านมา กล่าวคือ การปรับแก้ไขรายละเอียดข้อกำหนดใน ISO 9001:2000 เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นโดยนำความคิดเห็น รวมทั้งผล หรือ ประสบการณ์ที่ได้มีการประกาศใช้มาตรฐาน ISO 9001:2000 ไปแล้ว 8 ปีนอกจากนี้จุดประสงค์ของการปรับแก้ก็เพื่อต้องการให้เกิดความสอดคล้อง (Compatibility) กับมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2004 ที่มีการประกาศแก้ไขแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ISO มีความตั้งใจต่อการปรับปรุงมาตรฐาน ISO 9001:2008 ครั้งนี้ว่าไม่ต้องการให้มีการตรวจประเมินใหม่ (Re-assessment audit) กับองค์กรที่ได้รับการรับรองแล้วเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นภาระต่อองค์กรที่ได้รับการรับรอง
21
ขอบคุณค่ะ/ครับ
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2025 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.