ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยGeoffrey Griffin ได้เปลี่ยน 6 ปีที่แล้ว
1
Sripatum University CIS514 การสื่อสารคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
Computer Communication and Networks การสื่อสารคอมพิวเตอร์และเครือข่าย Asst.Dr.Surasak Mungsing Sripatum University
2
Internet and Applications
3
The Network Layer in the Internet ชั้นควบคุมเครือข่ายบนระบบอินเตอร์เนต
The IP Protocol IP Addresses Internet Control Protocols OSPF – The Interior Gateway Routing Protocol BGP – The Exterior Gateway Routing Protocol
4
Collection of Subnetworks
ระบบอินเตอร์เนตสามารถเปรียบเทียบได้กับที่รวมของระบบ เครือข่ายย่อยหรือที่เรียกว่าระบบอัตโนมัติ (Autonomous System) ที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
5
The IPv4 (Internet Protocol) header.
The IP Protocol The IPv4 (Internet Protocol) header. รูปแบบที่ใช้ในการส่งข้อมูลเรียกว่า datagram ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วน หัวใช้ในการบอกข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งมีความยาวไม่เกิน 60 ไบต์ (20 ไบต์ แรกใช้บอกข้กำหนดที่เป็นส่วนบังคับ 40 ไบต์ต่อมาใช้เป็นส่วนขยายที่บอก ข้อกำหนดเพิ่มเติมตามความต้องการ) ส่วนหางคือส่วนที่เป็นข้อมูลข่าวสารที่ ต้องการ
6
เขตข้อมูลใน IPv4 Version: หมายเลขรุ่นของ datagram (4 bits)
IHL: ความยาวของ datagram (20 – 60 bytes) Type of services: บอกชนิดของการบริการ (1 byte) Total length: ระบุความยาวของ gatagram ทั้งหมด (2 bytes) Identification: ใช้เก็บหมายเลขข่าวสารกรณีถูกแบ่งออกเป็นหลาย datagram (2 bytes) DF: Do not fragment (1 bit) MF: More fragment (1 bit) ปกติมีค่าเป็น 1 ถ้ามีค่า 0 หมายถึง datagram ตัวสุดท้าย Fragment offset: ใช้บอกว่าแพ็กเกตนี้เป็นส่วนประกอบที่เท่าใดของ datagram (13 bytes) Time to live: ตัวเลขจำนวนเต็ม ใช้นับจำนวนแม่ข่าย (1 byte) Protocol: กฎการรับส่งข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการส่ง datagram ต่อไป (1 byte) Header checksum: ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (2 bytes) Source address, Destination address: ใช้ในการกำหนดที่อยู่ของผู้ส่งและผู้รับ (4 bytes) Options: เป็นส่วนขยายสำหรับ datagram รุ่นใหม่ (4 bytes)
7
The IP Protocol (2) Some of the IP options.
8
IP Addresses-การกำหนดที่อยู่บนอินเตอร์เนต
IP address formats ที่อยู่บนอินเตอร์เนตกำหนดโดยใช้เลขฐานสอง ความยาว 4 ไบต์หรือ 32 บิต ซึ่งจะไม่มีที่อยู่ที่มีหมายเลขซ้ำกันเลย ประกอบด้วยตัวเลข 3 ประเภทคือ เลขบอกพวก(class) เลขบอกเครือข่าย (network) เลขบอกเครื่องแม่ข่าย (Host) การกำหนดที่อยู่แบ่งออกเป็น 5 Class คือ A, B, C, D, และ E
9
รายละเอียดของ Class Class A: บิตแรกเป็น “0” เลขบอกเครือข่ายยาว 7 บิต ประกอบด้วย126 เครือข่าย แต่ละเครือข่ายมี 16 ล้านเครื่องแม่ข่ายบอกด้วยตังเลข 24 บิต ขอบเขตหมายเลขอยู่ที่ ถึง Class B: สองบิตแรกเป็น “10” เลขบอกเครือข่ายยาว 14 บิต ประกอบด้วย 16,382 เครือข่าย แต่ละเครือข่ายมี 65,536 เครื่องแม่ข่าย บอกด้วยเลข 16 บิต ขอบเขตหมายเลขที่อยู่คือ ถึง Class C: สามบิตแรกเป็น “110” เลขบอกเครือข่ายยาว 21 บิต ประกอบด้วย 2,097,152 เครือข่าย แต่ละเครือข่ายมี 254 เครื่องแม่ข่าย บอกด้วยเลข 8 บิต ขอบเขตหมายเลขที่อยู่คือ ถึง Class D: สี่บิตแรกเป็น “1110” ใช้สำหรับการกระจายข้อมูลข่าวสาร แบบหลายจุด ขอบเขตหมายเลขที่อยู่คือ ถึง Class E: ห้าบิตแรกเป็น “11110” สำรองไว้ใช้ในอนาคต ขอบเขต หมายเลขที่อยู่คือ ถึง
10
Special IP addresses มีบางส่วนของเลขที่อยู่ที่ใช้ในความหมายพิเศษ
เลขที่อยู่เป็น 0 ทั้งหมด ใช้สำหรับเครื่องแม่ข่ายใดๆที่เพิ่งจะเริ่มต้นเปิดสวิทช์การทำงานของเครื่อง เลขที่อยู่ขึ้นต้นด้วย 0 แล้วตามด้วยหมายเลขเครื่องแม่ข่าย ใช้ภายในเครือข่ายของตนเอง เป็นการละเลยการเขียนหมายเลขเครือข่าย เลขที่อยู่เป็น 1 ทั้งหมด เป็นการแพร่กระจายข่าวสารไปยังทุกเครื่องแม่ข่ายที่อยู่ภายในเครือข่ายเดียวกัน เลขที่อยู่ที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลขเครือข่ายตามด้วยเลข 1 ทั้งหมด เป็นการแพร่กระจายข่าวสารไปยังทุกเครื่องแม่ข่ายที่อยู่ภายในหมายเลขเครือข่ายที่ระบุ เลขที่อยู่ในลักษณะ 127.xx.yy.zz เป็นเลขสำรอง ใช้สำหรับการทดสอบโปรแกรมโดยเฉพาะ
11
Subnets- เครือข่ายย่อย
ระบบเครือข่ายสถานศึกษาประกอบด้วยระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณของคณะวิชาต่างๆ โฮสทุกตัวที่อยู่ในระบบเครือข่ายเดียวกันจะต้องใช้หมายเลขเครือข่ายเป็นเลขเดียวกันทั้งหมด เครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็นหลายส่วนสำรับการใช้งานภายในองค์กรซึ่งเมื่อมองจากภายนอกแล้วก็ยังคงเป็นระบบเครือข่ายเดียวกัน ในมุมมองของอินเตอร์เนตส่วนประกอบของเครือข่ายเรียกว่าระบบเครือข่ายย่อยหรือ subnet
12
A class B network subnetted into 64 subnets.
13
A class B network subnetted into 64 subnets.
สร้างเครือข่ายย่อยขึ้นมาใช้งาน เราเตอร์หลักจะต้องมี “subnet mask” ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกให้ทราบถึงการแบ่งแยกระหว่างหมายเลขเครือข่ายกับหมายเลขเครือข่ายย่อยและหมายเลขโฮส Subnet mask ในรูปเขียนแบ dotted decimal notation ดังนี้ หรือเขียนในลักษณะ “/22” เพื่อบอกให้ทราบว่า subnet mask นั้นมีความยาว 22 บิต จากตัวอย่างนี้ ระบบเครือข่ายย่อยที่ 1 อาจมีหมายเลขเป็น ระบบเครือข่ายย่อยที่ 2 มีหมายเลขเป็น ระบบเครือข่ายย่อยที่ 3 มีหมายเลขเป็น เป็นต้น หรือเขียนเป็นเลขไบนารีดังนี้ Subnet 1: | Subnet 2: | Subnet 3: |
14
CIDR – Classless InterDomain Routing
ตารางกำหนดหมายเลข IP การกำหนดที่อยู่แบบ class ทำให้ที่อยู่หลายล้านหมายเลขต้องสูญเสียไปโดยไม่มีผู้นำไปใช้งาน Class A มีจำนวนสมาชิกได้มากกว่า 16 ล้านหมายเลข ซึ่งมากเกินไปต่อระบบเครือข่ายย่อยแห่งหนึ่ง ส่วน Class C มีจำนวนที่อยู่ได้ 256 หมายเลข ซึ่งก็น้อยเกินไป สำหรับ Class B มีจำนวนสมาชิกได้65,536 หมายเลข ซึ่งเป็นจำนวนที่เหมาะสมที่สุด (class D และ E สงวนไว้ใช้ต่างหาก) สถานะการณ์เช่นนี้ในสังคมอินเตอร์เนตเรียกว่า “Three bears problems” เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ได้มีการนำแนวคิด”การเลือกเส้นทางเดินข้อมูลโดยใช้โดเมนสากลแบบไม่กำหนดชั้น (CIDR: Classless InterDomain Routing)” มาใช้ ซึ่งเป็นการรวมที่อยู่ใน class C ทั้งหมดเข้าด้วยกันซึ่งมีมากกว่า 2 ล้านเครือข่ายแล้วกำหนดให้เป็นที่อยู่แบบขนาดไม่คงที่
15
ปัญหาการขาดแคลนหมายเลข IP
มีปัญหาเนื่องจากมีการใช้ ADSL มากขึ้น ผู้ใช้ได้รับเลขหมาย IP เป็นการถาวร ผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าบริการเชื่อมต่อในแต่ละครั้งที่ใช้งาน การแก้ปัญหา ผลักดันให้ระบบอินเตอร์เนตเปลี่ยนไปใช้ IPv6 ซึ่งจะใช้หมายเลขที่อยู่ขนาด 128 บิต การแปลงที่อยู่เครือข่าย เป็นวิธีการแก้ปัญหาชั่วคราว โดยมีแนวคิดในการกำหนดหมายเลข IP ให้ประจำแต่ละองค์กร เพียงหมายเลขเดียวหรือให้มีจำนวนน้อยที่สุดภายในองค์กร เครื่องแต่ละเครื่องจะมีหมายเลข IP ที่ไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นเป็นของตนเองซึ่งเตรียมไว้ใช้สำหรับการค้นหาเส้นทางและการจัดส่ง แพ็กเกตภายในองค์กร เมื่อแพ็กเกตจะเดินทางออกจากองค์กรไปยัง ISP กระบวนการแปลงที่ อยู่เครือข่ายจะเกิดขึ้น กระบวนการนี้จะกำหนดให้หมายเลข IP จำนวน 3 กลุ่มเป็นหมายเลข เฉพาะ องค์กรสามารถนำหมายเลข IP ใน 3 กลุ่มนี้ไปใช้ได้โดยอิสระโดยมีกฎว่าจะไม่นำ หมายเลขใดใน 3 กลุ่มนี้ไปใช้กับแพ็กเกตที่จะส่งเข้าสู่ระบบอินเตอร์เนตจริง /8 (16,777,216 โฮส) /12 (1,048,576 โฮส) /16 (165,536 โฮส)
16
NAT – Network Address Translation
Placement and operation of a NAT box.
18
The Internet
19
Internet Internet History and Architecture Internet Control Protocols
Internet-Based Applications
20
Number of Internet Hosts
Number of hosts today is in hundreds of millions, Number of users in billions. Number of participating countries nearing 200
21
(2012)
23
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศเพื่อนบ้าน
28
Switching Methods Circuit Switching: Requires a dedicated communication path for duration of transmission; wastes bandwidth, but minimizes delays Message Switching: Entire path is not dedicated, but long delays result from intermediate storage and repetition of message Packet Switching: Specialized message switching, with very little delay
29
Circuit switching holds all channels
30
Message switching holds one channel at a time
First transmission Second transmission Third transmission Fourth transmission Message switching holds one channel at a time
31
Internet History Evolved from ARPANET (Defense Department’s Advanced Research Projects Agency Network) ARPANET was developed in 1969, and was the first packet-switching network Initially, included only four nodes: University of California, Los Angelis (UCLA), University of California, Santa Babara (UCSB), University of Utah, and SRI(Stanford Research Institute ) For more information visit
32
Early Applications & Protocols
Telnet/FTP (1972/73) Distributed (1972) TCP/IP ( ) DNS (1984)
33
Internet Components
34
NSF(US National Science Foundation) and the Internet
In the 1980s, NSFNET extended packet-switched networking to non-ARPA organization; eventually replaced ARPANet Instituted Acceptable Use Policies to control use CIX (Commercial Internet eXchange) was developed to provide commercial internetworking
35
The World Wide Web Concept proposed by Tim Berners-Lee in 1989, prototype WWW developed at CERN (the European Laboratory for Particle Physics) in 1991 First graphical browser (Mosaic) developed by Mark Andreessen at NCSA (National Center for Supercomputing Applications) in 1993 Client-server system with browsers as clients, and a variety of media types stored on servers Uses HTTP (hypertext transfer protocol) for retrieving files
36
Internet Terminology Central Office (CO):จุดสิ้นสุดของสายของลูกค้าซึ่งเชื่อมต่อกับ สวิทช์เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น Customer Premises Equipment (CPE): อุปกรณ์สื่อสาร โทรคมนาคมที่เป็นของฝ่ายลูกค้า Internet Service Provider (ISP): ผู้ให้บริการอินเตอร์เนต Network Access Point (NAP): จุดเชื่อมต่อหลักซึ่งเชื่อมต่อ ISP ต่างๆเข้าด้วยกัน Network Service Provider (NSP): ผู้ให้บริการเครือข่ายที่เป็น back bone ให้กับ ISP Point of Presence (POP): จุดขอบนอกของเครือข่ายที่เชื่อมต่อเข้า กับอินเตอร์เนต
37
Simplified View of Portion of Internet
38
Connecting to the Internet
End users get connectivity from an ISP (internet service provider) Home users use dial-up, ADSL, cable modems, satellite Businesses use dedicated circuits connected to LANs ISPs use “wholesalers” called network service providers and high speed (T-3, i.e Mbps, or higher) connections
39
Commercial Internet Use
ARPANet and NSF limited use to research and development Early commercial use primarily information dissemination EDI transactions gradually moved to the Internet WWW growth in 1990s has led to increased direct sales
40
Internet Addressing 32-bit global internet address
Includes network and host identifiers Dotted decimal notation (binary) (decimal)
41
Domain Name System (DNS)
32-bit IP addresses have two drawbacks Routers can’t keep track of every network path Users can’t remember dotted decimals easily Domain names address these problems by providing a name for each network domain (hosts under the control of a given entity)
42
Portion of Internet Domain Tree
43
DNS Components Domain name space
Tree-structured name space to identify all internet resources DNS database Stored in a distributed database Name servers Server programs that hold information about a specific portion of the domain name tree Resolvers Programs that extract information from name servers based on client requests
44
Internet Control Protocols
45
Internet Control Protocols
กฎควบคุมการสื่อสารข้อมูลบนอินเตอร์เนตหมายถึง กฎระเบียบที่มีไว้ใช้ในการควบคุมการสื่อสารข้อมูลรวมถึง การแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้น กฎควบคุมฯ 4 แบบ ICMP - Internet Control Message Protocol ARP – Address Resolution Protocol RARP – Reversed Address Resolution Protocol BOOTP – Bootstrap Protocol DHCP – Dynamic Host Configuration Protocol
46
ICMP - Internet Control Message Protocol
เป็นกฎที่ใช้ตรวจสอบและรายงานสถานภาพของ datagram มีการรายงาน 9 แบบ
47
ARP– The Address Resolution Protocol
ARP เป็นโปรโตคอลหรือกฎระเบียบที่ใช้ในการแปลงที่อยู่จากแบบหนึ่งไปเป็นที่อยู่อีกแบบหนึ่ง เช่น แปลงที่อยู่แบบ IP ไปเป็นที่อยู่แบบ ethernet การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย 3 ระบบคือ ethernet 2 ระบบ และ FDDI 1 ระบบ
48
RARP – Reversed Address Resolution Protocol
เป็นวิธีควบคุมการสื่อสารแบบ ARP ย้อนกลับ นั่นคือเมื่อทราบที่อยู่เป็น แบบอินเตอร์เนตแล้วต้องการแปลงที่อยู่เป็น IP เครื่องคอมพิวเตอร์ที่พึ่งจะเริ่มทำงาน(หรือเครื่องใดก็แล้วแต่)จะส่ง คำถามออกไปในทำนอง “ที่อยู่ขนาด 48 บิตแบบ ethernet ของฉันคือ มีใครทราบที่อยู่ IP ของฉันบ้าง” เครื่องที่ให้บริการ RARP จะตรวจดูข้อมูลในตารางข้อมูลของตนเองแล้วจึงส่งหมายเลข IP กลับไปให้ ช่วยให้เกิดความอ่อนตัวและประสิทธิภาพการใช้หมายเลข IP เนื่องจาก ไม่มีหมายเลข IP เป็นของตนเอง ผู้ควบคุมระบบสามารถกำหนด หมายเลข IP ใดๆที่ไม่มีผู้ใช้งานในขณะนั้นให้ใช้ได้ หมายเลข IP ในที่นี้ จึงเป็นเสมือนสมบัติส่วนกลางที่ทุกคนใช้ร่วมกัน
49
BOOTP – Bootstrap Protocol
ข้อด้อยของวิธี RARP คือการที่ผู้ใช้ส่งคำถามโดยใช้หมายเลข 1 จำนวน 48 ตัวเป็นที่อยู่ของผู้ให้บริการซึ่งเราเตอร์จะไม่ยอมส่ง แพ็กเกตนี้ผ่านไปยังเครือข่ายอื่น BOOTP ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อ แก้ปัญหานี้โดยการใช้แพ็กเกต UDP แทน เมื่อมีโฮสใหม่ถูกเพิ่มเข้าสู่เครือข่ายโอสนั้นจะไม่สามารถใช้ BOOTP ได้จนกว่าผู้ดูแลระบบจะใส่ข้อมูลคือ หมายเลข IP และ หมายเลข ethernet ของโฮสนั้นเข้าสู่ตารางข้อมูลเสียก่อน เพื่อเป็นการแก้ปัญหา BOOTP จึงถูกพัฒนาไปเป็นวิธีใหม่ เรียกว่า DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol)
50
Dynamic Host Configuration Protocol
เป็นวิธีที่สามารถใส่หมายเลข IP ของโอสให้ได้ทั้งแบบอัตโนมัติและให้ผู้ดูแลระบบเป็นผู้ป้อนข้อมูล วิธี DHCP ต้องอาศัยเครื่อง server พิเศษเครื่องหนึ่งที่จะเป็นผู้มอบหมายเลข IP ให้แก่โฮสที่ร้องขอ เครื่อง server นี้ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ภายในระบบเครือข่ายเดียวกันกับโฮสที่ร้องขอ โดยจะมี DHCP relay agent ประจำในแต่ละวงเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดข่าว การทำงานของ DHCP
51
โปรโตคอลเลือกทางเดินของเกตเวย์ภายใต้เครือข่ายแบบ OSPF
ในระยะเริ่มแรก โปรโตคอลสำหรับเกตเวย์ในเครือข่ายคือโปรโตคอล เลือกเส้นทางแบบตารางระยะทาง (RIP-Routing Information Protocol) ซึ่งใช้งานได้ดีในระบบขนาดเล็ก เมื่อระบมีขนาดใหญ่จะมี ปัญหาความล่าช้าในการค้นหาคำตอบ OSPF (Open Shortest Path First) ถูกพัฒนาขึ้นโดย คณะทำงาน IETF ในปี 1988 และได้กลายมาเป็นมาตรฐานในปี 1990 OSPF สนับสนุนการติดต่อและเครือข่ายได้ 3 แบบ แบบจุด-ต่อ-จุด ซึ่งเป็นการติดต่อกันระหว่างเราเตอร์สองตัว แบบการสื่อสารข้อมูลหลายจุดที่สนับสนุนการกระจายข่าวส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายเฉพาะที่ แบบการสื่อสารข้อมูลหลายจุดที่ไม่สนับสนุนการกระจายข่าว เช่นระบแพ็กเกตสวิทช์
52
Router Types OSPF แบ่งประเภทของเราต์เตอร์ออกเป็น 4 ประเภทคือ
Internal Router – เราเตอร์ภายในเขตย่อยที่อยู่ ภายในเขตย่อยเดียวกัน Area Border Router- เราเตอร์ชายแดนที่เชื่อมต่อ กับเขตย่อยตั้งแต่สองเขตขึ้นไป Backbone Router - เราเตอร์ในเขตระบบสื่อสาร หลัก AS Border Router - เราเตอร์ที่เชื่อมต่อระหว่าง ระบบเครือข่ายอัตโนมัติ
53
The five types of OSPF messages.
เราเตอร์ทุกตัวสามารถทราบข่าวสารของเราเตอร์ตัวอื่นได้โดยการร้องขอข้อมูลผ่านแพ็กเกต บอกสถานะการเชื่อมต่อ ดังนั้นเราเตอร์ที่อยู่ติดกันจะสามารถแลกเปลี่ยนข่าวสารที่ทันสมัยระหว่างกันได้เสมอ The five types of OSPF messages.
54
โปรโตคอลเลือกทางเดินของเกตเวย์ภายนอกเครือข่ายแบบ BGP
การเลือกทางเดินภายในจะคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่การเลือก ทางเดินระหว่างเครือข่ายจะต้องนำนโยบายของแต่ละระบบมาร่วม พิจารณาด้วย นโยบายที่ใช้กันทั่วไปในระบบเครือข่ายอัตโนมัติจะเกี่ยวข้องกับ การเมือง การรักษาความปลอดภัย และการพาณิชย์ เช่น ไม่อนุญาตให้ฝากข้อมูลผ่านบางพื้นที่ ไม่ส่งข้อมูลของ IBM® ผ่านระบบของ Microsoft® ไม่ส่งข้อมูลออกนอกเขตประเทศไทยยกเว้นเป็นการสื่อสารระหว่างประเทศ ไม่ส่งข้อมูลผ่านระบบทหารเครือข่ายทหาร ยกเว้นในกรณีที่ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่เลือกระบบ นนทรีเน็ท ไว้ในเส้นทางที่เริ่มต้นจาก NECTEC ฯลฯ นโยบายของแต่ละแห่งจะถูกบันทึกไว้ในเราเตอร์ BGP แต่ละตัวในลักษณะของข้อมูล
56
Internet Application: พาณิชอิเลคทรอนิคส์ ( E-Commerce)
57
What Is E-Commerce? Financial business transaction that occurs over an electronic network Sometimes called e-business
58
E-commerce that takes place using mobile devices
What Is E-Commerce? How are e-commerce transactions conducted? Primarily through desktop computers Wirelessly using handheld Web-enabled devices M-commerce E-commerce that takes place using mobile devices
59
What is a bricks-and-mortar business?
What Is E-Commerce? What is a bricks-and-mortar business? Company with a physical location, such as Wal-Mart or Kmart
60
What is a clicks-and-mortar business?
What Is E-Commerce? What is a clicks-and-mortar business? Company with a bricks-and-mortar location as well as an online presence Some companies have online presence without physical locations E*Trade and Amazon.com
61
E-Commerce Business Models
What is business-to-consumer (B-to-C or B2C) e- commerce? Sale of products or services from a business to the general public
62
E-Commerce Business Models
How might a B2C e-commerce business operate? 1: Customers buy products and services online INTERNET INTERNET 2: Network contains Web hosting, security, and backup 3: Warehouse receives and fulfills order
63
E-Commerce Business Models
What is consumer-to-consumer (C-to-C or C2C) e-commerce? Individuals using Internet to sell products to other individuals Online auction, such as eBay
64
E-Commerce Business Models
What is peer-to-peer (P2P) e-commerce? Users connect to each other’s hard disks and exchange files directly Consumer can pay another consumer to copy file
65
E-Commerce Business Models
What is business-to-business (B-to-B or B2B) e-commerce? Sale and exchange of products and service between businesses Many businesses engage in both B2B and B2C Supply chain creates and distributes products
66
E-Commerce Business Models
What is business-to-employee (B-to-E or B2E) e-commerce? Also called intrabusiness Use of intranet technology to handle activities that take place within a business Increases profits by reducing expenses within a company
67
E-Commerce Business Models
What are some advantages of e-commerce? Global market 24/7 Businesses have access to 459 million people with Internet access Customers can conduct price comparisons easily Feedback can be immediate Changing information can be available quickly FAQ (frequently asked questions) pages can provide easy access to customer support Ability to gather customer information, analyze it, and react New and traditional approaches to generating revenue Manufacturers can buy and sell directly, avoiding the cost of the middleman Distribution costs for information reduced or eliminated Options to create a paperless environment
68
E-Commerce Revenue Streams
What is a revenue stream? software rentals direct sales of a product or service Method a business uses to generate income Single Web site may use more than one method of generating revenue advertising electronic software distribution Web hosting subscriptions online storage services Internet access
69
E-Commerce Revenue Streams
What is electronic software distribution (ESD)? Sale of digital products such as software, music, movies, books, and photographs Purchase entitles you to download one copy of item
70
E-Commerce Revenue Streams
What is advertisement revenue? advertisement Sites earn commissions from advertising sponsor when visitors make purchases as a result of clicking advertisement on Web page
71
E-Commerce Revenue Streams
What is a Web hosting service? Assists people and companies in hosting their Web site Provides hardware, software, and communications required for a Web server Some provide services that include managing payments and tracking inventory Web server Computer that delivers Web pages to users
72
The E-Retailing Market Sector
add to cart What is an electronic storefront? Web site where e-retailer displays its products Shopping cart allows customer to collect purchases Also called online catalog
73
Other E-Commerce Market Sectors on the Web
What is online banking? Pay bills from your computer Transfer money electronically from your account to a payee’s account
74
Other E-Commerce Market Sectors on the Web
What is online trading? Invest online in stocks, options, bonds, treasuries, CDs, money markets, annuities, and mutual funds without using a broker Transaction fees are less expensive
75
Other E-Commerce Market Sectors on the Web
What travel services are available on the Web? Driving directions and maps Airline, hotel, and car reservations
76
Other E-Commerce Market Sectors on the Web
What is a shopping bot? Web site that searches for the best price on a specific product Also called a shopbot
77
Next Lecture Wireless Networks
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.