ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยNorachai Noppachorn ได้เปลี่ยน 10 ปีที่แล้ว
1
แนวทางการรณรงค์ให้วัคซีน dT ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค
2
1. กำหนดการรณรงค์ เป้าหมายโครงการ และประชากรกลุ่มเป้าหมาย
กำหนดช่วงเวลาการรณรงค์ วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2558 โดย 2 เดือนแรกเป็นช่วงที่มีการรณรงค์แบบเข้มข้นในเชิงรุก และ 2 เดือนหลังเป็นช่วงเก็บตก
3
1. กำหนดการรณรงค์ เป้าหมายโครงการ และประชากรกลุ่มเป้าหมาย
เป้าหมายของโครงการ Coverage > 85 % (ในระดับตำบล) ในประชากรอายุ 20 ถึง 50 ปี (ผู้ที่เกิดระหว่างมกราคม 2508 ถึง ธันวาคม 2538) วิธีการคำนวณ ตัวตั้ง ใช้จำนวนประชาชนที่ได้รับวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายที่ ระบุไว้ตามทะเบียนสำรวจ (โดยไม่ต้องถามประวัติการได้รับ วัคซีน) ตัวหารตามทะเบียนสำรวจ ไม่นับรวมหญิงตั้งครรภ์
4
1. กำหนดการรณรงค์ เป้าหมายโครงการ และประชากรกลุ่มเป้าหมาย
ได้ข้อมูลสำคัญเพื่อเป็นบทเรียนในการนำไป ต่อยอดสำหรับขยายการให้วัคซีนอื่นๆ ในอนาคต เช่น การยอมรับวัคซีน การบริหาร จัดการวัคซีน การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มหรือลดความครอบคลุม เป็นต้น
5
1. กำหนดการรณรงค์ เป้าหมายโครงการ และประชากรกลุ่มเป้าหมาย
ประชากรเป้าหมาย ประชากรที่มีอายุ ๒๐ ถึง ๕๐ ปี ที่มารับบริการ ในจังหวัดภาคเหนือ กลาง และภาคใต้ (ผู้ที่เกิดระหว่างมกราคม ๒๕๐๘ ถึง ธันวาคม ๒๕๓๘) ทั้งบุคคลชาวไทยและชาวต่างชาติ และเพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโรคคอตีบในชุมชน ให้ครอบคลุมมากที่สุด ขอให้เจ้าหน้าที่ ฉีดวัคซีน dT แก่กลุ่มเป้าหมายทุกคน คนละ 1 ครั้ง
6
2. บทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กรมควบคุมโรค สปสช. สสจ. สคร. เขตบริการสุขภาพ รพ./สสอ. รพสต. ชุมชน ชุมชน ชุมชน ชุมชน ชุมชน
7
การดำเนินงาน ก่อนการรณรงค์ ช่วงที่มีการรณรงค์ หลังการรณรงค์
การสำรวจประชากรเป้าหมาย การจัดทำแผนปฏิบัติงานและ กลไกการติดตามการดำเนินงาน สถานที่ให้บริการวัคซีน การจัดเตรียมวัคซีน/อุปกรณ์ ต่างๆ และระบบลูกโซ่ความเย็น การระดมความร่วมมือ อาสาสมัคร การอบรมอาสาสมัคร การประชาสัมพันธ์ จัดเตรียมอุปกรณ์ให้เพียงพอ/ พร้อมใช้งาน กำหนดผังจุดบริการ กิจกรรม -การให้สุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ -ชี้แจงประชาชนให้ทราบถึงประโยชน์ -อาการข้างเคียงจากวัคซีน/แนวทาง การดูแล แจกเอกสารแผ่นพับ การให้วัคซีน บันทึกการให้วัคซีนในแบบฟอร์ม การสังเกตอาการภายหลังได้รับวัคซีน After Action Review การรายงานผลการปฏิบัติงาน การติดตามให้วัคซีนแก่กลุ่ม เป้าหมายที่พลาดในวันรณรงค์ การเฝ้าระวังอาการภายหลังได้ รับวัคซีน แนวทางการตอบสนองและ ประสานงานกรณี AEFI ร้ายแรง After Action Review
8
3. การเตรียมการก่อนการรณรงค์
3.1 การสำรวจประชากรเป้าหมาย ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลประชากรของจังหวัด และมอบหมายให้บุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ ตรวจสอบประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จริงอีกครั้ง เพื่อสรุปเป็นรายชื่อทั้งหมดในทะเบียนที่จะใช้รณรงค์ บุคลากรในพื้นที่จะรับผิดชอบประชากรในพื้นที่ ในกรณีที่มีการขอรับวัคซีนในหน่วยบริการนอกพื้นที่ แต่ละพื้นที่ จะประสานตรวจสอบ ยืนยันการได้รับวัคซีน ตามทะเบียนสำรวจของเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
10
3. การเตรียมการก่อนการรณรงค์
สำหรับในบางจังหวัดที่เคยมีการรณรงค์ไปแล้ว ในช่วงที่มีการระบาดของโรคคอตีบ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องสำรวจประชากรเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและสามารถให้การรณรงค์ได้ครอบคลุม ครบถ้วน
11
3.2 การจัดทำแผนปฏิบัติงานและกลไกติดตามการดำเนินงาน
ควรจัดทำแผนปฏิบัติการรณรงค์ให้วัคซีนให้ชัดเจน ในภาพรวมและทุกระดับ โดยมีรายละเอียดในเรื่องพื้นที่ ที่ดำเนินการ จำนวนกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาปฏิบัติงาน ผู้รับผิดชอบ การควบคุมกำกับ ตลอดจนวิธีบริการ แต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก และประชากร ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย ประชากรข้ามชาติ ควรมีกลไกประสานการดำเนินงานรณรงค์ โดยอาจเป็น รูปแบบคณะทำงานเฉพาะกิจ หรือคณะกรรมการที่มีอยู่แล้ว
12
3.2 การจัดทำแผนปฏิบัติงานและกลไกติดตามการดำเนินงาน
กระบวนการติดตามอาจกำหนดเป้าหมายความครอบคลุมทุกระยะของการรณรงค์ เช่น มีการกำหนดเป้าหมาย ทุก 1 สัปดาห์ในช่วงที่มีการรณรงค์เข้มข้น เช่น อาจกำหนดเป้าหมายความครอบคลุมร้อยละ 30 ในสัปดาห์แรก และร้อยละ 50 ในสัปดาห์ที่ 2 เพื่อให้แต่ละหน่วยงานมีเป้าหมายเดียวกัน และให้มีการรายงานเป้าหมายเพื่อติดตามผลการดำเนินงานทุกสัปดาห์ (ตามความเหมาะสม) จนกว่าจะสิ้นสุดการรณรงค์
13
3.3 รูปแบบการรณรงค์ เร่งรัดการดำเนินงานในระยะที่ไม่นานจนเกินไป
4 เดือน (2 เดือนแรกแบบเข้มข้น 2 เดือนหลังเก็บตก) เขตเมือง เชิงรุกไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ
14
3.4 สถานที่ให้บริการวัคซีนกรณีเป็นหน่วยบริการเคลื่อนที่
ควรเป็นที่มีอากาศถ่ายเทดี เป็นบริเวณที่ร่ม มีบริเวณกว้างขวางเพียงพอที่จะรองรับผู้มารับบริการและอาสาสมัครที่มาให้บริการ และควรมีการจัดบริเวณสำหรับปฐมพยาบาลกรณีมีเหตุฉุกเฉิน และบริเวณสังเกตอาการสำหรับผู้มารับบริการภายหลังรับวัคซีน การคมนาคมสะดวกต่อผู้มารับบริการและสะดวกต่อการส่งต่อผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน มีอุปกรณ์ที่จำเป็นพร้อม ตามมาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
15
3.5 การจัดเตรียมวัคซีนระบบลูกโซ่ความเย็น และวัสดุอุปกรณ์
3.5 การจัดเตรียมวัคซีนระบบลูกโซ่ความเย็น และวัสดุอุปกรณ์ วัคซีน การเบิกและการรับวัคซีน การเตรียมอุปกรณ์ระบบ ลูกโซ่ความเย็นให้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติปกติ ตามมาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
16
15 มกราคม 2558
17
การส่งแบบสำรวจการจัดส่งวัคซีน
1. เภสัชกรขัตติยะ อุตม์อ่าง ประสานจังหวัดในภาคเหนือ (เขตบริการสุขภาพที่ 1-3) โทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ 2. เภสัชกรหญิงปิยะนาถ เชื้อนาค ประสานจังหวัดในภาคกลาง (เขตบริการสุขภาพที่ 4-6) โทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ 3. เภสัชกรอภิชัย พจน์เลิศอรุณ ประสานจังหวัดในภาคใต้ (เขตบริการสุขภาพที่ 11-12) โทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล์
18
3.5 การจัดเตรียมวัคซีน ระบบลูกโซ่ความเย็นและ วัสดุอุปกรณ์
องค์การเภสัชกรรมจะต้องส่งวัคซีนให้แก่หน่วยบริการ ภายในเวลาที่กำหนด วัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ให้หน่วยบริการประสานสสจ. ในการเบิกวัสดุอุปกรณ์ ให้พร้อมอย่างน้อย 1 ถึง 2 สัปดาห์ ก่อนการรณรงค์ อุปกรณ์ เช่น เข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา พลาสเตอร์ กระติก สำหรับใส่วัคซีน สำลี แอลกอฮอล์ ยาแก้ปวดลดไข้ เป็นต้น
19
3.6การระดมความร่วมมือของอาสาสมัครก่อนการรณรงค์
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ ควรประสานงานกับหน่วยงานองค์กร และ กลุ่มบุคคลในท้องถิ่น เพื่อขอความร่วมมือ ในการส่งอาสาสมัคร ร่วมสนับสนุนกิจกรรม ในวันรณรงค์ รวบรวมรายชื่อให้แน่ชัด เพื่อเตรียมการฝึกอบรม และเตรียมอุปกรณ์ ให้เพียงพอ
20
3.7 การระดมความร่วมมือ การอบรมแนะนำอาสาสมัคร
บทบาทสำคัญของอาสาสมัครในช่วงที่มีการ รณรงค์คือ การให้คำแนะนำชักชวนประชาชน ให้มารับบริการวัคซีนและเป็นทีมงานช่วย ในการให้บริการวัคซีน สสจ. จัดให้มีการประชุมชี้แจงแก่เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักในแต่ละพื้นที่ เจ้าหน้าที่สธ. ที่รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ควรจัดการ ฝึกอบรม พร้อมทั้งมีการสาธิตและซักซ้อมวิธีการ ปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ร่วมคณะ
21
3.8 การประชาสัมพันธ์โครงการ
ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่เกี่ยวข้อง อย่างทั่วถึงในประเด็นรายละเอียดเกี่ยวกับการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์กับประชาชน ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เรื่องการรณรงค์และ ให้ความร่วมมือในการรับบริการ โดยผ่านทางสื่อมวลชน สื่อชุมชน และสื่อบุคคลทุกช่องทาง * อาจพิจารณาให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มีอายุ 20 ถึง 50 ปี รับวัคซีนก่อนเริ่มการรณรงค์ จะทำให้สามารถอธิบาย แก่กลุ่มเป้าหมายได้ดี และเป็นปัจจัยสำคัญในการยอมรับ วัคซีนของกลุ่มเป้าหมาย
22
กรอบเนื้อหาที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์
ความสำคัญของปัญหาคอตีบ ที่มีอยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดใหญ่ของโรคคอตีบในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อได้และมีความเสี่ยงเนื่องจากส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับ ภูมิคุ้มกัน โรคคอตีบเป็นโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน การให้วัคซีนคอตีบ-บาดทะยักจะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับวัคซีน (ป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก)และการป้องกันโรคแก่ส่วนรวมในวงกว้าง จะมีการรณรงค์ในระหว่างวันที่ มกราคม ถึง เมษายน 2558 สามารถ ไปรับบริการได้ตามจุดบริการต่างๆ สำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักแล้ว จะต้องมารับวัคซีนในวัน รณรงค์ด้วยเช่นกัน เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคคอตีบ
23
4. การปฏิบัติงานในวันรณรงค์
จัดเตรียมอุปกรณ์ให้เพียงพอและพร้อมใช้งาน กำหนดผังจุดบริการให้มีพื้นที่เพียงพอและสะดวกต่อการ ปฏิบัติงาน กิจกรรมประกอบด้วย การให้สุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ แจกเอกสารแผ่นพับ ชี้แจงประชาชน ให้ทราบถึงประโยชน์ของการรณรงค์ อาการข้างเคียงและแนวทางการดูแลเบื้องต้น การให้วัคซีน บันทึกการให้วัคซีนในแบบฟอร์ม การสังเกตอาการภายหลังได้รับวัคซีนอย่างน้อย 30 นาที ให้ยาแก้ปวดลดไข้ สำหรับบรรเทาอาการปวดและลดไข้
25
การแนะนำล่วงหน้า การแนะนำล่วงหน้ามีลักษณะคล้ายกับการให้ความรู้ หรือการแนะนำโดยตรง แต่ข้อมูลที่ใช้สื่อสารเป็นข้อมูล ที่คาดว่าอาจเกิดขึ้นกับผู้รับบริการในอนาคต ตัวอย่างการแนะนำล่วงหน้า “หลังฉีดวัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก คุณอาจมีไข้ได้นะคะ ส่วนใหญ่ไข้จะขึ้นหลังได้รับวัคซีน 1 ถึง 2 ชั่วโมงและ เป็นอยู่ไม่เกิน 2 วัน ให้รับประทานยาลดไข้ บางคนอาจ มีอาการปวดบวม แดงร้อน บริเวณที่ฉีดวัคซีน ซึ่งส่วน ใหญ่มักเกิดอาการภายใน 2 ถึง 6 ชั่วโมง ให้ประคบเย็น และรับประทานยาบรรเทาอาการปวด”
26
ลักษณะทั่วไปของวัคซีน/รูปแบบการบรรจุ
รูปแบบหลายโด๊ส ต่อ 1 ขวด (10 โด๊ส, 5 ซีซี) วัคซีนมี ลักษณะเป็นของเหลวแขวนตะกอนสีเทาขาว (Greyish-white suspension) ขนาดและวิธีใช้ : 0.5 ซีซี ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ข้อห้ามใช้ ผู้ที่มีประวัติการแพ้รุนแรง หรือมีปฏิกิริยารุนแรงภายหลัง ได้รับวัคซีนชนิดนี้ หรือวัคซีนที่มีส่วนประกอบของท็อกซิน บาดทะยัก หรือคอตีบมาก่อน ผู้ที่มีประวัติแพ้ต่อสารชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งเป็นส่วนประกอบ ของวัคซีนนี้
27
การเตรียมวัคซีนและเทคนิคการฉีด
กระบอกฉีดยาขนาด 1 ซีซี หรือ 3 ซีซี ขนาดเข็มฉีดขนาด G ยาว 1-2 นิ้ว (ในผู้ใหญ่ควรใช้เข็มที่ยาวเพียงพอที่จะลงลึก ถึงชั้นกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะผู้รับวัคซีนที่มีภาวะ น้ำหนักเกินหรืออ้วน)
28
การฉีดวัคซีน ดึงผิวหนังให้ตึงเฉียงลง เป็น Z-track จะช่วยลดความเจ็บปวดขณะฉีดได้ เข็มตั้งตรง 90 องศา สังเกตอาการภายหลังได้รับวัคซีนอย่างน้อย 30 นาที
29
การดูแลรักษาวัคซีนในขณะให้บริการ
ควรให้บริการในที่ร่ม เก็บวัคซีนในกระติกหรือกล่องโฟมที่มีอุณหภูมิอยู่ในช่วง +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส วางขวดวัคซีนให้ตั้งตรง ห้ามวางขวดวัคซีนสัมผัสกับ icepack หรือน้ำแข็งโดยตรง ห้ามปักเข็มคาขวดวัคซีน ในระหว่างรอบริการ หลังเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 8 ชั่วโมง เปิดกระติกเท่าที่จำเป็นเท่านั้นและปิดฝาให้สนิท
30
5. การปฏิบัติงานหลังวันรณรงค์
การลงบันทึกและรายงานผลการปฏิบัติงาน การติดตามให้วัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมายที่พลาดวัคซีนในวัน รณรงค์ ผู้รับผิดชอบเขตพื้นที่บริการควรตรวจสอบประชากร กลุ่มเป้าหมายที่มีรายชื่อตามทะเบียนสำรวจและยังไม่ได้รับ บริการ วางแผนติดตามและดำเนินการเก็บตกให้วัคซีน ภายใน 1 สัปดาห์หลังช่วงที่มีการรณรงค์แบบเข้มข้น หรือ ตามแผนปฏิบัติการของแต่ละพื้นที่
32
ปี 2558 รหัสวัคซีนมาตรฐานที่บันทึก ผ่านฐานข้อมูล 43 แฟ้มของ สนย.
1. การให้วัคซีนรวมหัด-หัดเยอรมันในเด็กอายุ 2.5 ปี -7 ปี 2. รณรงค์ให้วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ ปี รหัสวัคซีนอยู่ใน แนวทาง MR หน้า 4 รหัสวัคซีน อยู่ใน แนวทาง dT หน้า 9 รหัสที่ใช้บันทึก (มาตรฐาน สนย.) ชื่อวัคซีนภาษาอังกฤษ ชื่อวัคซีนภาษาไทย ประเภท อายุ รหัส ICD_10 _TM 073 MMR2 หัด คางทูม หัดเยอรมัน ฉีด 2 ปี 6 เดือน Z27.4 901 dTC ดีทีซี สำหรับการรณรงค์ Z23.5, Z23.6
33
ความครอบคลุมของงาน EPI
ความครอบคลุมของการให้บริการวัคซีน ความครอบคลุม ของการได้รับวัคซีนในพื้นที่รับผิดชอบ ยึดผู้ให้บริการเป็นหลัก ยึดเด็กในพื้นที่รับผิดชอบได้รับวัคซีนเป็นหลัก > 100% ได้ >100% ไม่ได้ = จำนวนเด็กผู้มารับบริการทั้งหมดทั้งในและนอกพื้นที่ จำนวนเด็กในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด = จำนวนเด็กในพื้นที่รับผิดชอบที่ได้รับวัคซีน จำนวนเด็กในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด
34
พื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายรวมกันเป็นจำนวนมาก: สถานประกอบการ โรงงาน สถานศึกษา สถานที่ราชการ เรือนจำ ฯลฯ การเบิกวัคซีน ผลการรณรงค์ ความครอบคลุมการได้รับวัคซีน (เฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบ) ผลการให้บริการ (ใน+นอก+ต่างชาติ)
35
แบบ dTC2 แบบรายงานผลการรณรงค์ให้วัคซีน dT แก่ประชากรกลุ่มเป้าหมายอายุ ปี ในระดับสถานบริการ สถานบริการ รพสต. แสนสุข ตำบล แสนสุข อำเภอ สบายใจ จังหวัด A หมู่ที่ * จำนวน กลุ่มเป้าหมาย ที่มีอยู่จริงในพื้นที่ รับผิดชอบ จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับวัคซีน dT กลุ่มเป้าหมายในจังหวัด กลุ่ม เป้าหมาย นอกจังหวัด ชาว ต่างชาติ *** ผลการให้วัคซีน ** กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ กลุ่ม เป้าหมาย นอกพื้นที่ ได้รับในพื้นที่ ได้รับจากที่อื่น *ความครอบคลุม (%) (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) 3 สำรวจไว้ 360 คน ย้ายออก 2 คน ย้ายเข้า 7 คน ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด 5 คน จำนวนกลุ่มเป้าหมาย ที่มีอยู่จริง = คน 230 70 82.19 15 7 8 260 4 รวม รพสต
38
การจัดทำและการส่งแบบรายงานของหน่วยงานแต่ละระดับ
สถานบริการ จัดทำ dTC1 และ dTC2 dTC2 วันที่ 11 พ.ค. 58 วันที่ 15 พ.ค. 58 วันที่ 20 พ.ค. 58 สสอ. จัดทำ dTC3 dTC3 สสจ. จัดทำ dTC4 dTC4 สำนักงานเขต บริการสุขภาพ
39
การติดตามความก้าวหน้า (ทางโทรศัพท์)
สถานบริการ จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ให้บริการ ทั้งในและนอกเขตรับผิดชอบ สสอ. ทุก 2 สัปดาห์ (w2,4) ในช่วง ม.ค.-เม.ย. 58 จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ให้บริการ ทั้งในและนอกเขตรับผิดชอบ สสจ. จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ให้บริการ ทั้งในและนอกเขตรับผิดชอบ สำนักงานเขต บริการสุขภาพ
40
5.3 การเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีน
ระบบปกติ AEFI
41
5.4 แนวทางการตอบสนองและประสานงาน กรณี AEFI ร้ายแรง
การสื่อสาร การสื่อสารและดูแลเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ฉีดวัคซีนแก่ผู้ป่วย แนวทางการสอบสวนสาเหตุ กระบวนการสอบสวนทางระบาดวิทยาประกอบด้วย การสอบสวนผู้ป่วยที่รายงาน การค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในชุมชน รวมผู้ได้รับวัคซีนในรุ่นเดียวกัน การตรวจสอบการบริหารจัดการวัคซีน การตรวจวิเคราะห์วัคซีนในห้องปฏิบัติการ การสรุปสาเหตุจากคณะผู้เชี่ยวชาญที่กระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งขึ้น การจัดทำข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม
42
After Action Review วัตถุประสงค์สำคัญเพื่อนำบทเรียนที่ได้จากการ ดำเนินโครงการมาพัฒนาแนวทางการดำเนินงาน เพื่อพัฒนางานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในอนาคต ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิกรม ควบคุมโรค ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกกสธ. ทีมงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค สคร. ตัวแทน ผู้ปฏิบัติงานจากจังหวัดต่างๆ ทุกระดับ
43
After Action Review กรอบการอภิปรายในการประชุม
ผลการดำเนินงานในด้านต่างๆ (coverage, cold chain management, การแก้ปัญหาต่างๆ ระหว่างดำเนินงาน, คุณภาพการให้บริการ, อาการข้างเคียงจากการรับวัคซีน) การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน สาเหตุของการไม่ได้รับวัคซีน ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานและข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไข ผลผลิต สรุปผลการดำเนินงานโครงการเพื่อการพัฒนาต่อไป
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.