ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
4000107 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต
บทที่ 2 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ Computer System
2
Content 1. ความหมายและคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ 2. ประวัติความเป็นมา
1. ความหมายและคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ 2. ประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ ยุคของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพิวเตอร์ 5.1 Hardware Software 5.3 Peopleware Data / Information 5.5 Procedure Data Communication 6. การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ 7. ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 8. การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์
3
องค์ประกอบของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นอาจกล่าวได้ว่าประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีสองสาขาหลักคือ 1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 2. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
4
ความหมายของคอมพิวเตอร์
รากศัพท์เดิมของคำว่า คอมพิวเตอร์ (computer) มาจากภาษาละตินคือ computare ซึ่งหมายถึง การนับ การคำนวน และในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ ได้ให้ความหมายคอมพิวเตอร์ ไว้ว่า คำว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทําหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สําหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
5
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting) คอมพิวเตอร์ประดิษฐ์ขึ้นด้วยอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการจัดเก็บหรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ การประมวลผลของคอมพิวเตอร์จะทำงานแบบอัตโนมัติภายใต้คำสั่งที่ได้ถูกกำหนดไว้ ความเร็ว (Speed) คอมพิวเตอร์จะประมวลผลงานด้วยความเร็วสูง ต่างจากการประมวลผลงานในอดีตที่อาศัยแรงงานมนุษย์ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ช้ากว่ามาก งานๆหนึ่งหากใช้แรงงานคนอาจเสียเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการคิดและประมวลผล แต่หากนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้อาจลดเวลาและให้ผลลัพธ์ได้เพียงไม่กี่นาที
6
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy ) คอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำและมีความผิดพลาดน้อยที่สุด ความน่าเชื่อถือ (Reliability) ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ จะมีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆต่อไปได้ การจัดเก็บข้อมูล (Storage Capability) คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความธรรมดาหลายๆล้านตัวอักษร เพลง ภาพถ่าย วีดีโอ หรือไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่จำนวนมาก
7
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
ทำงานซ้ำๆได้ (Repeatability) คอมพิวเตอร์สามารถทำงานซ้ำๆกันได้หลายรอบ ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจากการทำงานของแรงงานคน นอกจากนั้นยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วย การติดต่อสื่อสาร (Communication) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันเป็นเครือข่ายมากยิ่งขึ้น แต่เดิมอาจจะเป็นแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลธรรมดา แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปมาก เราสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเข้าหากันเป็นเครือข่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายภายในองค์กร หรือระดับเครือข่ายใหญ่ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้การประมวลผลงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และไม่จำกัดยู่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งอีกต่อไป
8
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus) คอมพิวเตอร์มาจากแนวคิดของระบบตัวเลข ซึ่งพัฒนามาเป็นวิธีการคำนวณต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยในการคำนวณ คือ กระดานคำนวณ และลูกคิด
9
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมาเรียกว่า Napier’s Bones เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน
10
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ วิลเลียม ออตเทรต( William Oughtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rule) ซึ่งต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้างคอมพิวเตอร์แบบอนาลอก
11
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ เบลส์ ปาสคาล ( Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่องบวกลบขึ้น โดยใช้หลัการหมุนของฟันเฟือง และการทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุนไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 ออกที่หน้าปัด เครื่องมือของปาสคาล สามารถใช้ได้ดีในการคำนวณการบวกและลบ ส่วนการคูณและหารยังไม่ดีเท่าที่ควร
12
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ กอตฟริต วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ ( Gottfried Wilhelm Leibniz ) ) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน ทำการปรับปรุงเครื่องคำนวณของปาสกาลให้สามารถคูณและหารได้ และยังค้นพบเลขฐานสอง (Binary Number) คือ เลข 0 และเลข 1 ซึ่งเป็นระบบเลขที่เหมาะในการคำนวณ แต่ตัวเครื่องคำนวณยังคงอาศัยการหมุนวงล้อของเครื่อง
13
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ โจเซฟ แมรี่ แจคคาร์ด ( Joseph Marie Jacquard) ชาวฝรั่งเศสพัฒนาเครื่องทอผ้าโดยใช้ บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้ และแบบดังกล่าวสามารถนำมา สร้างซ้ำๆ ได้อีกหลายครั้ง เครื่องทอผ้าเครื่องนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่ทำงานตามโปรแกรมคำสั่งเป็นเครื่องแรก
14
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ.2365 ชารลส์ แบบเบจ ( Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่าเครื่องหาผลต่าง ( Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณและพิมพ์ค่าทางตรีโกณมิติ และฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ และได้พยายามสร้างเครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนเก็บข้อมูล (Store unit), ส่วนควบคุม (Control unit) และส่วนคำนวณ (Arithmetic unit) ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงยกย่องว่าชารลส์ แบบเบจ เป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
15
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
แสดงภาพชารลส์ แบบเบจ และ เครื่องหาผลต่าง
16
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady Ada Augusta Lovelace ได้ทำการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Analytical Engine และได้เขียนขั้นตอนของคำสั่งวิธีใช้เครื่องนี้ให้ทำการคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อน จึงนับได้ว่า ออกุสต้า เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรูที่บรรจุชุดคำสั่งไว้สามารถนำกลับมาทำงานซ้ำใหม่ นั่นคือหลักการทำงานวนซ้ำ หรือที่เรียกว่า Loop
17
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้สร้างระบบพีชคณิตแบบใหม่ เรียกว่า พีชคณิตบูลลีน (Boolean Algebra) ซึ่งมีประโยชน์มากต่อการออกแบบวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบทางตรรกวิทยาของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันด้วย
18
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ (Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่อง ABC ( Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
19
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ ศาสตราจารย์ Howard Aiken จาก Harvard University ได้พัฒนาเครื่องคำนวณตามแนวคิดของแบบเบจ ร่วมกับวิศวกรของบริษัท ไอบีเอ็มได้สำเร็จ โดยเครื่องจะทำงานแบบเครื่องจักรกลปนไฟฟ้าและใช้บัตรเจาะรู เครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK I หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนับเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก
20
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ต้องการเครื่องคำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชม.ต่อการยิง 1 ครั้ง ดังนั้น จึงให้ทุนอุดหนุนแก่ ดร.จอห์น ดับบลิว มอชลี่ (John W. MauchlyX และ จอห์น เพรสเปอร์ เอ็คเคิร์ท (John Persper Eckert) แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สร้างคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา มีชื่อว่า ENIAC (Electronic Numerical Intergrater and Calculator) สำเร็จในปี 2489 โดยนำหลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้เครื่องมีความเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำในการคำนวณมากขึ้น
21
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
เครื่อง ENIAC
22
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
พ.ศ Dr. John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำของเครื่องได้สำเร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวคิดนี้ได้แก่ EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) ในเวลาเดียวกันมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์ ก็ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ในลักษณะคล้ายกับเครื่อง EDVAC นี้ และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Storage Automatic Calculator) แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปคือ ใช้เทปแม่เหล็กในการบันทึกข้อมูล ต่อมาศาสตราจารย์แอคเคิทและมอชลี ได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์อีก ชื่อว่า UNIVAC I (Universal Automatic Calculator) ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อขายหรือเช่า เป็นเครื่องแรกที่ออกสู่ตลาด
23
วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์
จากประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์จะเห็นได้ว่าพัฒนาการของคอมพิวเตอร์ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราสามารถแบ่งคอมพิวเตอร์เป็นยุคต่างๆตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
24
ยุคของเครื่องคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ยุคที่หนึ่ง (พ.ศ ) หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง (พ.ศ ) ทรานซิสเตอร์ (Transistor) คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม (พ.ศ ) มีการพัฒนาวงจรไอซี (IC : Integrated Circuit) คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ (พ.ศ ) จากไอซี ได้มีการพัฒนาเป็น VLSI (Very Large Scale integration) คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า (พ.ศ ปัจจุบัน) พัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถทัดเทียมมนุษย์
25
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Computer)
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ UNIVAC, ENIAC, MARK I ลักษณะเฉพาะของคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 ใช้หลอดสุญญากาศ (Vacuum tube) เป็นอุปกรณ์หลักในการประมวลผล ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ใช้กำลังไฟฟ้าสูง เกิดความร้อนสูง การป้อนข้อมูลและชุดคำสั่งให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์อาศัยบัตรเจาะรู แต่ระยะหลังใช้แถบแม่เหล็ก ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine Language)
26
Mark I เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ของไอบีเอ็ม
27
ENIAC เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก
28
EDVAC กับสถาปัตยกรรมฟอนนอยมานน์
29
UNIVAC เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับใช้ในงานธุรกิจเครื่องแรกของโลก
30
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second Generation Computer)
ใช้อุปกรณ์ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซึ่งสร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-conductor) แทนหลอดสุญญากาศ ใช้พลังงานไฟฟ้าและเกิดความร้อนน้อยลง ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มมากขึ้น มีการใช้ความจำแบบแถบแม่เหล็ก (Magnetic tape) และแบบจานแม่เหล็ก (Magnetic disk) ในการเก็บบันทึกข้อมูล ภาษาที่ใช้ในการกำหนดข้อมูลและคำสั่งในการทำงาน ได้แก่ภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language)
31
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third Generation Computer)
ใช้วงจรรวม ( Integrated Circuit: IC) และวงจรสเกลขนาดใหญ่ ( Large Scale Integration :LSI ) เรียกว่าไอซี เป็นอุปกรณ์หลักในการทำงาน ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ใช้พลังงานไฟฟ้าและเกิดความร้อนน้อย มีความสามารถและความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น ใช้ความจำแบบแถบแม่เหล็ก (Magnetic tape) และแบบจานแม่เหล็ก (Magnetic disk) ภาษาที่ใช้กำหนดข้อมูลและโปรแกรม ได้แก่ ภาษาระดับสูง (High Level Language) เครื่องรุ่นนี้ ได้แก่ IBM 360
32
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Fourth Generation Computer)
ใช้อุปกรณ์วงจรรวมตัวใหม่ จากเทคโนโลยีการย่อรวมวงจรสเกลขนาดใหญ่มากขึ้น (Very Large Scale Integration : VLSI) เรียกว่า วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก ทำให้การประมวลผลต่อคำสั่งเร็วขึ้น บริษัท Intel ได้ใช้เทคโนโลยี VLSI สร้างอุปกรณ์ประมวลผล (Processor) เรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) รุ่น 4004 ขึ้นใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนาให้ใช้งานง่ายมากขึ้น มีการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง มี LAN, WAN Internet
33
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth Generation Computer) เน้นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีความสามารถทัดเทียมมนุษย์ และให้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขึ้นใช้งาน การพัฒนาคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เน้นการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆได้ด้วยเหตุผล และช่วยให้มนุษย์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เช่น พัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)
34
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) จัดเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เทียบได้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปเป็นพันๆ เครื่อง ความสามารถในการประมวลผลทำได้ถึงพันล้านคำสั่งต่อวินาที ใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่มีจํานวนมาก และต้องการประมวลผลที่เร็วมาก เช่น ใช้ในการพยากรณ์อากาศ การทดสอบทางอวกาศ ผู้ใช้สามารถเข้ามาใช้ข้อมูลหรือประมวลผลพร้อมกันผ่าน Terminal ได้เป็นพันๆเครื่อง มีราคาสูงมาก หน่วยงานที่มีการใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ได้แก่ องค์การนาซา (NASA)และหน่วยงานธุรกิจขนาดใหญ่มาก เป็นต้น
35
ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ Cray
36
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
2. คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก นิยมใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้จำนวนมากในเวลาเดียวกัน (Multiple Uses) เช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียนของนักศึกษา บริษัทประกัน เป็นต้น
37
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เมนเฟรม
38
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) หรือ คอมพิวเตอร์ขนาดกลาง หรือเรียกว่า Mid – range Computer/Server เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานในด้านความเร็ว และความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลน้อยกว่าเมนเฟรม แต่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) และสามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงานที่แตกต่างกัน ธุรกิจขนาดกลางและองค์กรหลายประเภท รวมทั้งสถาบันการศึกษานิยมนำมินิคอมพิวเตอร์มาใช้ในการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า เช่น การจองห้องพักโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น
39
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
มินิคอมพิวเตอร์
40
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กราคาถูก เหมาะในการใช้งานส่วนตัว ใช้ในสํานักงาน หรือองค์การขนาดเล็ก หรือตามบ้านพักทั่วไป เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Personal Computer หรือ PC (พีซี) นั่นเอง Microcomputer รุ่นแรกคือ IBM-PC โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดยลอกเลียนสถาปัตยกรรมของ IBM เรียกว่า IBM-Compatibles ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัท Macintosh คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Apple Computer
41
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
42
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
5. คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา หรือคอมพิวเตอร์ขนาดมือถือ (Handheld Computer หรือ Personal Digital Assistants:PDA) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขนาดเล็กที่สามารถวางอยู่บนมือข้างเดียวได้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถจัดการข้อมูลส่วนบุคคล จดบันทึก ปฏิทินนัดหมาย ตลอดจนการใช้งานอินเตอร์เนต ส่วนใหญ่มักจะติดตั้งโปรแกรมสําเร็จรูป เช่น โปรแกรมตารางนัดหมาย และ โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มาพร้อมในตัว
43
องค์ประกอบในกระบวนการทำงาน
ของระบบคอมพิวเตอร์ ฮารดแวร (Hardware) ซอฟตแวร (Software) บุคลากร (Peopleware) ขอมูลและสารสนเทศ (Data and Information) กระบวนการทํางาน (Procedure) การสื่อสารขอมูล (Data Communication)
44
องค์ประกอบในกระบวนการทำงาน
ของระบบคอมพิวเตอร์ 1. ฮารดแวร (Hardware) ฮารดแวร หมายถึง อุปกรณตางๆที่ทํางานประสานงานกันเพื่อใหเกิดการประมวลผล การจัดเก็บ และการเผยแพรขอมูลและสารสนเทศ ซึ่งหมายรวมถึงตัวคอมพิวเตอรและอุปกรณรอบขาง เป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ โดยมีทั้งที่ติดตั้งอยู่ภายในและภายนอกตัวเครื่อง 2. ซอฟตแวร (Software) ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานให้ได้ตามผลลัพธ์ที่ต้องการ ซอฟตแวรของระบบคอมพิวเตอรแบงออกเปน 2 ชนิด คือ ซอฟตแวรระบบ (System Software) และ ซอฟตแวรประยุกต (Application Software)
45
องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
3. บุคลากร (People) หมายถึงบุคคลที่เกี่ยวของกับระบบคอมพิวเตอรทั้งในสวนที่เปนฮารดแวร ซอฟตแวร และสารสนเทศ ซึ่งบุคคลเหลานี้เปนออกเปน 2 กลุมใหญ 1) ผูใชระบบคอมพิวเตอรเพื่อปฏิบัติงาน (End Users) 2) ผูเชี่ยวชาญ (Professional) หมายรวมถึง โปรแกรมเมอร (Programmers) นักวิเคราะหและออกแบบระบบ ผูดูแลและจัดการระบบฐานขอมูล ผูดูแลและจัดการระบบเครือขายคอมพิวเตอร ผูควบคุมระบบคอมพิวเตอร ผูปอนขอมูลเขาสูระบบคอมพิวเตอร และ นักโทรคมนาคม
46
องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
4. ขอมูลและสารสนเทศ (Data and Information) ในการทำงานต่างๆจะต้องมีข้อมูล(data)เกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานก็จะถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศ (Information) ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ การทำงานของคอมพิวเตอร์จะเกี่ยวข้องกับข้อมูลตั้งแต่การนำเข้าข้อมูลผ่านการประมวลผลจนกลายเป็นสารสนเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะเป็นได้ทั้งตัวเลข ตัวอักษร และข้อมูลในรูปแบบอื่นๆ เช่น ภาพ เสียง เป็นต้น โดยความแตกต่างระหว่างข้อมูล และสารสนเทศ คือ ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ หมายถึง สิ่งที่ได้จากการนำข้อมูลไปผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน
47
องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
5. กระบวนการทํางาน (Procedure) กระบวนการทำงานหรือโพรซีเยอร์ หมายถึง กระบวนการหลักสําหรับการดําเนินงานเพื่อใหระบบคอมพิวเตอรทํางานตามความตองการของผูใช 6. การสื่อสารขอมูล (Data Communication) เปนอุปกรณที่ใชในการสงขอมูลสารสนเทศที่อยูในรูปดิจิตัล (Digital) ระหวางผูใชจากแหลงหนึ่งไปยังอีกแหลงหนึ่ง โดยมีอุปกรณประเภทตางๆ ทํางานรวมกันเพื่อใหสื่อสารกันได ตัวอยางของอุปกรณพื้นฐานที่ใชในการสื่อสารขอมูลเชน โมเด็ม(Modem) มัลติเพล็กเซอร (Multiplexer) และเราทเตอร (Router)
48
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
การศึกษา มีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เช่น การค้นหาข้อมูลข่าวสารความรู้ประกอบการเรียนการสอนจากอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ครู อาจารย์ยังใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) งานธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำและติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ก็ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งทำให้การผลิตมีคุณภาพดีขึ้น
49
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
3. งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนำคอมพิวเตอร์ มาใช้ในส่วนของการคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของโลก การส่งจรวดไปสู่อวกาศ 4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ ในการออกแบบ หรือจำลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคำนวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ ผลการทำงาน 5. งานราชการ มีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ กรมสรรพากร ใช้ในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น
50
ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ฮารดแวร หมายถึง อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ โดยมีทั้งที่ติดตั้งอยู่ภายในและภายนอกตัวเครื่อง บางครั้งนิยมเรียกว่า device ซึ่งจะทำงานประสานกันตั้งแต่การป้อนข้อมูลเข้า (input) การประมวลผล (process) และการแสดงผลลัพธ์ (output) แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้ อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device) อุปกรณ์ประมวลผล (Process Device) หนวยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device) อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
51
ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
แสดงส่วนประกอบของฮาร์ดแวร์
52
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการนำข้อมูลหรือชุดคำสั่งเข้ามายังระบบเพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล อุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่นิยมใช้กันทั่วไปมีดังนี้ แปนพิมพ (Keyboard) เปนอุปกรณหลักในการรับขอมูลเขาเครื่องคอมพิวเตอร
53
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
เมาส (Mouse) เปนอุปกรณที่ใชในการสั่งงานโดยการคลิกที่ปุมของ เมาส ซึ่งใชสั่งงานกับระบบปฏิบัติการและโปรแกรมที่มีรูปแบบการทํางานเป็นแบบ กราฟก Mouse Optical Mouse Wireless Mouse
54
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
Mechanical Mouse แบบลูกกลิ้ง มีลูกบอลอยู่ใต้เมาส์
55
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
Optical Mouse ใช้แสงในการค้นหาตำแหน่ง try google search
56
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
Cordless Mouse เมาส์ไร้สาย
57
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
Trackball (Upside down Mouse) เหมือนเมาส์ลูกกลิ้งที่หงายขึ้น ผู้ใช้จะใช้นิ้วหมุนลูกกลิ้งโดยตรงเพื่อเลื่อนตัวชี้บนจอภาพ
58
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
Touch Screen
59
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
เครื่องสแกนภาพ (Scanner) เปนอุปกรณสําหรับอานภาพถายหรือเอกสารเพื่อนําเขามาใชในเครื่องคอมพิวเตอร โดยจะทําการอานภาพ หรือเอกสารที่อยูในรูปของแผนกระดาษ และทําการบันทึกแฟมภาพ ประเภทตางๆ เชน GIF JPG เปนตน
60
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
โอซีอาร์ (OCR : Optical Character Reader) เป็นอุปกรณ์นำเข้าข้อมูล โดยใช้วิธีการอ่านข้อมูลด้วยลำแสงในลักษณะพาดขวางบนเอกสารที่มีข้อมูลอยู่ แล้วแปลงรหัสเป็นสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โอซีอาร์ที่เราสามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Barcode reader)
61
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
โอเอ็มอาร์ (OMR : Optical Mark Reader) อุปกรณ์นำเข้าที่ทำงานโดยการอ่านข้อมูลจากการทำเครื่องหมายด้วยดินสอและปากกาลงบนกระดาษคำตอบ (Answer sheet) ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ
62
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
เครื่องอ่านพิกัด (Digitizer) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูล มีลักษณะเป็นแผ่นกระดานสี่เหลี่ยม มีสายไฟฟ้าและอุปกรณ์คล้ายแว่นขยายที่มีเครื่องหมายกากบาทตรงกลาง พร้อมกับปุ่มสำหรับกด โดยปกติมักใช้ในการอ่านจุดพิกัดของแผนที่ หรือตำแหน่งของภาพกราฟิกต่างๆ
63
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
ปากกาแสง (Light Pen) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการกำหนดตำแหน่งบนจอภาพรวมถึงการป้อนข้อมูลเข้าแทนแป้นพิมพ์ เอามาใช้เขียนหรือวาดตำแหน่งบนจอภาพคอมพิวเตอร์ประเภทที่ใช้หลอดภาพหรือ CRT เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับงานวาดภาพ
64
1. อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)
จอยสติก (Joy Sticks) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมทิศทางของวัตถุบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะใช้ในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ มีทั้งที่เป็นแบบแบน แบบคันโยก หรือ แบบพวงมาลัย อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง (Voice Input Devices) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลในรูปแบบเสียงโดยจะทำการแปลงสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณดิจิทัลแล้วจึงส่งไปยังคอมพิวเตอร์
65
2. อุปกรณ์ประมวลผล (Process Device)
หนวยประมวลผลกลางหรือซีพียู (CPU) เปนอุปกรณที่ใชในการประมวลผลขอมูลและคําสั่งตางๆ ไมวา จะเปนการคํานวณ การยายขอมูล การตัดสินใจ ซีพียูสวนใหญจะมีลักษณะเปนสี่เหลี่ยมแบน หรือที่เรียกวา ชิป (Chip) มีขนาดตางๆ กัน
66
2. อุปกรณ์ประมวลผล (Process Device)
หนวยความจําหลัก (Main Memory) เปนอุปกรณที่ใชในการเก็บขอมูลและคําสั่งเพื่อใชในการประมวลผล โดยจะทํางานรวมกับหนวยประมวลผล นิยมเรียกวาแรม (RAM) ลักษณะของแรมจะเปนแผงวงจรขนาดยาวพอประมาณ และภายในแผงวงจรจะประกอบดวยชิปจํานวนหลายตัว
67
2. อุปกรณ์ประมวลผล (Process Device)
แผงวงจรหลัก (Mainboard) เปนแผงควบคุมการทํางานของอุปกรณอื่นที่นํามาประกอบกันอยูในแผงวงจรหลักนี้ ภายในแผงวงจรหลักจะประกอบดวย ชองสําหรับใสซีพียู ชองสําหรับใสหนวยความจําหลัก ชองสําหรับใสแผนวงจรเพิ่มเติม เรียกวา สล็อต (Slot) และประกอบดวยอุปกรณอิเล็กทรอนิกเล็กๆ เรียกวา ชิปเซ็ต(Chipset) ที่ทําหนาที่ประสานงานระหวางอุปกรณตางๆ
68
2. อุปกรณ์ประมวลผล (Process Device)
ชิปเซต (Chip set) เป็นชิปจำนวนหนึ่งหรือหลายตัวที่บรรจุวงจรสำคัญๆ ที่ช่วยการทำงานของซีพียู ทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานและควบคุมการทำงานของหน่วยความจำ รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงท้งแบบภายในหรือภายนอกทุกชนิดตามคำสั่งของซีพียู
69
3. หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)
หนวยความจํารองทําหนาที่ในการจัดเก็บขอมูลหรือคําสั่งไดเหมือนกับหนวยความจําหลักแมไมมีกระแสไฟฟามาเลี้ยง ขอแตกตางระหวาง หนวยความจํารองและหนวยความจําหลักคือ หนวยความจํารองสามารถจัดเก็บขอมูลหรือคําสั่งได แมปดเครื่องคอมพิวเตอร โดยทั่วไปหนวยความจํารองจะมีขนาดความจุที่มากกวาหนวยความจําหลักในราคาที่ใกลเคียงกัน
70
3. หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)
จานแมเหล็กชนิดแข็งสําหรับบันทึกขอมูล (Hard Disk) เปนอุปกรณสําหรับบันทึกขอมูล โปรแกรม ผลลัพธ โดยจะจัดเก็บอยูในรูปของแฟม ขอมูล เพื่อนําไวใชงานในครั้งถัดไปลักษณะของจานแมเหล็กชนิดนี้จะมีลักษณะเปนกลองสี่เหลี่ยม ซึ่งภายในจะประกอบไปดวยจานแมเหล็กตั้งแต 1 จานขึ้นไป
71
3. หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)
ฟลอปปีดิสก์ ( floppy disks) นิยมเรียกโดยทั่วไปว่า ดิสก์เกตต์ ( diskettes) หรือดิสก์ ( disks) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองที่สามารถพกพาและเคลื่อนย้ายได้ปัจจุบันนิยมใช้ขนาด 3.5 นิ้ว แต่เดิมฟลอปปีดิสก์เรียกว่า ฟลอปปี ( floppies) เพราะดิสก์มีลักษณะที่บางและยืดหยุ่น แต่ปัจจุบันลักษณะของดิสก์ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เป็นดิสก์ที่หุ้มด้วยแผ่นพลาสติกแข็ง แต่เนื้อดิสก์ภายในยังคงอ่อนเหมือนเดิม จึงเรียกฟลอปปีเช่นเดิม
72
3. หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)
คอมแพคดิสก์ (compact disk หรือ CD) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ลักษณะหนึ่งที่สำคัญของ CD คือจะถูกอ่านด้วยเครื่องอ่าน CD (CD - Rom drive) ที่มีความเร็วที่แตกต่างกันออกไป ความเร็วในการอ่านซีดี จะเขียนอยู่ในรูปของตัวคูณ (x) เช่น เครื่องอ่านซีดี ขนาด 24x , 32x, 52x เป็นต้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ CD - Rom (compact disk read - only memory) มีลักษณะคล้ายกับซีดีเพลง หรือ ซีดีที่ขายกันอยู่ทั่วไป คำว่า read – only หมายถึง อ่านได้เพียงอย่างเดียว ผู้ใช้ไม่สามารถแก้ไขหรือลบข้อมูลในแผ่นซีดีได้ CD - R (compact disk recorable ) เป็น ซีดีที่สามารถเขียน บันทึก หรือ write ข้อมูลได้ครั้งเดียว และสามารถอ่านข้อมูลได้หลายครั้งแต่ไม่สามารถลบข้อมูลที่อยู่ในCD-Rได้ CD - RW (compact disk rewriteable หรือ erasable optical disk) ซีดีประเภทนี้คล้ายกับ CD - R ต่างกันที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ คือ สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้หลายครั้ง
73
3. หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)
ดีวีดี (DVD; Digital Versatile Disc) เป็นแผ่นข้อมูลแบบบันทึกด้วยแสง (optical disc) ที่ใช้บันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โดยให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ดี ดีวีดีถูกพัฒนามาใช้แทนซีดีรอม โดยใช้แผ่นที่มีขนาดเดียวกัน (เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร) แต่ว่าใช้การบันทึกข้อมูลที่แตกต่างกัน และความละเอียดในการบันทึกที่หนาแน่นกว่า
74
3. หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device)
หน่วยความจำแบบเฟลช (Flash memory) เป็นหน่วยความจำประเภทรอมที่เรียกว่า อีอีพร็อม (Electrically Erasable Programnable Read Only Memory :EEPROM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำข้อดีของรอม และแรม มารวมกัน ทำให้หน่วยความจำชนิดนี้สามารถเก็บข้อมูล ได้เหมือนฮาร์ดดิสก์ คือ สามารถเขียนและลบข้อมูลได้ตามต้องการ หน่วยความจำชนิดนี้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก
75
4. อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
ทําหนาที่ตรงขามกับสวนรับขอมูล กลาวคือสงขอมูลที่เปนสัญญาณดิจิตอลจากคอมพิวเตอรที่ประมวลผลแลว ไปแสดงผลใหผูใชเปน ตัวอักษร ภาพ หรือ เสียง อุปกรณฮารดแวรที่เปนหนวยแสดงผล เชนจอภาพ (Monitor) เครื่องพิมพ (Printer) ลําโพง (Speaker) เปนตน
76
4. อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
จอภาพ (Monitor) เปนสวนประกอบที่ใชแสดงผลลัพธและเปนสวนที่ผูใชใชในการมองเห็นเพื่อใหสามารถติดตอสั่งงานกับเครื่องคอมพิวเตอรได ปจจุบันนี้จอภาพที่นิยมใชจะมีอยู 2 ประเภทคือ จอภาพชนิดหลอดภาพรังสี CRT (Cathod Ray Tube) และจอภาพแบบที่ใชหลอดภาพแอลซีดี (LCD Monitor)
77
4. อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
อุปกรณควบคุมการแสดงผล (Display Controller Card) เปนอุปกรณที่ใชควบคุมการแสดงผลลัพธออกทางจอภาพ นิยมเรียกวา VGA Card มีลักษณะเปนแผนวงจรที่ตองใสลงในแผงจงจรหลัก คลายกับอุปกรณกําเนิดเสียงแตดานหลังจะมีชองสําหรับตอพวงกับจอภาพ ซึ่งแผงวงจรหลักบางรุนจะมีอุปกรณชนิดนี้ใหอยูแลวเรียกวา VGA On Board จึงไมตองซื้อมาใสเพิ่มเติม
78
4. อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
เครื่องพิมพ (Printer) เปนอุปกรณที่ใชสําหรับพิมพขอมูลหรือผลลัพธออกทางแผนกระดาษ ซึ่งมีอยู 3 ประเภทใหญๆ ไดแก เลเซอร(Laser) อิงคเจ็ท(Inkjet) และหัวเข็ม(Dot-Matrix)
79
4. อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
พล็อตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงานเหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
80
4. อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)
ลําโพง (Speaker) เปนอุปกรณสําหรับแสดงผลลัพธในรูปของเสียง ซึ่งจะใชเชื่อมตอกับอุปกรณกําเนิดเสียงหรือ Sound Card อุปกรณกําเนิดเสียง (Sound Card) เปนอุปกรณที่ใชแสดงผลลัพธในรูปของเสียงหรือเรียกวา Sound Card มีลักษณะเปนแผนวงจรสําหรับใสลงในแผงวงจรหลัก ดานหลังแผนวงจรจะมีชองสําหรับเสียบลําโพงหรือหูฟง ซึ่งในแผงวงจรหลักบางรุนจะมีอุปกรณชนิดนี้ใหแลวเรียกวา Sound Card Onboard
81
อุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
เครื่องอานแผนดิสก (Floppy Drive) เครื่องอานหรือบันทึกขอมูลลงแผนซีดีหรือดีวีดี (CD/DVD Drive) CD-ROM สามารถอานแผนซีดีไดอยางเดียว CD-Writer สามารถอานและบันทึกขอมูลไดเฉพาะแผนซีดี DVD-ROM สามารถอานแผนซีดีและแผนดีวีดีได CD Combo สามารถอานและบันทึกขอมูลลงบนแผนซีดีได และสามารถอานแผน DVD ไดดวย DVD-Writer สามารถอานและเขียนไดทั้งแผนซีดีและแผนดีวีดี
82
อุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหลงจายไฟ (Power Supply) เปนอุปกรณที่ใชจายกระแสไฟฟาไปเลี้ยงแผงวงจรหลักและอุปกรณตอพวงอื่น จะทําหนาที่แปลงไฟฟากระแสสลับ(AC) เปนไฟฟากระแสตรง(DC) ตามความตองการของการใชงานของคอมพิวเตอร
83
อุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
อุปกรณสื่อสารขอมูลชนิดตอพวงภายใน (Internal Communication Device) เปนอุปกรณสําหรับสื่อสารขอมูลระหวางเครื่องคอมพิวเตอรสําหรับตอพวงภายใน อันไดแก โมเด็มการดเน็ตเวิรก หรืออุปกรณสื่อสารแบบไรสายแบบติดอยูกับแผงวงจรหลัก ซึ่งอุปกรณชนิดนี้จะมีลักษณะเปนแผนวงจรที่ใสลงในแผงวงจรหลัก แตดานหลังจะมีชองสําหรับเสียบสายสื่อสารประเภทตาง ๆ ในแผงวงจรหลักบางรุนจะมีอุปกรณชนิดนี้ใหอยูแลว ซึ่งจะมีชองเสียบสายสื่อสารอยูดานหลังของแผงวงจรหลัก
84
อุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
อุปกรณสื่อสารขอมูลสําหรับตอเชื่อมภายนอก (External Communication Device) เปนอุปกรณสําหรับสื่อสารขอมูลระหวางเครื่องคอมพิวเตอรสําหรับตอพวงภายนอกเชน โมเด็ม(Modem) , การดเครือขายแบบไรสาย(Wireless Card), ฮับหรือสวิทช เปนตน
85
อุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ตัวเครื่อง (Case) เปนกลองสี่เหลี่ยมที่ภายนอกจะมองเห็นเพียงแคชองสําหรับใสอุปกรณบางอยางเทานั้น สวนภายในจะประกอบดวยชองสําหรับใสแผงวงจรหลัก ชองสําหรับใสแผนวงจรอื่น ซึ่งตัวเครื่องอาจจะจัดวางอยูในแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได เครื่องสํารองไฟฟา (UPS) เปนอุปกรณที่ใชตอพวงระหวางคอมพิวเตอรกับปลั๊ก ไฟฟา เพื่อเปนตัวจ่ายไฟฉุกเฉินในกรณีที่ไฟฟาเกิดดับกระทันหัน ทําใหมีเวลาสําหรับบันทึกขอมูลและปดเครื่องไดทันโดยไมเกิดความเสียหายกับอุปกรณและขอมูล
86
การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์
ควรคำนึงถึง : 1. ความจำเป็นใช้งาน ? งานที่ทำจำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่ ? เนื่องจากคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์และล้าสมัยเร็ว หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็นก็ควรซื้อ แต่ต้องเลือกซื้อเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงาน 2. ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานอะไร? ซึ่งต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เช่น นำมาใช้ในงานสำนักงาน นำมาใช้เพื่อความบันเทิง เป็นต้น 3. มีงบประมาณเท่าไร ? ที่จะสามารถจัดซื้อคอมพิวเตอร์ได้ตรงกับความต้องการและการใช้งานก็จะเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
87
ตัวอย่างการดูรายละเอียดเพื่อเลือกซื้อคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างที่ 1
88
ตัวอย่างที่ 2
89
Question? ๐ๆคำถามAQ๐
90
Assignment หากนักศึกษาต้องการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จะเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับงานที่ตนเองใช้ ให้นักศึกษาแต่ละคนไปหา Spec ของเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) หรือ Notebook 1 เครื่อง บอกคุณสมบัติของ Spec เหล่านั้น CPU Hard disk RAM CD-ROM Drive Monitor Sound Card
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.