ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
การออกแบบฐานข้อมูลในระดับตรรกะ
Logical Database Design สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
2
วัตถุประสงค์ อธิบายความแตกต่างระหว่างระบบแฟ้มข้อมูล (file processing systems) และระบบจัดการฐานข้อมูล (database systems) ได้ อธิบายถึงองค์ประกอบของระบบการจัดการฐานข้อมูล (database management system- DBMS) ได้ เข้าใจแนวความคิดของแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ซึ่งประกอบด้วย entities, fields, records, files, tables, และ key fields ออกแบบความสัมพันธ์ของข้อมูลและเขียนเป็น แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล entity-relationship diagram : E-R Diagram) ทราบความหมายของ cardinality, cardinality notation, และ crow’s foot notation สามารถเขียนสามารถแปลงแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ให้อยู่ในรูปของตารางในแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ได้ สามารถใช้ทฤษฏี normalization โดยปรับให้ตารางอยู่ในรูปแบบของ first, second และ third normal form สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
3
System development life cycle with logical design phase highlighted
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
4
แนวความคิดเกี่ยวกับฐานข้อมูล
การจัดการกับข้อมูลใช้เดิมใช้ ระบบแฟ้มข้อมูล (file processing systems) แต่มีข้อเสียมากเนื่องมาจากขาดความยืดหยุ่นในการแก้ไข และมีความซ้ำซ้อนของข้อมูล ระบบแฟ้มข้อมูลนั้นต้องอาศัยโปรแกรมเมอร์ที่มีความชำนาญเพื่อพัฒนาโปรแกรมในการอ่านข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลนำมาประมวลผล โดยทั่วไปภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เช่นภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาฟอร์แทน(FORTAN) และภาษาเบสิก (BASIC) ภาษาซี ( C ) สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
5
file processing systems
Duplicate Data สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
6
การเขียนโปรแกรมรับข้อมูลทางแป้นพิมพ์และเขียนข้อมูลลงแฟ้มข้อมูล ในภาษา Pascal
Program File_write; TYPE Student = RECORD ID : String[8]; Name : String[40]; GPA : Real; End; VAR f : FILE OF Student; s : Student; count : integer; Begin Assign(f,’student.dat’) Rewrite(f); Count := 1; While count <= 5 Do Readln(s.ID,s.Name); Readln(s.GPA); Write(f,s); count := count+1; Close(f); End. การนิยามโครงสร้างของข้อมูลในแฟ้มข้อมูล ได้แก่ ชื่อฟิลด์ และขนาดของฟิลด์ไว้ ในส่วนนิยามข้อมูล ด้วยเหตุนี้ทำให้การพัฒนาโปรแกรมแต่ละโปรแกรมขึ้นใช้งานนั้นผูกติดกับแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องโครงสร้างข้อมูลและตัวโปรแกรมไม่เป็นอิสระต่อกัน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแฟ้มข้อมูลใดแฟ้มข้อมูลหนึ่งจำเป็นต้องแก้ไขโปรแกรมต่าง ๆ ที่มีการเรียกใช้ข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลนั้นด้วย สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
7
ปัญหาในการจัดการข้อมูลด้วยแฟ้มข้อมูล
ปัญหาความซ้ำซ้อนกันของข้อมูลและความขัดแย้งกันของข้อมูล ( Data redundancy and inconsistency ) ความยากในการเข้าถึงข้อมูล (Difficulty in accessing data) ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของข้อมูล (Data Isolation) การกำหนดความถูกต้องของข้อมูล (Integrity problem) ปัญหาที่เกิดจากการ Update ข้อมูลที่อยู่อย่างกระจัดกระจาย (Atomicity of Update ) ปัญหาการใช้ข้อมูลตัวเดียวพร้อมกันจากผู้ใช้หลายคน (Concurrent access by multiple users) ความปลอดภัยของข้อมูล (Security problem) สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
8
ระบบฐานข้อมูล (Database System)
แนวคิดของระบบฐานข้อมูล คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความสัมพันธ์ไว้ในที่เดียวกัน ซึ่งจากเดิมการจัดเก็บอยู่ในแฟ้มข้อมูลที่ถูกจัดเก็บแบบกระจายไปตามหน่วยงาน โดยการจัดเก็บในรูปของฐานข้อมูลจะเป็นแหล่งศูนย์รวมของข้อมูลจากแผนกต่างๆ ผู้ใช้งานแต่ละแผนกสามารถใช้ข้อมูลจากส่วนกลางนี้ได้ ลดความซ้ำซ้อนกันของข้อมูล สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
9
ระบบการจัดการฐานข้อมูล (Database Management System: DBMS)
ระบบจัดการฐานข้อมูล หรือมักเรียกสั้น ๆ ว่า DBMS คือ โปรแกรมที่ใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการฐานข้อมูล ซึ่ง DBMS จะประกอบด้วยฟังก์ชันหน้าที่ต่าง ๆ ในการจัดการกับข้อมูล รวมทั้งภาษาที่ใช้ทำงานกับข้อมูล DBMS จะเป็นตัวกลางระหว่าง ฐานข้อมูล กับ ผู้ใช้ โดยจะทำหน้าที่ในการสร้าง เรียกใช้ และการปรับปรุงข้อมูล สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
10
Database System DBMS สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
containing centralized shared data Application #1 #2 #3 สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
11
ความสำคัญของระบบฐานข้อมูล
ลดการเก็บข้อมูลที่ซ้ำซ้อน รักษาความถูกต้องของข้อมูล การป้องกันและการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล ทำได้สะดวก สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ มีความเป็นอิสระของข้อมูล สามารถขยายงานได้ง่าย ทำให้ข้อมูลบูรณะกลับสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็วและมีมาตรฐาน สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
12
สถาปัตยกรรมของฐานข้อมูล (Database Architecture)
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
13
ขั้นตอนการออกแบบฐานข้อมูล
แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ Conceptual Design Logical Design Physical Design สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
14
ขั้นตอนการออกแบบฐานข้อมูล
Conceptual Design : การอธิบายถึงข้อมูลและความสัมพันธ์กันของข้อมูลในระบบที่เราวิเคราะห์มา โดยกำหนดว่าจากความต้องการของผู้ใช้ จะต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง และข้อมูลแต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันอย่างไร และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง แสดงโดยใช้ High-level conceptual data model ในที่นี้เราใช้ E-R Model Logical Design : จากโครงสร้างของฐานข้อมูลที่ได้จากการออกแบบฐานข้อมูลในระดับ Conceptual แล้วนำโครงสร้างนั้นมาอิงกับ Data Model เพื่อแปลงเป็นตาราง (Relational Data Model) หรือความสัมพันธ์ตามแนวคิดของ Data Model จากนั้นต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างของฐานข้อมูลให้มีความซ้ำซ้อนกันน้อยที่สุด โดยใช้ทฤษฎีการทำ Normalization Physical Design : จากนั้นเป็นขั้นตอนการ implement โดยนำ DBMS มาใช้ implement ผลลัพธ์ที่ได้ คือ database schema และขั้นตอนสุดท้าย คือการออกแบบการจัดเก็บข้อมูลลงใน disk เป็นเรื่องของ internal storage structure การเข้าถึงข้อมูลจะทำอย่างไร สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
15
แบบจำลองฐานข้อมูล (Database Model)
แบบจำลองฐานข้อมูล คือ เทคนิคที่ใช้ในการจัดโครงสร้างและรูปแบบในการนำเสนอความสัมพันธ์ของข้อมูล สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
16
แบบจำลองฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database)
Relational Model ถูก introduced โดย Ted Codd ในปี 1970 ซึ่ง Relational Model represent ข้อมูลอยู่ในรูปตาราง 2 มิติ เรียกตารางนี้ว่า Relation แต่ละคอลัมน์ของตารางความสัมพันธ์ เรียกว่า แอททริบิว(attribute) ของความสัมพันธ์ ค่าและขอบเขตของข้อมูลของแอททริบิวเรียกว่า โดเมน(Domain) แต่ละแถวของตารางความสัมพันธ์ เรียกว่า แถว (Row) หรือ ทูเพิล(tuple) ของความสัมพันธ์ แต่ละแถว (Row) จะต้องไม่ซ้ำกัน ไม่มีลำดับของแถว (Row) ข้อมูลในแต่ละคอลัมน์จะต้องเป็นหนึ่งเดียว customer-name Main North Park customer-street Harrison Rye Pittsfield customer-city attributes (or columns) tuples (or rows) Jones Smith Curry Lindsay สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
17
ตัวอย่างของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
18
Relational Integrity Constraint
Constraint คือ เงื่อนไข, ข้อจำกัด ที่ทุก ๆ Relation instances ต้องยึดถือ Three main type of constraint 1. Key constraint 2. Entity integrity constraint 3. Referential integrity constraint สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
19
Key constraint ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์จะจัดเก็บข้อมูลในตาราง 2 มิติ ที่ประกอบด้วยจำนวนแถวและคอลัมน์ซึ่งจำเป็นต้องมีการกำหนดคอลัมน์หรือกลุ่มของคอลัมน์เพื่อใช้ในการระบุแถวต่าง ๆ เพื่อทำให้แต่ละแถวมีความแตกต่างกันหรือมีความเป็นเอกลักษณ์ (Uniqueness property) ซึ่งเรียกว่า คีย์ Superkey คือ แอททริบิวต์หรือกลุ่มของแอททริบิวต์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ (uniquely) ของแต่ละ Row ใน Relation Candidate key คือ คีย์คู่แข่ง ซึ่งก็คือ Superkey โดยจะไม่มีสับเซต ของคีย์ใดในคีย์คู่แข่งที่สามารถกำหนดเป็น superkey ได้อีก Primary Key (PK) คือ Candidate key นั่นเอง แต่เป็น Candidate key ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อให้คีย์หลัก และใช้ในการอ้างอิงความเป็นเอกลักษณ์ของ Relationนั้น ๆ Alternate Key คือ Candidate Key อื่นๆ ที่ไม่ได้เป็น Primary Key Foreign key (FK) คือคีย์นอก Primary Key (PK) ของ Relationหนึ่งและไปปรากฏเป็น Attribute ในอีกรีเลชั่นหนึ่ง ซึ่ง Foreign key (FK) จัดเป็นคีย์ที่สำคัญมากในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เพราะว่าเป็นตัวชี้ในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง Table สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
20
Entity integrity constraint
“Primary Key ของแต่ละ Table ไม่สามารถมีค่าเป็น Null ได้” ** Null คือ ไม่ทราบค่าหรือ ไม่มีค่า Referential Integrity “ค่าของ foreign key จะต้องมาจากค่าของ primary key หรือไม่ก็มีค่าเป็น Null” สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
21
แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล (Entity-Relationship Diagram)
องค์ประกอบที่สำคัญของ E-R Diagram Entity, Associative Entity Attribute Relationship Relationship Degree Relationship Cardinality สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
22
สัญลักษณ์ที่ใช้ใน E-R Diagram
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
23
ตัวอย่าง E-R Diagram สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
24
Transforming ER Diagrams into Relations
1.สำหรับ Regular Entities ให้สร้างเป็น 1 Relationโดย Simple attributes: จะกลายเป็น attributes ของ Table Composite attributes: เอา ส่วนประกอบย่อยของ Composite attribute มาเป็น attributes ของ Table Multi-valued Attribute – สร้าง Relationขึ้นมาใหม่ประกอบด้วย Attribute ที่เป็น Multivalues และใช้ Primary Key จาก Entity หลักร่วมกับ attributes ใน Relationนั้น สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
25
Mapping a regular entity
(a) CUSTOMER entity type with simple attributes (b) CUSTOMER relation สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
26
Mapping a composite attribute
(a) CUSTOMER entity type with composite attribute (b) CUSTOMER relation with address detail สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
27
Multivalued attribute becomes a separate relation with foreign key
Mapping a multivalued attribute (a) Multivalued attribute becomes a separate relation with foreign key (b) 1 – to – many relationship between original entity and new relation สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
28
Transforming ER Diagrams into Relations
2. สำหรับ Weak Entities ให้สร้าง Relationขึ้นมาใหม่ โดย Attribute คือ Attribute ของ Weak Entities รวมกับ Primary Key ของ Strong Entity สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
29
Example of mapping a weak entity
(a) Weak entity DEPENDENT สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
30
Relations resulting from weak entity
NOTE: the domain constraint for the foreign key should NOT allow null value if DEPENDENT is a weak entity Foreign key Composite primary key สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
31
Transforming ER Diagrams into Relations
3. สำหรับความสัมพันธ์ แบบ Binary Relationships One-to-Many – เอา Primary key ของ Entity ฝั่ง One มาเป็น foreign key ให้ Relationของ Entity ฝั่ง many Many-to-Many – สร้าง Relationขึ้นมาใหม่ โดยเอา primary keys ของทั้งสอง Entity มาเป็น primary key ร่วมกัน One-to-One – เอา Primary key ของ Entity ที่มีความสัมพันธ์ แบบ mandatory (บังคับให้ทุกสมาชิกใน Entity เข้าร่วมในความสัมพันธ์) มาเป็น foreign key ใน Relationของ Entity ฝั่งที่เป็น optional สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
32
Example of mapping a 1:M relationship
(a) Relationship between customers and orders Note the mandatory one สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
33
Mapping the relationship
Again, no null value in the foreign key…this is because of the mandatory minimum cardinality Foreign key สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
34
Example of mapping an M:N relationship
(a) ER diagram (M:N) The Supplies relationship will need to become a separate relation สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
35
New intersection relation
Three resulting relations Composite primary key New intersection relation Foreign key สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
36
Mapping a binary 1:1 relationship
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
37
Resulting relations สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
38
Transforming ER Diagrams into Relations
4. สำหรับความสัมพันธ์ แบบ Unary Relationships One-to-Many – เอา Primary Key ของ Entity ของตัวเองมาเป็น foreign key อีกครั้งหนึ่ง Many-to-Many – สร้าง Relationขึ้นมาใหม่ โดยTwo relations: สร้างขึ้นมาใหม่อีก 1 Relationแล้วเอา Primary Key ของ Entity ตัวเองมาเป็น Primary Key ร่วมกับ Attribute ใหม่ที่สร้างขึ้นมาให้ร่วมกันแล้วมีคุณสมบัติ Unique สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
39
Mapping a unary 1:N relationship
(a) EMPLOYEE entity with Manages relationship (b) EMPLOYEE relation with recursive foreign key สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
40
Figure 5-18: Mapping a unary M:N relationship
(a) Bill-of-materials relationships (M:N) (b) ITEM and COMPONENT relations สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
41
แบบฝึกหัด Mapping E-R Diagram เป็น Relation (Table)
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
42
สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
43
Normalization Normalization คือ กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างข้อมูลของฐานข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อนให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นบรรทัดฐาน Normal Form มีอยู่ 3 ระดับด้วยกัน คือ 1. Normal Form ระดับที่ 1 หรือเรียกว่า 1NF 2. Normal Form ระดับที่ 2 หรือเรียกว่า 2NF 3. Normal Form ระดับที่ 3 หรือเรียกว่า 3NF นอกจากนี้ยังมีระดับที่ทำให้ Normal Form ระดับที่ 3 มีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เรียกว่า BCNF ( Boyce-Codd Normal Form) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย R.Boyce และ E.F.Codd โดย Normal Form ทุกระดับตั้งอยู่บนพื้นฐานของฟังก์ชันการขึ้นต่อกันระหว่างแอททริบิวต์ของ Relation ( Functional Dependency ) Normal Form ในระดับที่สูงขึ้นไปอีกที่อยู่ถัดจาก BCNF ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้น คือ Normal Form ระดับที่ 4 ( 4NF) และระดับที่ 5 (5NF) ซึ่งพัฒนาโดย Fagin(1977,1979) อย่างไรก็ตามรูปแบบ 4NF และ 5NF ในทางปฏิบัติถือว่าเกิดขึ้นได้ยากมาก สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
44
วัตถุประสงค์ในการทำให้เป็นรูปแบบบรรทัดฐาน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่จัดเก็บในแต่ละรีเลชัน ทำให้เกิดประโยชน์ดังนี้ ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูล ลดปัญหาขาดความถูกต้องของข้อมูล ลดปัญหาที่เกิดจากการปรับปรุง เพิ่มเติม และลบข้อมูล สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
45
กระบวนการ Normalization
Steps in normalization สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
46
First Normal Form (1NF) “Relation ที่อยู่ในรูป 1NF ถ้า ค่าของ Attribute เป็น atomic นั่นคือ มีค่าเพียงค่าเดียวเท่านั้น ไม่สามารถแบ่งแยกได้” สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
47
Normalization into 1 NF Dname Dnumber Dmgrssn Dlocation
Research {Bellaire,sugarland,houston} Administration stafford Headquarter Houston Relation schema that is not in 1NF 1NF relaton with redundancy Dname Dnumber Dmgrssn Dlocation Research Bellaire Research sugarland Research houston Administration stafford Headquarter Houston สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
48
ฟังก์ชันการขึ้นตรงต่อกัน (Functionally Dependent :FD)
ใน Relation ใดๆ Attribute Y เป็น FD กับ Attribute X ก็ต่อเมื่อ ถ้าทราบค่า X จะต้องทราบค่าของ Y สัญลักษณ์ S.SID S.SName S.SID S.City S.SID S.(SName,City) สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
49
2st Normal Form (2NF) Relation ใดๆจะเป็น 2NF ก็ต่อเมื่อ
ทุกๆ Non-key Attribute ต้องเป็น Fully FD กับ Primary Key เท่านั้นนั่นคือ ไม่มี Non-key Attribute ตัวใดที่เป็น Partially FD กับ Primary key สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
50
ไม่อยู่ใน 2 NF เนื่องจาก FD2,FD3
Key Attribute SSN PNUMBER HOURS ENAME PNAME PLOCATION FD1 Non-Key Attribute FD2 FD3 ไม่อยู่ใน 2 NF เนื่องจาก FD2,FD3 สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
51
Second Normal Form SSN PNUMBER HOURS ENAME PNAME PLOCATION
Emp_Proj SSN PNUMBER HOURS ENAME PNAME PLOCATION FD1 Ssn,Pnumber Hours FD2 Ssn Ename FD3 Pnumber Pname,Plocation SSN PNUMBER HOURS Emp_Proj1 แตกให้อยู่ใน รูป2 NF SSN ENAME Emp_Proj2 PNUMBER PNAME PLOCATION Emp_Proj3 สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
52
Functional Dependencies in EMPLOYEE
EmpID CourseTitle DateCompleted Salary DeptName Name Dependency on entire primary key EmpID, CourseTitle DateCompleted EmpID Name, DeptName, Salary Dependency on only part of the key Therefore, NOT in 2nd Normal Form!! สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
53
Getting it into 2nd Normal Form
decomposed into two separate relations Both are full functional dependencies EmpID Salary DeptName Name CourseTitle DateCompleted EmpID สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
54
“Relation ที่อยู่ในรูปของ 3NF ก็ต่อเมื่อ
Third Normal Form : 3NF “Relation ที่อยู่ในรูปของ 3NF ก็ต่อเมื่อ 1.Relation ที่อยู่ในรูป 2 NF 2.ต้องไม่มี FD ระหว่าง Non-key Attribute หรือไม่มี Transitively FD on Primary Key” สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
55
Relation with transitive dependency
(a) SALES relation with simple data สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
56
BUT Salesperson Region Relation with transitive dependency
CustID Name CustID Salesperson CustID Region All this is OK (2nd NF) BUT Salesperson Region FD ระหว่าง Non-key Attribute สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
57
Removing a transitive dependency
(a) Decomposing the SALES relation สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
58
Relations in 3NF Now, there are no transitive dependencies…
Salesperson Region CustID Name CustID Salesperson Now, there are no transitive dependencies… Both relations are in 3rd NF สัปดาห์ที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลระดับตรรกะ
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.