ศาสนาชินโต (ชินเต๋า) กามิ มิชิ

งานนำเสนอเรื่อง: "ศาสนาชินโต (ชินเต๋า) กามิ มิชิ"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 ศาสนาชินโต (ชินเต๋า) กามิ มิชิ
ศาสนาชินโต (ชินเต๋า) กามิ มิชิ ทางของเทพเจ้า เผ่าพันธุ์ญี่ปุ่นสืบเชื้อสายมาจาก เทพอิซานาคิ-เทพอิซานามิ สุริยเทพนารี จันทรเทพ พายุเทพ ลูกพระอาทิตย์ (อะมะเตระสุ โอมิ คามิ) จิมมู เทนโนเป็นจักรพรรดิ(มิกาโด)องค์แรก

2 ชาวญี่ปุ่นรักและบูชาธรรมชาติแบบง่าย ๆ เรียนรู้การติดต่ออย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติซึ่งมีอำนาจ พวกเขามองเห็นเทพเจ้าทั้งหลายปฏิบัติการในปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยมีเทพเจ้า 2 ฝ่าย ที่ส่งเสริมกัน เทพทั้งหลายมีกำเนิดเป็นทิพย์ในธรรมชาติเป็นเทพดีและยุติธรรม ดังนั้นการเป็นอยู่แบบชีวิตตามธรรมชาติจะต้องยุติธรรมและดี ไม่มีความไม่ดีในธรรมชาติ ความชั่วเป็นการเกินความพอดี (อัตราส่วนที่รักษาความสมดุลของธรรมชาติ) คนหนุ่มสาวและแก่เฒ่าต่างตื่นเช้าตรู่เพื่อโค้งคำนับดวงอาทิตย์อุทัย คุณธรรมข้อแรกในประมวลหลักปฏิบัติของศาสนาชินโตคือ ความกล้าหาญ “มันเป็นความกล้าหาญแท้ที่จะมีชีวิตอยู่เมื่อควรที่จะมีชีวิตและตายเมื่อควรที่จะตาย” ชาวญี่ปุ่นติเตียนความขลาดว่าเป็นบาป “บาปทุกอย่างทั้งใหญ่และเล็กอาจจะได้รับการอภัยด้วยการสำนึกผิด ยกเว้น 2 อย่างคือความขลาดและการลักขโมย”

3 1.ไม่ล่วงละเมิดความประสงค์ของพระเจ้า
คำสอนที่ทุกคนปฏิบัติ “จงเป็นผู้กล้าหาญ จงรักภักดีและจงรักษาความสะอาด” บัญญัติ 10 ประการ 1.ไม่ล่วงละเมิดความประสงค์ของพระเจ้า 2.ไม่ลืมข้อผูกพันของท่านกับบรรพบุรุษ 3.ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งรัฐ 4.ไม่ลืมความดีที่ลึกซึ้งของเทพเจ้า 5.ไม่ลืมว่าโลกเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวเดียวกัน 6.ไม่ลืมขอบเขตจำกัดของตนเอง 7.แม้คนอื่นจะเป็นคนโกรธ แต่ท่านอย่าเป็นคนโกรธ 8.อย่าเป็นคนเฉื่อยชาในธุระของท่าน 9.อย่าเป็นบุคคลผู้นำคำติเตียนมาสู่คำสั่งสอน 10.อย่าหันเหออกไปด้วยคำสอนต่างประเทศ

4 วจนะศาสนาชินโต ทั้งสวรรค์และนรกมาจากใจตนเอง
ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ทุกท่านรับพรของสวรรค์ชั้นเดียวกัน อยู่กับเทพเจ้าจะไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีทั้งไกลและใกล้ ความเชื่อขอให้เป็นเช่นการเชื่อฟังฐานบุตรต่อบิดามารดา เมื่อการสวดอ้อนวอนล้มเหลวที่จะช่วยท่านให้ได้รับความสำเร็จดังความประสงค์ของท่าน ก็จงรู้ว่ามีบางสิ่งกำลังขาดไปในความจริงใจของท่าน อย่าสารภาพความรักด้วยริมฝีปากของท่านขณะที่ท่านมีอารมณ์ความเกลียดชังอยู่ในหัวใจของท่าน เมื่อใจของมะเตระสุ-โอมิ-กามิ และใจของคนทั้งหลายไม่แบ่งแยกกัน ต่อจากนั้น ก็จะไม่มีสิ่งเช่น ความตาย ในโลกทั้งหลายจะไม่มีสิ่ง เช่น คนแปลกหน้า