งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

Seree Chinodom seree@buu.ac.th Recordset Object Seree Chinodom seree@buu.ac.th Computer Science, BUU.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "Seree Chinodom seree@buu.ac.th Recordset Object Seree Chinodom seree@buu.ac.th Computer Science, BUU."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 Seree Chinodom seree@buu.ac.th
Recordset Object Seree Chinodom Computer Science, BUU

2

3 Recordset Recordset หมายถึงกลุ่มของเรคอรฺดซึ่งอาจเป็นบางเรคอร์ดหรือทั้งหมดที่อยู่ในฐานข้อมูล Recordset ใช้รองรับการทำงานทั่วไปที่เกิดจากฐานข้อมูล การอ่านเรคอร์ด การเปลี่ยนแปลง การลบ การค้นหา การเรียงลำดับ

4 การเตรียมการใช้งาน Recordset
1. สร้าง ODBC Data Source Name 2. กำหนด User Identification และPassword ระบุ UserID รหัสผ่าน 3. ทำความเข้าใจกับโครงสร้างของระบบฐานข้อมูล

5 ชุดคำสั่งเบื้องต้นสำหรับการทำงานกับRecordset
1. Dim oRS 2. Set oRS = Server.CreateObject(“ADODB.Recordset”) 3. oRS.open “ชื่อตาราง”, “DSN=ชื่อdata source; UID=ชื่อผู้ใช้; PWD=รหัสผ่าน” บรรทัด 1 ประกาศตัวแปรเพื่อรองรับ Recordset บรรทัดที่ 2 เป็นการสร้าง recordset object โดยให้ตัวแปร oRS เป็นตัวอ้างอิงถึง บรรทัดที่ 3 เป็นการใช้เมธอด open กำหนดการติดต่อฐานข้อมูล

6 การเขียนข้อมูลRecordsetลงในHTML
ใช้คำสั่ง Response.Write เขียนในแท็ก <% %>ดังนี้ <%Response.write ชื่อobject(“ชื่อฟิลด์ในตาราง”) %> หรือ <%= ชื่อobject(“ชื่อฟิลด์ในตาราง”)%> Response.Write ชื่อobject(“ชื่อฟิลด์ในตาราง”).value

7 การนำข้อมูลจากRecordsetเก็บลงตัวแปร
นำข้อมูลเก็บลงตัวแปรเพื่อเตรียมค่าสำหรับนำไปดำเนินการ ชื่อตัวแปร = ชื่อ object(“ชื่อฟิลด์ในตาราง”) เช่น sContractID = oRS (“ContractID”) หรือ sContractID = oRS (“FirstName”) &” “& oRS (“LastName”)

8 การนำข้อมูลจากRecordsetเพื่อเปรียบเทียบ
ใช้เป็นเงื่อนไขในข้อความสั่ง if/then/else หรือ Do … Loop if oRS (“ContractName”) =“DBA” Then ‘คำสั่งที่ให้ดำเนินการเมื่อเงื่อนไขจริง End If หรือ Do While oRS.EOF ‘คำสั่งที่ให้ดำเนินการในลูป Loop

9 การนำข้อมูลจากRecordset ใช้เป็นอาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชัน
นำข้อมูลมาเป็นค่า อาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชัน vFirstName = Left(oRS(“FirstName”), 5) vPassword = Ucase(oRS(“FirstName”))

10 ตัวอย่าง <%@Language = VBScript%> <HMTL> <HEAD>
<TITLE>เพจทดสอบการใช้งานของข้อมูลในเรคอร์ดเซต</TITLE> </HEAD> <BODY> <H3>เพจทดสอบการใช้งานของข้อมูลในเรคอร์ดเซต</H3> <% dim oRSp set oRSp = Server.CreateObject("ADODB.recordset") oRSp.Open "Products", "DSN=Northwind" oRSp.MoveFirst Response.Write "บรรทัดถัดไปเป็นการเขียนข้อมูลจากเรคอร์ดเซตลงในเพจ:<BR>" Response.Write oRSp("ProductName") & "<BR><BR>"

11 Response.Write "บรรทัดถัดไปเป็นการเขียนข้อมูลจากตัวแปรที่เก็บข้อมูล:<BR>"
Dim varPrdName varPrdName = oRSp("ProductName") Response.Write varPrdName & "<BR><BR>" Response.Write "บรรทัดถัดไปเป็นการใช้ If…Then ในการทำงานกับข้อมูล:<BR>" If oRSp("UnitsInStock") < 50 Then Response.Write "ปริมาณสินค้าเหลือน้อยกว่า 50 หน่วย<BR><BR>" Else Response.Write "ปริมาณสินค้าเหลือมากกว่า 50 หน่วย<BR><BR>" End If Response.Write "บรรทัดถัดไปเป็นการใช้ใช้ข้อมูลเป็นอาร์กิวเมนต์ในฟังก์ชั่น:<BR>" Response.Write Ucase(oRSp("ProductName")) & "<BR><BR>" oRSp.Close Set oRSp=Nothing %> </BODY> </HTML>

12 การระบุตำแหน่งการใช้งานเรคอร์ดในRecordset
Move ใช้ในการเลื่อนเคอร์เซอร์ของเรคอร์ดพอยน์เตอร์ไปยังเรคอร์ดก่อนหน้าหรือย้อนกลับตามตัวเลขที่ระบุไว้หลัง Move MoveFirst ใช้ในการเลื่อนเรคอร์ดพอยน์เตอร์ไปยังเรคอร์ดแรกใน recordset ถ้าใช้ในการดึงข้อมูลจะได้เรคอร์ดแรก MoveLast ใช้ในการเลื่อนเรคอร์ดพอยน์เตอร์ไปยังเรคอร์ดท้ายสุดใน recordset ถ้าใช้ในการดึงข้อมูลจะได้เรคอร์ดสุดท้าย MovePrevious ใช้ในการเลื่อนเรคอร์ดพอยน์เตอร์ไปยังเรคอร์ดก่อนหน้าเรคอร์ปัจจุบัน แต่ถ้าเรอร์ดปัจจุบันเป็นเรคอร์แรกจะเกิดข้อผิดพลาด MoveNext ใช้ในการเลื่อนเรคอร์ดพอยน์เตอร์ไปยังเรคอร์ดถัดจากเรคอร์ปัจจุบัน แต่ถ้าเรอร์ดปัจจุบันเป็นเรคอร์สุดท้ายจะเกิดข้อผิดพลาด

13 ตัวอย่าง mvpointer.asp
<HMTL> <HEAD> <TITLE>เพจทดสอบการทำงานกับเรคอร์ดต่างๆ ในเรคอร์ดเซต</TITLE> </HEAD> <BODY> <H3>เพจทดสอบการทำงานกับเรคอร์ดต่างๆ ในเรคอร์ดเซต</H3> <% Dim oRSe Set oRSe = Server.CreateObject("ADODB.recordset") oRSe.Open "Employees", "DSN=Northwind" oRSe.MoveFirst Response.Write "บรรทัดถัดไปเป็นนามสกุลของลูกจ้าง 3 เรคอร์ดแรกจากตาราง Employees :<BR>"

14 ตัวอย่าง mvpointer.asp
Response.Write oRSe("LastName") & ", " oRSe.MoveNext Response.Write oRSe("LastName") oRSe.Close Set oRSe=Nothing %> </BODY> </HTML>

15 ตัวอย่าง การแสดงผลเป็นตารางข้อมูล
<HMTL> <HEAD> <TITLE>การแสดงผลข้อมูลของ 5 เรคอร์ดแรกโดยใช้ตาราง</TITLE> </HEAD> <BODY> <H3>การแสดงผลข้อมูลของ 5 เรคอร์ดแรกโดยใช้ตาราง</H3> <% Dim oRSe, iCnt Set oRSe = Server.CreateObject("ADODB.recordset") oRSe.Open "Employees", "DSN=Northwind" oRSe.MoveFirst

16 ตัวอย่าง การแสดงผลเป็นตารางข้อมูล(ต่อ)
Response.Write "<TABLE BORDER = '1'>" For iCnt = 1 To 5 Response.Write "<TR><TD>" & oRSe("FirstName") & "</TD>" Response.Write "<TD>" & oRSe("LastName") & "</TD></TR>" oRSe.MoveNext Next %> </TABLE> </BODY> </HTML>

17 การแสดงผลข้อมูลทุกเรคอร์ดจากrecordset
การแสดงผลข้อมูลทุกระเบียนจาก recordset จะใช้ฟังก์ชัน EOF (End Of File) ซึ่งใช้สำหรับการตรวจสอบการสิ้นสุดของเรคอร์ดใน recordset โดยค่าของฟังก์ชันนี้จะเป็น “true” เมื่อมีการเลื่อนเรคอร์ดพอยน์เตอร์เลยจากเรคอร์สุดท้ายไป ใช้ฟังก์ชัน EOF ร่วมกับ Do while …loop ดังนี้ Do while NOT oRS.EOF ‘คำสั่งประมวลผล oRS.MoveNext Loop

18 ตัวอย่าง การแสดงผลข้อมูลทุกเรคอร์ด
<HMTL> <HEAD> <TITLE>การแสดงผลข้อทุกเรคอร์โดยใช้ EOF </TITLE> </HEAD> <BODY> <H3>การแสดงผลข้อมูลทุกเรคอร์ดโดยใช้ EOF </H3> <% Dim oRSe Set oRSe = Server.CreateObject("ADODB.recordset") oRSe.Open "Employees", "DSN=Northwind" oRSe.MoveFirst Response.Write "<TABLE BORDER = '1'>"

19 ตัวอย่าง การแสดงผลข้อมูลทุกเรคอร์ด(ต่อ)
Dim iCnt iCnt = 0 Do while NOT oRSe.EOF iCnt = iCnt + 1 Response.Write "<TR><TD>" & iCnt & "</TD>" Response.Write "<TD>" & oRSe("FirstName") & "</TD>" Response.Write "<TD>" & oRSe("LastName") & "</TD></TR>" oRSe.MoveNext Loop Response.Write "</TABLE><BR>" %> </BODY></HTML>

20 การแสดรายละเอียดของฟิลในrecordset
oRS.Fields(“FieldName”) หรือ ถ้าไม่ทราบชื่อฟิลด์ oRS.Fields(#) โดยที่ # หมายถึงเลขลำดับในการอ้างถึงฟิลด์ซึ่งเริ่มต้นที่ 0,1,2,... ถ้าต้องการนับชื่อฟิลด์ทั้งหมดในrecordset ใช้คำสั่งดังนี้ oRS.Fields.Count

21 ตัวอย่าง <HTML> <HEAD>
<TITLE>การอ่านรายละเอียดของฟิลด์ต่างๆ ในตาราง</TITLE> </HEAD> <BODY> <H3>การอ่านรายละเอียดของฟิลด์ต่างๆ ในตาราง Employees</H3> <% Set oRS=Server.CreateObject("ADODB.Recordset") oRS.Open "Employees", "DSN=Northwind" Response.Write "<TABLE BORDER=1>" For Each ofield in oRS.Fields Response.Write "<TR><TD>" & ofield.name & "</TD>" Response.Write "<TD>" & ofield.type & "</TD></TR>" Next Response.Write "</TABLE>" %>

22 ตัวอย่าง การนำข้อมูลจาก recordset แสดงใน List box
<HTML> <HEAD> <TITLE>การใช้ข้อมูลจากเรคอร์ดเซตกับ List Box</TITLE> </HEAD> <BODY> <H3>การใช้ข้อมูลจากเรคอร์ดเซตกับ List Box</H3> <P>List of categories from categories table</P><BR> <% Dim oRSc Set oRSc=Server.CreateObject("ADODB.Recordset") oRSc.Open "Categories", "DSN=Northwind" oRSc.MoveFirst %>

23 <FORM METHOD="get" ACTION="ResLst.asp">
<SELECT NAME="Categories" SIZE="1"> <% Do While NOT oRSc.EOF Response.Write "<OPTION SELECTED VALUE='" & oRSc("CategoryName") & "'>" Response.Write oRSc("CategoryName") & "</OPTION>" oRSc.MoveNext Loop oRSc.Close Set oRSc=Nothing %> </SELECT> <INPUT TYPE="submit"> </FORM> </BODY> </HTML>


ดาวน์โหลด ppt Seree Chinodom seree@buu.ac.th Recordset Object Seree Chinodom seree@buu.ac.th Computer Science, BUU.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google