ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
PHP การตรวจสอบเงื่อนไข
2
1. โครงสร้างแบบคำสั่งตามลำดับ
เป็นโครงสร้างพื้นฐานแบบไม่มีการตัดสินใจ ส่วนที่ 1 ส่วนที่ 2 process output input
3
โครงสร้างแบบมีการตัดสินใจ
มีการทดสอบค่าตัวแปรเพื่อการตัดสินใจว่าจะทำการ ประมวลผลส่วนใด input จริง เท็จ x ส่วนที่ 1 ส่วนที่ 2 output
4
โครงสร้างแบบมีการตัดสินใจ
ทำงานแบบวนซ้ำในจำนวนครั้งที่จำกัด ส่วน a X จริง เท็จ
5
โครงสร้างแบบมีการตัดสินใจ
มีจุดเข้า (Input) เพียง 1 จุด มีจุดออก (Output) เพียง 1 จุด ออกแบบในลักษณะจากบนลงล่าง (top down design)
6
คำสั่ง IF คำสั่ง If ใช้สำหรับการตัดสินใจ โดยถ้าเป็นจริงจะทำตามคำสั่งต่างๆ ที่กำหนดไว้ภายใต้เงื่อนไข ซึ่งเงื่อนไขจะอยู่ภายในเครื่องหมายวงเล็บ ( ) ถ้าเป็นจริงแล้วจะไปทำงานคำสั่งที่อยู่ภายในเครื่องหมายปีกกา { ….. } ตัวอย่าง If (นิพจน์) { // โค๊ดที่ใช้ในการประมวลผล }
7
ตัวอย่าง IF <html> <body> <?php $a = “Green”;
If ($a == “Green”) { Echo “I am Green”; } ?> </body> </html>
8
คำสั่ง IF คำสั่ง If...else เป็นคำสั่งที่มี 2 เงื่อนไข
9
คำสั่ง ElseIF คำสั่ง If, Elseif และ Else เป็นคำสั่งที่ใช้เปรียบเทียบเงื่อนไขเพื่อเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โครงสร้างที่ใช้จะขึ้นกับวัตถุประสงค์ บางกรณีสามารถเขียนได้หลายลักษณะ
10
คำสั่ง if รูปแบบเป็นดังนี้ if (เงื่อนไข)
{ คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ; } else { คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ ; ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง จะได้ผลลัพธ์ "Have a nice day!" ถ้าเงื่อนไขออกมาเป็นจริง ไม่เช่นนั้นจะได้ผลเป็นอย่างอื่น
11
ตัวอย่าง Code <html> <body> <?php $txt="hello";
if ($txt=="hello") echo "Have a nice day!"; Else { echo "Good Bye! <br />"; echo "See you later."; } ?> </body> </html>
12
คำสั่ง Elseif ถ้ามีคำสั่งเพียงบรรทัดเดียวไม่จำเป็นต้องใส่ปีกกา { } ก็ได้ แต่ถ้ามีมากกว่า 1 บรรทัดต้องใส่ปีกกาด้วยคำสั่ง Elseif ใช้ในกรณีที่มีเงื่อนไขจำนวนมาก โดยคำสั่ง elseif เป็นการรวมกันของคำสั่ง if และ else ซึ่งจะเรียงลำดับกันอยู่ มีรูปแบบดังนี้
13
การตรวจสอบเงื่อนไข { คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขที่ 2 เป็นจริง ;
if (เงื่อนไขที่ 1) { คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขที่ 1 เป็นจริง ; } elseif (เงื่อนไขที่ 2) { คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขที่ 2 เป็นจริง ; } elseif (เงื่อนไขที่ 3) { คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขที่ 3 เป็นจริง ; } else { คำสั่งต่างๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ ; } ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง จะได้ผลลัพธ์ "Have a nice day!" ถ้าเงื่อนไขที่ 1 ออกมาเป็นจริง และผลจะได้ "How are you?" ถ้าเงื่อนไขที่ 2 ออกมาเป็นจริง ไม่เช่นนั้นจะได้ผลเป็น "Good Bye!"
14
Code ตัวอย่าง <html> <body> <?php $txt="hello";
if ($txt=="hello") echo "Have a nice day!"; elseif ($txt=="hi") echo "How are you?"; else echo "Good Bye!"; ?> </body> </html>
15
คำสั่ง Switch คำสั่ง Switch จะคล้ายกับคำสั่ง If แต่ว่าเงื่อนไขจะมีมากกว่า 2 เงื่อนไข คือตรวจสอบเงื่อนไข โดยดูจากค่าของตัวแปร โดยนำค่าจากตัวแปรที่อยู่ในคำสั่ง switch มาตรวจสอบกับค่าที่อยู่หลังคำสั่ง case แต่ละคำสั่ง ถ้าตรงกัน ก็จะทำงานตามคำสั่งใน case นั้น ถ้าไม่ตรงกับ case ไหนเลยจะมาทำงานในคำสั่ง default แทน มีรูปแบบดังนี้
16
คำสั่ง Switch switch ( ตัวแปรหรือ นิพจน์ ) {
case ค่าที่ 1 : คำสั่งที่ 1 ; break; case ค่าที่ 2: คำสั่งที่ 2 ; break; default: คำสั่งที่ไม่ตรงกับค่าที่ 1 และ 2; }
17
SWITCH // นิพจน์ที่ใช้ประมวลผล เมื่อเงื่อนไขตรงกับ choice 1 break;
{ case choice1: // นิพจน์ที่ใช้ประมวลผล เมื่อเงื่อนไขตรงกับ choice 1 break; case choice2: // นิพจน์ที่ใช้ประมวลผล เมื่อเงื่อนไขตรงกับ choice 2 Default; // นิพจน์ที่ใช้ประมวลผล เมื่อเงื่อนไขไม่ตรงกับ Case ใด ๆ เลย }
18
คำสั่ง Switch คำสั่ง break จะทำให้โปรแกรมกระโดดออกไปทำงานนอกคำสั่ง switch ถ้าไม่มีคำสั่ง break โปรแกรมจะทำคำสั่งต่อไปเรื่อยๆ ทำให้เสียเวลามาดูตัวอย่างกันว่า switch ทำงานอย่างไร โปรแกรมจะตรวจสอบตัวแปรที่คำสั่ง switch ว่ามีค่าเป็นเท่าใด ค่าของตัวแปรจะถูกนำมาตรวจสอบกับคำสั่ง case ว่าตรงกับเลขใด ถ้าตรงกับตัวเลขใด ก็จะทำงานตามคำสั่งของ case นั้น เมื่อทำงานตามคำสั่งใน case นั้นเสร็จ จะพบคำสั่ง break ทำให้กระโดดออกจากโปรแกรมทันที ในกรณีที่ไม่มีค่าใดตรงกับ case ที่ระบุ โปรแกรมจะทำงานในคำสั่ง default โดยอัตโนมัติ
19
ตัวอย่างคำสั่ง SWITCH
<html> <body> <?php $x = “9999”; switch ($x) { case 1: echo "ได้เลข 1"; break; case 4: echo "ได้เลข 4"; case 10: echo "ได้เลข 10"; default: echo "ไม่มีตัวเลขที่ระบุ"; } ?> </body> </html>
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.