งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

ภาษาปาสคาล ผู้สร้าง Dr.Niklaus Wirth ปี 2513

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ภาษาปาสคาล ผู้สร้าง Dr.Niklaus Wirth ปี 2513"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 ภาษาปาสคาล ผู้สร้าง Dr.Niklaus Wirth ปี 2513
Pascal มาจาก Blaise Pascal นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส รากฐานจากภาษา Algol60 และ PL/1 เป็นภาษาแบบมีโครงสร้าง (Structured Programming)

2 โครงสร้างของภาษาปาสคาล
PROGRAM ชื่อโปรแกรม; Heading VAR LABEL CONST TYPE Declarations PROCEDURE or FUNCTION BEGIN …. Statements END.

3 ตัวอย่างโปรแกรมภาษาปาสคาล
PROGRAM example(input,output); { Calculate average of three numbers } CONST COUNT = 3; VAR input1, input2, input3 : integer; average : real; BEGIN readln(input1,input2,input3); average:=(input1,input2,input3)/count; writeln(‘The avarage is’,average:5:2); END. ส่วนหัว ส่วน ประกาศ ส่วนคำสั่ง

4 ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมภาษาปาสคาล
คำสั่ง Create/Edit Text File pico <filename>.pas Source Code Machine Code Compile By compiler gpc <filename>.pas [-o outputfile] คำสั่ง Execute (Run) a.out <outputfile> คำสั่ง หรือ

5 การตั้งชื่อ(Identifiers)
1. ประกอบด้วยตัวอักษรตั้งแต่ A ถึง Z หรือตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 9 ที่ไม่มีสัญลักษณ์พิเศษอื่น ๆ อยู่ 2. ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ (ห้ามเป็นตัวเลข) และตัวถัดไป อาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือเครื่องหมาย Underline ( _ ) ก็ได้ 3. ตัวอักษรตัวใหญ่ ตัวเล็กจะถือว่าเหมือนกัน 4. ความยาวของชื่อตัวแปรยาวได้ไม่เกิน 255 ตัวอักขระ 5. ชื่อที่ตั้งนั้นจะต้องไม่เป็นคำสงวน (Reserve Word)

6 ชนิดของข้อมูล (Data Type)
ข้อมูลชนิดธรรมดา (Simple-type data) ข้อมูลแบบมาตรฐาน (Standard Data Type) ข้อมูลที่ผู้ใช้กำหนดเอง (User-defined Data Type) ข้อมูลชนิดมีโครงสร้าง (Structured-type Data) ข้อมูลชนิดตัวชี้ (Pointer-type Data)

7 ข้อมูลแบบมาตรฐาน(Standard Data Type)
1. ข้อมูลแบบเลขจำนวนเต็ม (integer) เช่น 2. ข้อมูลแบบเลขจำนวนจริง (real) เช่น /7 3. ข้อมูลแบบอักขระ (char) เช่น ‘A’ ‘2’ ‘*’ 4. ข้อมูลแบบสตริง (string) เช่น ‘SILPAKORN’ ‘SC’ 5. ข้อมูลแบบตรรกศาสตร์ (boolean) เช่น จริง (true) เท็จ (false) ข้อแตกต่างระหว่าง ตัวเลขกับตัวอักขระ คือ การมีตัวอักขระจะมีเครื่องหมาย ‘’

8 CONST identifier = constant;
ค่าคงที่ (Constants) รูปแบบ CONST identifier = constant; ตัวอย่าง CONST PI = ; TAXRATE = 0.07; BLANK = ‘ ‘; MAX = True; CONTINUE = ‘Press enter to continue..’;

9 VAR identifier [, identifier, . . ] : Data Type;
ตัวแปร (Variables) รูปแบบ VAR identifier [, identifier, . . ] : Data Type; ตัวอย่าง VAR radias, high : real; row, column : integer; name : string; choice : char; done : boolean;

10 ตัวดำเนินการ (Operators)
ตัวดำเนินการคำนวณ จำนวนเต็ม : + , -, * , / , DIV, MOD จำนวนจริง : + , -, * , / ตัวดำเนินการสตริง : + ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ : =, <>, <, <=, >, >= ตัวดำเนินการบูลลีน : AND, OR, NOT

11 นิพจน์ (Expression) นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ นิพจน์ทางตรรกศาสตร์
กลุ่มของข้อมูล ซึ่งประกอบไปด้วย Operand ที่เป็นตัวแปร ค่าคงที่ 1 ตัวหรือมากกว่า ซึ่งเชื่อมกันด้วยสัญลักษณ์ทาง การคำนวณหรือเปรียบเทียบที่เรียกว่า Operator นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ เช่น a+b/c*d นิพจน์ทางตรรกศาสตร์ เช่น row > MAX MAX and Done

12 ลำดับความสำคัญของตัวดำเนินการ
1. ถ้ามีวงเล็บจะต้องทำในวงเล็บก่อน 2. ในกรณีที่มีวงเล็บซ้อนกัน ให้ทำเครื่องหมายวงเล็บในสุดก่อน 3. จะทำการคำนวณตามลำดับเครื่องหมายดังนี้ +(เอกภาค) -(เอกภาค) NOT * / DIV MOD AND + - OR = <> < <= > >= สูงสุด ต่ำสุด

13 ตัวอย่าง 7 * MOD 3 * 4 + 9 * 4 + 9 = 71

14 2 * ( ( 8 MOD 5 ) * ( 4 + ( 15 - 3 ) / sqr( -4 + 2 ) ) ) =
ตัวอย่าง 8 6 7 5 1 4 3 2 42 2 * ( ( 8 MOD 5 ) * ( 4 + ( ) / sqr( ) ) ) = 8 MOD 5 = 3 5 MOD 6 = 5 8 DIV 5 = 1 5 DIV 6 =

15 คำสั่งพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม
คำสั่งทางคณิตศาสตร์และตรรกะ (arithmetic-logic statement) คำสั่งรับข้อมูลและแสดงผล (input/output statement) คำสั่งเลือกทำงานตามเงื่อนไข (selection statement) คำสั่งทำงานซ้ำ (looping statement) คำสั่งเรียกให้โปรแกรมย่อยทำงาน (call subprogram)

16 คำสั่งการกำหนดค่า (Assignment Statement)
คำสั่งทางคณิตศาสตร์และตรรกะ (arithmetic-logic statement) คำสั่งการกำหนดค่า (Assignment Statement) คือ การกำหนดค่าให้กับตัวแปรโดยการใช้เครื่องหมาย := รูปแบบ identifier := constant; identifier := Expression; ตัวอย่าง Price:=100; tax:=0.07*price;

17 คำสั่งรับข้อมูลและแสดงผล (input/output statement)
เป็นคำสั่งการแสดงผลลัพธ์หรือข้อมูลออกทางจอภาพ ได้แก่ คำสั่ง Write , Writeln สำหรับการแสดงผลนั้นแสดงได้ 2 อย่าง คือ 1. แสดงค่าของ ค่าคงที่ ตัวแปรหรือนิพจน์ 2. แสดงอักขระ(char)หรือกลุ่มข้อความ(string) รูปแบบ write(parameter[:length:decimal],...); writeln(parameter[:length:decimal],...); writeln;

18 ประโยคคำสั่งปฏิบัติการ (Executable Statements)
ข้อแตกต่างระหว่างคำสั่ง write และ writeln คำสั่ง writeln จะทำให้มีการขึ้นบรรทัดใหม่หลังจากที่มีการแสดงผลแล้ว num1 num2 ตัวอย่าง num1:=10; num2:=20; writeln(‘Num1 =‘, num1); writeln(‘Num2 =‘, num2); 10 20 num1:=10; Write(num1:10:2); Num1 = Num2 = 10.00

19 10 num1 20 num2 30 sum Num1+num2=sum 10 + 20 = 30
ประโยคคำสั่งปฏิบัติการ (Executable Statements) ข้อแตกต่างระหว่างคำสั่ง write และ writeln 10 num1 20 num2 30 sum ตัวอย่าง num1:=10;num2:=20; sum:=num1+num2; Write(num1,’ + ‘,num2,’ = ‘,sum); = 30 Num1+num2=sum = 30

20 งานที่มอบหมายครั้งที่ 1
โครงสร้างของภาษาปาสคาลและคำสั่งรับ-แสดงผลข้อมูล ให้เขียนโปรแกรมกำหนด ค่าเลขจำนวนเต็มจำนวน 2 ค่า ทำการหา ผลบวก(Summary) ผลลบ(Different) ผลคูณ(Multiply) ผลหาร(Devide) ผลหารเอาส่วน (DIV) ผลหารเอาเศษ (MOD) โดยให้มีการแสดงผลดังนี้

21 ประโยคคำสั่งปฏิบัติการ (Executable Statements)
คำสั่งการรับค่าข้อมูลเข้า (Input Statement) เป็นคำสั่งการรับข้อมูลจากอุปกรณ์นำข้อมูลเข้า (keyboard) นำไป เก็บไว้ในตัวแปรที่กำหนดให้ ได้แก่ คำสั่ง Read , Readln รูปแบบ read(identifier_1[,identifier_2,…,identifier_n]); readln(identifier_1[,identifier_2,…,identifier_n]); ตัวอย่าง Read(number); Read(a,b,c); Readln(text); Readln(x,y,z);

22 ประโยคคำสั่งปฏิบัติการ (Executable Statements)
ข้อแตกต่างระหว่างคำสั่ง read และ readln คำสั่ง readln จะมีผลให้การใช้คำสั่ง read หรือ readln ในคำสั่ง ถัดไปต้องอ่านข้อมูลจากบรรทัดใหม่(รับค่าแล้วทำการขึ้นบรรทัดใหม่) ตัวอย่าง Read(number); Read(a,b,c); Readln(text); Readln(x,y,z);

23 งานที่มอบหมายครั้งที่ 2
โครงสร้างของภาษาปาสคาลและคำสั่งรับ-แสดงผลข้อมูล ให้เขียนโปรแกรมรับค่าของอุณหภูมีในหน่วยองศาเซลเซียส แล้วแปลงให้เป็นอุณหภูมิในหน่วยองศาฟาเรนไฮน์ โดยแสดงผลดังนี้


ดาวน์โหลด ppt ภาษาปาสคาล ผู้สร้าง Dr.Niklaus Wirth ปี 2513

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google