งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

น้ำตาลในน้ำอัดลม.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "น้ำตาลในน้ำอัดลม."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 น้ำตาลในน้ำอัดลม

2 จัดทำโดย นำเสนอ อ.สุมน คณานิตย์ ด.ญ.ณัชชา พุทธรัสสุ เลขที่ 10 ม.1/17
ด.ญ.ณัชชา พุทธรัสสุ เลขที่ 10 ม.1/17 ด.ญ.ณัฐริกา คุ้มแก้ว เลขที่ 14 ม.1/17 ด.ช.เดชธนภัทร์ จบศรี เลขที่ 19 ม.1/17 ด.ช.ธนวัฒน์ ตันทัตสวัสดิ์ เลขที่ 21 ม.1/17 ด.ช.ธนเสฏฐ์ วสุศักดิ์ศิริ เลขที่ 26 ม.1/17 ด.ญ.ปุณณดา คำพันธุ์ เลขที่ 58 ม.1/17 นำเสนอ อ.สุมน คณานิตย์

3 แนวความคิดที่จัดทำโครงงาน
1 แนวความคิดที่จัดทำโครงงาน เพื่อให้เราทราบถึงอันตรายในเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมแต่ละชนิดถ้าเราดื่มเข้าไปมากๆ แล้วจะได้รับอันตรายจากการดื่มเพียงใด จะมีประโยชน์หรือว่าให้โทษมากกว่ากัน

4 วัตถุประสงค์ในการจัดทำ
2 วัตถุประสงค์ในการจัดทำ การทดลองโครงงานชิ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา สุขศึกษา จัดทำเพื่อประกอบการเรียนเพื่อที่คนอ่านได้รู้ถึง ระดับน้ำตาลในน้ำอัดลมว่ามีมากน้อยแค่ไหนในแต่ละยี่ห้อ น้ำตาลมีโทษและผลดีอย่างไรต่อร่างกาย วิธีหาระดับน้ำตาลในน้ำอัดลมว่ามีวิธีการหาอย่างไร

5 จัดเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้
3 อุปกรณ์ในการทดลอง จัดเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้ น้ำอัดลม หม้อ แก๊ซ ช้อน

6 4 ขั้นตอนการทดลอง 1.วางหม้อไว้บนเตา

7 2.เปิดไฟแล้วใส่น้ำอัดลมลงไปในหม้อ
5 ขั้นตอนการทดลอง 2.เปิดไฟแล้วใส่น้ำอัดลมลงไปในหม้อ

8 3.เปิดไฟให้แรงเพื่อจะให้เดือด
6 ขั้นตอนการทดลอง 3.เปิดไฟให้แรงเพื่อจะให้เดือด

9 4.เมื่อน้ำเดือดแล้วก็ค่อยๆ เบาไฟลงเพื่อให้น้ำแห้ง
7 ขั้นตอนการทดลอง 4.เมื่อน้ำเดือดแล้วก็ค่อยๆ เบาไฟลงเพื่อให้น้ำแห้ง

10 ขั้นตอนการทดลอง 5.รอจนน้ำแห้งเสร็จแล้วก็ปิดไฟ
8 ขั้นตอนการทดลอง 5.รอจนน้ำแห้งเสร็จแล้วก็ปิดไฟ 6.ใช้ช้อนขูดออกแล้วนำไปชั่งเพื่อหาน้ำหนักของน้ำตาล 7.นำน้ำตาลที่ได้ไปชั่งเพื่อหาค่าปริมาณน้ำตาล

11 ผลการดำเนินงานที่ได้
9 ผลการดำเนินงานที่ได้ มิรินด้า 6 ช้อนชา แป๊บซี่แม็ก 6 ช้อนชา แป๊บซี่ 6ช้อนชา แป๊บซี่โรงเรียน 1ส่วน4 ช้อนชา

12 10 โทษและประโยชน์ โทษ เมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม น้ำตาล จะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่ สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่างๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล ทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกาย ที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง  หากยังคงรับประทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่นๆ เช่น หัวใจ ตับ และไต ดังนั้น อวัยวะเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมันและน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น  การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงหาวนอน  อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวาร ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ เหล่านี้ล้วนสัมพันธ์ กับการรับประทานน้ำตาลมากเกินไป  น้ำตาลทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร  น้ำตาลนอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้ว ยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาล ในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะ และฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่

13 โทษและประโยชน์ ประโยชน์ 11
น้ำตาลทรายหวานอร่อยและยังมีประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ ที่ช่วยให้ชีวิตในบ้านของคุณง่ายขึ้นอีกด้วย ทำความสะอาดมือ : น้ำตาล เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการขัดลอก เพราะฉะนั้นถ้ามือคุณเปื้อนคราบสกปรกโดยเฉพาะคราบมัน ที่ล้างออกได้ยากทั้ง หลาย ลองใช้น้ำตาลทรายถูมือ มันจะช่วยทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ดักมด : ต้ม น้ำตาลกับน้ำเล็กน้อยจนเป็นน้ำเชื่อมเหนียวๆ แล้วเทน้ำเชื่อมใส่ลงในขวดปากกว้างหรือชาม จากนั้นวางทิ้งไว้ในที่เปิดโล่ง มันจะดึงดูดมดเข้ามาลิ้มรสความหวาน แล้วก็จะตกลงไป บรรเทาอาการลิ้นพอง : ถ้าคุณบังเอิญกินอาหารร้อนๆ หรือเครื่องดื่มร้อนจัดเข้าไปจนรู้สึกเหมือนลิ้นแทบพ อง ลองโรยน้ำตาลทรายลงบนลิ้นแล้วอมเอาไว้ชั่วคราว อาการปวดแสบปวดร้อนจะดีขึ้น ฆ่าแมลงสาบ : ผสมน้ำตาลทรายกับผงฟูในปริมาณเท่าๆ กัน น้ำตาลทรายจะเรียกให้แมลงสาบเข้ามากิน แล้วผงฟูก็จะทำให้แมลงสาบตาย จับแมลงวัน : ต้มน้ำครึ่งลิตรกับน้ำตาลทรายและพริกไทย (ราวหนึ่งช้อนชา) แล้วเทใส่ไว้ในชาม มันจะดึงดูดแมลงวันให้เข้ามา แล้วก็จะตกลงไปตายในน้ำ จุดไฟ : ถ้าคุณมีปัญหาในการติดเตาถ่าน ลองโรยน้ำตาลทรายลงไปสักหยิบมือหนึ่งก่อนจุดไฟ น้ำตาลทรายจะช่วยทำให้ไฟติดได้ง่ายขึ้น รักษาความสดของบิสกิต : ใส่น้ำตาลทรายเล็กน้อยลงในโหลใส่บิสกิตของคุณ มันจะช่วยดูดซับความชื้นและทำให้บิสกิตคงความกรอบได้ ยาวนานกว่า เค้กสดใหม่ : โรยน้ำตาลทรายเล็กน้อยลงบนเค้กที่ทำเองที่บ้านในขณะท ี่มันยังร้อนอยู่ เค้กของคุณจะคงความสดใหม่ได้นานขึ้น

14 12 สาระเพิ่มเติม นํ้าตาล น้ำอัดลมส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำตาลและน้ำเชื่อมจากข้าวโพด ซึ่งมีน้ำตาลประเภทฟรักโทสอยู่ ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลกแนะนําอยู่ที่ประมาณ ๘-๑๑ ช้อนชาต่อวัน แต่จากการทดสอบของนิตยสาร UTUSAN KON SUMER พบว่าเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายส่วนใหญ่มีน้ำตาลอยู่กระป๋องละประมาณ ๔-๑๕ ช้อนชา  น้ำตาล ๑ ช้อนชามีพลังงาน ๑๖ แคลอรี ถ้าเราดื่มแป๊ปซี่ ขนาด ๓๒๕ ซีซี มีน้ำตาล ๕ ช้อนชาครึ่ง เราจะได้พลังงาน ๘๘ แคลอรี่ ถ้าดื่มสไปร้ท์ มีน้ำตาล ๖ ช้อนชาครึ่ง น้ำส้ม มิรินด้ามี ๗ ช้อนชาครึ่ง เป็นต้น ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งได้มากจึงเป็นสาเหตุของความอ้วนได้อีกประการหนึ่ง ถ้าดื่มวันละกระป๋องร่างกายก็ได้รับน้ำตาลมากแล้ว ไม่รวมกับน้ำตาลจากแหล่งอื่นอีก ซึ่งก็คงไม่น้อยยิ่งดื่มทุกวันแน่นอนว่าสุขภาพย่อมทรุดโทรมลงเรื่อยๆ เป็นต้นว่า ฟันผุ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเป็นโรคหัวใจ อาหารไม่ย่อย และอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้วน้ำอัดลมให้พลังงานประมาณ ๓๕-๔๕ แคลอรีต่อ ๑๐๐ มล.แต่เป็นพลังงานที่เรียกว่า emptycalory ในทางโภชนาการถือว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำ เป็นพลังงานที่ได้มาจากน้ำตาลขัดขาวอย่างเดียว ดื่มน้ำอัดลมมากอาจทำให้คุณเป็นโรคกระดูกพรุน มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป ไม่ว่าจะแบบมีหรือไม่มีน้ำตาลก็ตาม จะทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุรองอื่นๆ ออกไปกับปัสสาวะ ยิ่งสูญเสียแร่ธาตุมากเท่าใดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ข้อเสื่อม

15 13 สาระเพิ่มเติม เชื่อหรือไม่ว่า เครื่องดื่มรสอร่อยที่คุณชื่นชอบที่วันหนึ่งขอดื่มสัก1-2 ขวดเพื่อความสดชื่นภายใน1 ขวดนั้นอาจมีส่วนประกอบของน้ำตาลถึง 12 ช้อนชา = 48 กรัม =196 แคลอรี่ หมายถึงเมื่อคุณดื่มหมด 1 ขวด คุณจะได้น้ำตาลเกินจากข้อกำหนดที่แนะนำให้กินต่อวัน ถึง 2 เท่าตัวทีเดียว เพียงแค่ 1 ขวดเท่านั้นยังไม่นับรวมถึงอาหาร 3 มื้อที่คุณซื้อกินอยู่ทุกวัน กล่าวถึงตรงนี้ก็แทบไม่อยากคิดเลยว่าวันหนึ่งๆ คุณจะได้รับน้ำตาลมากเป็นปริมาณเท่าไร องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ปริมาณน้ำตาลไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของปริมาณพลังงานที่ได้รับใน 1 วัน สำหรับคนไทยข้อแนะนำการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยก็ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า น้ำมัน เกลือ น้ำตาลให้กินแต่น้อยเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ได้มีการกำหนดปริมาณน้ำตาลว่าไม่ควรเกิน 4, 6 และ 8 ช้อนชา สำหรับผู้ต้องการพลังงาน 1,600 2,000 และ 2,400 กิโลแคลอรี ซึ่งเท่ากับประมาณร้อยละ 5 โดยเฉลี่ย โดยส่วนที่เหลือได้ไว้สำหรับน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารอื่นซึ่งไม่ทราบปริมาณ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันจึงแนะนำปริมาณน้ำตาลสำหรับประชากรโดยทั่วไป คือ ควรกินไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ใน 1 วัน ตัวเลข 6 ช้อนชาต่อวัน เมื่อรู้แล้วอย่าเพิ่งตกใจหรือยึดติดกับตัวเลขนี้ให้มากนัก เพราะหลังจากอ่านบทความนี้จบ เป้าหมายของคุณไม่ได้อยู่การกินน้ำตาลให้ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่อยู่ที่การลดการกินน้ำตาลต่อวันต่างหาก พึงระลึกไว้เสมอว่าการกินน้ำตาลแม้ลดลงเพียงช้อนเดียวก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้แล้วดีกว่าที่คุณจะไม่เริ่มทำอะไรเลยและบอกกับตัวเองว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะกินน้ำตาลให้ไม่เกิน 6 ช้อนชา” [ ที่มา.. นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 29 ฉบับที่ 345 มกราคม 2551]

16 สาระเพิ่มเติม 14 ช่วงอายุ ความต้องการพลังงาน ปริมาณน้ำตาลไม่ควร
ช่วงอายุ ความต้องการพลังงาน ปริมาณน้ำตาลไม่ควร (กิโลแคลอรี/วัน) เกิน (ช้อนชา/วัน) เด็กอายุ 6-13 ปี หญิงวัยทำงานอายุ ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 1,600 4 วัยรุ่นหญิงอายุ ปี ชายวัยทำงานอายุ ปี 2,000 6 หญิงชายที่ใช้พลังงานมากๆ เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา 2,4000 8 *น้ำตาล 1 ช้อนชา = 4 กรัม (น้ำตาล 1 ช้อนชา เท่ากับ 4 กรัม ให้พลังงาน 16 แคลอรี่) [ ที่มา.. นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 29 ฉบับที่ 345 มกราคม 2551]

17 ขอจบการนำเสนอแต่เพียงเท่านี้ ครับ/ค่ะ
__ __


ดาวน์โหลด ppt น้ำตาลในน้ำอัดลม.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google