งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

การบริหารทีมในองค์การ

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "การบริหารทีมในองค์การ"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 การบริหารทีมในองค์การ
บทที่ 8 การบริหารทีมในองค์การ (Teams and Teamwork)

2 ความหมายของทีม * ทีม (Teams) หมายถึง การทำงานของร่วมกันของสมาชิก
ที่มากกว่าหนึ่งคน โดยที่สมาชิกทุกคนนั้นจะต้องมีเป้าหมายในการทำงานที่เป็นเป้าหมายเดียวกันว่าจะทำอะไรแล้วทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน รวมทั้งต้องมีการวางแผนการทำงานร่วมกัน

3 ความหมายของทีม ทีมงาน (Teamwork) หมายถึงกระบวนการทำงานของกลุ่มบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน มารวมตัวกันเพื่อปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกัน Ex.ม.กท. Ex.CLIP

4 ความหมายของกลุ่ม กลุ่ม (Groups) หมายถึง บุคคลมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไปที่มีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

5 ความหมายของกลุ่ม กลุ่มงาน (Work Group) หมายถึง กลุ่มที่สมาชิกมีการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และช่วยให้สมาชิกแต่ละคนปฏิบัติงานได้ภายใต้ความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน

6 ความแตกต่างระหว่างทีมงานและกลุ่มงาน
P.136

7 กลุ่มงาน ทีมงาน 1. มีผู้นำที่ชัดเจน
1. มีผู้นำที่หมุนเวียนระหว่างสมาชิกในทีม 2. มีความรับผิดชอบต่อตนเอง 2. มีความรับผิดชอบต่อตนเองและทีม 3. ผลงานเป็นของแต่ละคน 3. ผลงานเป็นของทุกคนในทีมร่วมกัน 4. เป้าหมายไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์การ 4. เป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทีมและองค์การ

8

9 ประสิทธิภาพของทีม (Team Effectiveness)
เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ - การจ่ายผล ตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ ฯลฯ กระบวนการภายในทีม - พัฒนาการของทีม - ความยึดเหนี่ยว - บรรทัดฐานของทีม - การบริหารความ ขัดแย้ง ประสิทธิภาพของทีม - ผลงานของทีม - ความพึงพอใจของ สมาชิกในทีม ประเภทของทีม - คณะกรรมการ - ทีมงานเพื่อแก้ปัญหา - ทีมงานบริหารตนเอง - ทีมร่วมสายงาน - ทีมข้ามสายงาน คุณลักษณะของทีม - ขนาดของทีม - บทบาทของสมาชิก องค์ประกอบของทีม - ความรู้ความสามารถ - ความสามัคคี ฯ รูปที่ 8.2 ประสิทธิภาพของทีม

10 เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ
- การจ่ายผลตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ

11 ประสิทธิภาพของทีม (Team Effectiveness)
เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ - การจ่ายผล ตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ ฯลฯ กระบวนการภายในทีม - พัฒนาการของทีม - ความยึดเหนี่ยว - บรรทัดฐานของทีม - การบริหารความ ขัดแย้ง ประสิทธิภาพของทีม - ผลงานของทีม - ความพึงพอใจของ สมาชิกในทีม ประเภทของทีม - คณะกรรมการ - ทีมงานเพื่อแก้ปัญหา - ทีมงานบริหารตนเอง - ทีมร่วมสายงาน - ทีมข้ามสายงาน คุณลักษณะของทีม - ขนาดของทีม - บทบาทของสมาชิก องค์ประกอบของทีม - ความรู้ความสามารถ - ความสามัคคี ฯ รูปที่ 8.2 ประสิทธิภาพของทีม

12 ประเภทของทีม 1. คณะกรรมการ (Committees)
ทีมที่เกิดจากการรวมสมาชิกนอกเหนือจากภาระ งานปกติ มาทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และ ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้ดูแลเรื่อง หนึ่งเรื่องใดโดยเฉพาะ

13 2. ทีมโครงการและทีมทำงาน
(Project Teams and Task Forces) ทีมที่ปฏิบัติงานสำคัญให้กับองค์การแต่เป็นทีมชั่วคราว และงานที่มอบหมายจะเป็นงานเฉพาะด้าน มีการกำหนดระยะเวลาทำงาน และมีความชัดเจน

14 Ex.โรงไฟฟ้าแม่เมาะ 3. ทีมข้ามสายงาน (Cross-functional Teams)
ทีมข้ามสายงานจะประกอบด้วยสมาชิกที่มีความเชี่ยวชาญ หลายสาขาที่มาจากหลายหน่วยงาน มาทำงานร่วมกันโดย มีเป้าหมายเดียวกัน Ex.โรงไฟฟ้าแม่เมาะ

15 Ex. ทีม QC 4. ทีมการมีส่วนร่วมของพนักงาน
(Employee Involvement Teams) เป็นกลุ่มพนักงานที่มาร่วมกันนอกเหนือภาระงานปกติ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และสภาพแวดล้อมในการทำงาน Ex. ทีม QC

16 5. ทีมเสมือนจริง (Virtual Teams)
ทีมที่สมาชิกทำงานร่วมกันและหาวิธีการแก้ไขปัญหาโดย การติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของ องค์การมากกว่าจะมาประชุมแบบเผชิญหน้ากัน - / video conferencing)

17 (Self-managing Work Teams)
6. ทีมงานบริหารตนเอง (Self-managing Work Teams) เป็นทีมงานที่ดำเนินงานโดยไม่มีผู้บริหารมาควบคุมและต้องรับผิดชอบงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ -เป็นการเพิ่มแรงจูงใจให้กับสมาชิกในทีมมองเห็นคุณค่าของงานที่ตนทำอยู่ -ผู้บริหารมีการสนับสนุนด้วยการให้อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจน -ให้ผลตอบแทนแก่สมาชิกอย่างเหมาะสม

18 แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับทีม
ประสิทธิภาพของทีม บรรลุเป้าหมายการทำงานของทีม ความพึงพอใจของสมาชิกในทีม ความต้องการทำงานร่วมกันต่อไปอีกในอนาคต

19 ประสิทธิภาพของทีม (Team Effectiveness)
เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ - การจ่ายผล ตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ ฯลฯ กระบวนการภายในทีม - พัฒนาการของทีม - ความยึดเหนี่ยว - บรรทัดฐานของทีม - การบริหารความ ขัดแย้ง ประสิทธิภาพของทีม - ผลงานของทีม - ความพึงพอใจของ สมาชิกในทีม ประเภทของทีม - ทีมงานเพื่อแก้ปัญหา - ทีมงานบริหารตนเอง - ทีมร่วมสายงาน - ทีมข้ามสายงาน ลักษณะของทีม - ขนาดของทีม - บทบาทของสมาชิก องค์ประกอบของทีม - ความรู้ความสามารถ - ความสามัคคี ฯ รูปที่ 8.2 ประสิทธิภาพของทีม

20 ลักษณะของทีม 1. ขนาดของทีม 2. บทบาทของสมาชิก

21 Ex.ม.กท. ลักษณะของทีม ขนาดของทีม
- ขนาดที่เหมาะสมสำหรับทีม เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกำหนดได้ว่าควรมีจำนวนมากน้อยเพียงใด Ex.ม.กท. - ข้อดี - ข้อเสีย บทบาทของสมาชิก -บทบาทที่เน้นสังคมสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น -บทบาทสมาชิกในทีมเน้นการทำงานเป็นหลัก -ผู้บริหารควรมีการสร้างทีมงานที่มีความรู้ความสามารถ -ผู้บริหารต้องรักษาความสมดุลระหว่าง การให้ความสำคัญด้านงาน และการให้ความสัมพันธ์ด้านความสัมพันธ์ของสมาชิกในทีมไปพร้อมกัน

22 ประสิทธิภาพของทีม (Team Effectiveness)
เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ - การจ่ายผล ตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ ฯลฯ กระบวนการภายในทีม - พัฒนาการของทีม - ความยึดเหนี่ยว - บรรทัดฐานของทีม - การบริหารความ ขัดแย้ง ประสิทธิภาพของทีม - ผลงานของทีม - ความพึงพอใจของ สมาชิกในทีม ประเภทของทีม - ทีมงานเพื่อแก้ปัญหา - ทีมงานบริหารตนเอง - ทีมร่วมสายงาน - ทีมข้ามสายงาน คุณลักษณะของทีม - ขนาดของทีม - บทบาทของสมาชิก องค์ประกอบของทีม - ความรู้ความสามารถ - ความสามัคคี ฯ รูปที่ 8.2 ประสิทธิภาพของทีม

23 กระบวนการทำงานภายในทีม
1. พัฒนาการของทีม (Team Development) การก่อตั้ง (Forming) การระดมความคิด (Storming) การสร้างบรรทัดฐาน (Norming) การปฏิบัติงาน (Performing) การสลายทีม (Adjourning)

24 กระบวนการภายในทีม พัฒนาการของทีม รูปที่ 9.2 พัฒนาการของทีม 
ขั้นที่ 1 ขั้นการก่อตัว (Forming) ขั้นที่ 2 ขั้นการแตกแยก (Storming) ขั้นที่ 3 ขั้นการสร้างบรรทัดฐาน (Norming) ขั้นที่ 4 ขั้นการปฏิบัติงาน (Performing) ขั้นที่ 5 ขั้นการสลายตัว (Adjourning) รูปที่ 9.2 พัฒนาการของทีม

25 ขั้นที่ 1 การก่อตั้ง (Forming)
-สมาชิกของทีมยังไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน -โครงสร้างทีมและภาวะผู้นำยังไม่ชัดเจน -ผู้บริหารต้องให้ความสนใจและกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนรู้สึกถึงคุณค่าในการเป็นสมาชิกของทีม -ควรให้เวลาสมาชิกทีม สร้างความคุ้นเคยและสร้างมนุษยสัมพันธ์ระหว่างกัน ขั้นที่ 2 การแตกแยก (Storming) -ขั้นที่ถือว่ามียุ่งยาก สับสน และซับซ้อนในการสร้างทีมมากที่สุด -ความขัดแย้งนี้จะเป็นลักษณะตามธรรมชาติที่สมาชิก แต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน -สมาชิกจะมีการเรียนรู้ความแตกต่างของแต่ละคนและเริ่มหาแนวทางที่เป็น “ลักษณะเฉพาะของทีม” -ผู้บริหารควรให้การสนับสนุนสมาชิกทีมในการเสนอแนะความคิด ข้อแตกต่างและข้อขัดแย้ง ที่เกี่ยวกับการทำงานและเป้าหมายของทีม

26 ขั้นตอนที่ 3 การสร้างบรรทัดฐาน (Norming)
- ทีมเริ่มพิจารณาถึงวิสัยทัศน์ของทีมในระยะยาว พร้อมกับวิธีการทำงานร่วมกันที่จะทำให้งานบรรลุวิสัยทัศน์ - นำไปสู่การพัฒนาค่านิยมร่วม(Shared Value)หรือวัฒนธรรมองค์การ(Culture) - ผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับความสามัคคีเพื่อช่วยกำหนดเป้าหมายและค่านิยมของทีม ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติงาน (Performing) -สมาชิกในทีมปฏิบัติงานเพื่อบรรลุเป้าหมายผลงานที่แสดงออกมาจะเป็นผลงานตามศักยภาพทีม -สมาชิกอาจมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทในทีมเมื่อมีความจำเป็น -ผู้บริหารมีความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น -สมาชิกในทีมมีอิสระเพียงพอในการปฏิบัติงาน

27 ขั้นตอนที่ 5 การเลิกทีม (Adjourning)
-การปฏิบัติงานได้เสร็จสิ้นภารกิจลง -ผู้บริหารจะต้องให้สมาชิกเกิดความรู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จในงาน -มีการเลี้ยงฉลอง มอบรางวัล ประกาศเกียรติคุณ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีก่อนทีมจะสลายตัว -มีการประเมินผลของสมาชิกทีมเพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมในการสร้างทีมต่อไปในระยะยาว

28 2. บรรทัดฐานของทีม (Team Norms)
-เป็นพฤติกรรมที่ทีมคาดหวังจากสมาชิกของทีม -เปรียบเสมือนเป็นกติกาหรือมาตรฐานอย่างไม่เป็นทางการที่จะชี้นำให้สมาชิกแสดงพฤติกรรม -บรรทัดฐานไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นสิ่งที่สมาชิกจะต้องเรียนรู้และเข้าใจเอง -บรรทัดฐานอาจมีนอกเหนือจากงานก็ได้  คุณภาพของงาน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การมีส่วนร่วม การแสดงความคิดเห็น ฯ

29 3. ความยึดเหนี่ยวของทีม (Team Cohesiveness)
-เกิดจากการที่ทีมมีความสนใจและจูงใจสมาชิกให้คงอยู่กับทีม -เมื่อทีมมีความยึดเหนี่ยวสูง สมาชิกจะมีค่านิยมต่อการเป็นสมาชิกภาพของทีมอย่างเข้มแข็ง -ถ้าความเหนียวแน่นของทีมต่ำ ทีมจะไม่เป็นที่สนใจของสมาชิก และความต้องการเป็นสมาชิกของทีมน้อย

30 ความยึดเหนี่ยวมีปัจจัยที่สำคัญ 2 ปัจจัย
1. โครงสร้างของทีม (Team Structure) 1.1 ระดับการปฏิสัมพันธ์ของสมาชิกในทีม 1.2 เป้าหมายร่วมของทีม 1.3 ลักษณะส่วนตัวของสมาชิก 2. สภาพแวดล้อมของทีม (Team Context) 2.1 ระดับความรุนแรงของการแข่งขัน 2.2 ความสำเร็จของทีมในการประเมินทีมจากบุคคลภายนอก

31 ความสัมพันธ์ของความยึดเหนี่ยวของทีมและบรรทัดฐานของทีม
สูง ความยึดเหนี่ยว ของทีม ต่ำ การบรรลุเป้าหมายของทีมสูง แต่ผลงานขององค์การต่ำสุด การบรรลุเป้าหมายของทีม และผลงานขององค์การสูง และผลงานขององค์การต่ำ การบรรลุเป้าหมายของทีมและผลงานขององค์การปานกลาง ลบ บวก บรรทัดฐานของทีม

32 การสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ
1. ประโยชน์ของทีมงาน 1.1 การสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับสมาชิก 1.2 การสร้างความมั่นคงในอาชีพ 1.3 การเพิ่มความรู้และทักษะในการทำงาน 1.4 การนำความคิดสร้างสรรค์มาใช้ 1.5 การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

33 2. อุปสรรคในการทำงานเป็นทีม
2.1 ความแตกต่างระหว่างบุคคล 2.2 การมีส่วนร่วมในงานอย่างไม่เท่าเทียมกัน 2.3 การเพิ่มต้นทุนในการประสานงาน 2.4 การขาดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม 2.5 การเปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน

34 การสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาทีมให้มีประสิทธิภาพ 1. การสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน 2. การติดต่อสื่อสารแบบเปิดเผย 3. การสร้างความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน 4. การร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเชิงสร้างสรรค์ 5. การพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง

35 ประสิทธิภาพของทีม (Team Effectiveness)
เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ - การจ่ายผล ตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ ฯลฯ กระบวนการภายในทีม - พัฒนาการของทีม - ความยึดเหนี่ยว - บรรทัดฐานของทีม - การบริหารความ ขัดแย้ง ประสิทธิภาพของทีม - ผลงานของทีม - ความพึงพอใจของ สมาชิกในทีม ประเภทของทีม - ทีมงานเพื่อแก้ปัญหา - ทีมงานบริหารตนเอง - ทีมร่วมสายงาน - ทีมข้ามสายงาน คุณลักษณะของทีม - ขนาดของทีม - บทบาทของสมาชิก องค์ประกอบของทีม - ความรู้ความสามารถ - ความสามัคคี ฯ รูปที่ 8.2 ประสิทธิภาพของทีม

36 การบริหารความขัดแย้งในทีม
ความขัดแย้ง (Conflict) เป็นพฤติกรรมของบุคคลหรือกลุ่ม ซึ่งมีเจตนาที่จะยับยั้งและขัดขวางความ ก้าวหน้าหรือความสำเร็จในเป้าหมายของบุคคลหรือ กลุ่มอื่น เนื่องจากมีความต้องการที่ขัดกัน

37 สาเหตุของความขัดแย้ง
1. การแข่งขันเพื่อทรัพยากร 2. การกำหนดอำนาจหน้าที่ไม่ชัดเจน 3. การมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน 4. ความแตกต่างในอำนาจและสถานภาพ 5. ความล้มเหลวในการติดต่อสื่อสาร 6. ความแตกต่างระหว่างบุคคล

38 ความต้องการของผู้อื่น
รูปแบบการบริหารความขัดแย้ง สูง การเสียสละ (Accomodation) การร่วมมือกัน (Collaboration) ความต้องการของผู้อื่น (Cooperativeness) การประนีประนอม (Compromise) การหลีกเลี่ยง (Avoidance) การแข่งขัน (Competition) ต่ำ สูง ความต้องการของตนเอง (Assertiveness)

39 1. การหลีกเลี่ยง (Avoiding)- ต้องการเวลาที่รวบรวมข้อมูลก่อน
พิจารณาแล้วไม่มีโอกาสที่จะชนะหากเผชิญหน้ากัน 2. การแข่งขัน (Competing) - เน้นความต้องการและความรู้สึกของตนเองมากกว่าผู้อื่น - เน้นการใช้อำนาจของตนอย่างเต็มที่ เป็นรูปแบบที่ต้องการผลชนะหรือแพ้ 3. การเสียสละ (Accommodating) - มีระดับการเข้าข้างคนอื่นสูงมากกว่าตนเอง - ต้องการรักษาสัมพันธภาพในอนาคตมากกว่าจะมาขัดแย้งกัน 4. การประนีประนอมกัน (Compromise) – เป็นการพบกันครึ่งทางของทั้งสองฝ่าย - มีอำนาจใกล้เคียงกัน - สองฝ่ายเกิดความพอใจในระดับหนึ่งของผลลัพธ์ 5. การร่วมมือกัน (Collaborating) - เน้นทั้งความต้องการและความรู้สึกทั้ง ของตนเองและฝ่ายตรงกันข้าม

40 ประสิทธิภาพของทีม (Team Effectiveness)
เงื่อนไของค์การ - โครงสร้างองค์การ - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรมองค์การ - การจ่ายผล ตอบแทน - การควบคุม - นโยบายองค์การ ฯลฯ กระบวนการภายในทีม - พัฒนาการของทีม - ความยึดเหนี่ยว - บรรทัดฐานของทีม - การบริหารความ ขัดแย้ง ประสิทธิภาพของทีม - ผลงานของทีม - ความพึงพอใจของ สมาชิกในทีม ประเภทของทีม - ทีมงานเพื่อแก้ปัญหา - ทีมงานบริหารตนเอง - ทีมร่วมสายงาน - ทีมข้ามสายงาน คุณลักษณะของทีม - ขนาดของทีม - บทบาทของสมาชิก องค์ประกอบของทีม - ความรู้ความสามารถ - ความสามัคคี ฯ รูปที่ 8.2 ประสิทธิภาพของทีม

41

42 Any Problem ????


ดาวน์โหลด ppt การบริหารทีมในองค์การ

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google