งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

บทที่ 4 ภาพนิ่ง (Still Image)

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "บทที่ 4 ภาพนิ่ง (Still Image)"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 บทที่ 4 ภาพนิ่ง (Still Image)

2 Still Image ภาพนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว เกิดจากการวางสี เส้น และรูปทรงต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสม ปัจจุบันนิยมใช้ภาพนิ่งประกอบการนำเสนอข่าวสารหรือเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกันในรูปแบบของมัลติมีเดีย

3 ประเภทของภาพนิ่ง ภาพนิ่งที่ใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์เกิดจากการรวมกันของจุดสีแต่ละจุดว่าพิกเซล (Pixel) คุณภาพของการแสดงผลภาพนิ่งใดๆ นั้น จะขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพ ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น จอภาพ การ์ดจอ (Video Card) และคุณภาพของเครื่องพิมพ์ ประเภทของภาพนิ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ภาพ 2 มิติ (2D Image) ภาพ 3 มิติ (3D Image)

4 ภาพ 2 มิติ ที่สร้างและนำมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์แบ่งได้ 2 ประเภท
ภาพเวกเตอร์ (Vector Graphic) ภาพบิตแมป (Bitmapped Image)

5 ภาพเวกเตอร์ (Vector Graphic)
ภาพเวกเตอร์แสดงถึงภาพลักษณ์ที่มีโครงสร้างทางเรขาคณิต และสร้างด้วยหลักทางคณิตศาสตร์ จึงต้องจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของคำสั่ง ลักษณะการวาดรูปสี่เหลี่ยมด้วยโปรแกรม Photoshop

6 ลักษณะภาพเวกเตอร์ที่สร้างเป็นแฟ้ม wmf
ไฟล์ภาพเวกเตอร์หลายรูปแบบ ซึ่งมีนามสกุลแตกต่างกันออกไป เช่น Al, Cdr, Cgm, Cmx, Drw, Eps,Pdf, Pct, Pic, Plt และ Wmf เป็นต้น โครงร่างของภาพเวคเตอร์ ภาพเวคเตอร์ที่ตกแต่งแล้ว ลักษณะภาพเวกเตอร์ที่สร้างเป็นแฟ้ม wmf

7 การขยายภาพเวกเตอร์ เมื่อขยายขนาดจะไม่สูญเสียความคมชัด
ภาพเวกเตอร์ เป็นไฟล์ขนาดเล็ก สามารถปรับปรุงโครงร่างของภาพได้แม้จะเป็นเส้นบางๆ และสามารถย่อขยายภาพได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพ การขยายภาพเวกเตอร์ เมื่อขยายขนาดจะไม่สูญเสียความคมชัด

8 ภาพบิตแมป (Bitmapped Image)
บิตแมปเป็นภาพที่เกิดจากการประกอบรวมกันของพิกเซล ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่เล็กที่สุดที่ใช้แสดงผลบนจอภาพและในการพิมพ์ ภาพบิตแมปสามารถรองรับการแสดงสีได้มากกว่า 16.7 ล้านสี (ความละเอียดที่ 26 บิต) วิธีการสร้างภาพแบบบิตแมปที่นิยมกันสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ การนำเข้าภาพจากแหล่งข้อมูลต่างๆ การคัดลอก (Copy) ภาพที่แสดงบนจอภาพ นำเข้าภาพถ่ายผ่านทางเครื่องสแกนเนอร์ (Scanner) นำเข้ารูปภาพจากกล้องถ่ายภาพดิจิตอลหรือกล้องวีดีโอดิจิตอล

9 ภาพแผนที่บิตเมื่อทำการขยายจะปรากฏกรอบของจุดภาพ
ภาพบิตแมปถ้าภาพมีความละเอียดน้อย เมื่อทำการขยายจะทำให้สูญเสียรายละเอียดของภาพทำให้เกิดเป็นรอยหยัก มีให้เลือกใช้งานหลายชนิด เช่น ไฟล์ที่มีนามสกุล Bmp, Cgm, Gif, Hgl, Jpeg, Pbm, Pcx Pgm, Pnm, Ppm, Psd, Rle, Tga, Tiff และ Wpg เป็นต้น ภาพแผนที่บิตเมื่อทำการขยายจะปรากฏกรอบของจุดภาพ

10 ภาพโครงร่างพื้นฐานของภาพ 2 มิติและภาพ 3 มิติ
ภาพ 3 มิติ (3D Image) เป็นภาพประเภทหนึ่งของภาพเวกเตอร์ ซึ่งมีลักษณะมุมมองของภาพที่เหมือนจริง อยู่ในรูปทรง 3 มิติ (3D) มีพื้นฐานการสร้างมาจากภาพ 2 มิติ (มีเพียงแกน X และ Y ) โดยเพิ่มความลึกให้กับภาพที่สร้าง (เพิ่มแกน Z) ภาพ 2 มิติ ภาพ 3 มิติ ภาพโครงร่างพื้นฐานของภาพ 2 มิติและภาพ 3 มิติ

11 โปรแกรมออโตแคด สำหรับการสร้างภาพสามมิติ
ซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการทำงานด้าน 3 มิติ เช่น AutoCad, 3d Studio Max และ Extreme 3d เป็นต้น โปรแกรมออโตแคด สำหรับการสร้างภาพสามมิติ

12 รูปแบบไฟล์ข้อมูลภาพ (Image File Format)
โปรแกรมสนับสนุนในระบบ Macintosh ส่วนใหญ่จะสามารถนำเข้า (Import) และ ส่งออก (Export) ไฟล์ภาพที่มีนามสกุล Pict ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยบริษัทแอปเปิ้ล ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรม Illustrator หรือ Freehand ส่วนบนระบบ Windows ใช้รูปแบบ Dibs (Device-Independent Bitmaps) ซึ่งบันทึกไฟล์ในรูปแบบ Bmp โดยที่ Dibs นั้นสามารถซ่อนอยู่ในไฟล์ Riff(Resource Interchange File Format) ได้ Riff เป็นรูปแบบไฟล์ที่รองรับไฟล์ได้หลายชนิดบนระบบ Windows เช่น ไฟล์ภาพบิตแมปชนิดต่างๆ ไฟล์ Midi และรูปแบบตัวอักษร ส่วนใหญ่การบันทึกข้อมูลรูปภาพแบบบิตแมปบนระบบ Windows จะเป็นไฟล์ Dib, Bmp, Pcx และ Tiff แต่มีบางบริษัทสร้างรูปแบบไฟล์ภาพของตัวเองขึ้นมา เช่น บริษัท Adobe สร้างรูปแบบไฟล์ Psd สำหรับโปรแกรม Photoshop และไฟล์ Ai สำหรับโปรแกรม Illustrator

13 การสร้างภาพดิจิตอล จากเครื่องสแกนเนอร์ (Scanner)
จากกล้องดิจิตอล (Digital Camera) โปรแกรมที่ใช้ในการแก้ไขภาพ เช่น Fauve Xres, Adobe Photoshop, Hsc Live Picture, Micrografx Picture Publisher เป็นต้น

14 เทคนิคการปรับแต่งภาพ
Anti-Aliasing เป็นขั้นตอนการปรับแต่งการเรียงตัวของจุดสีภายในภาพที่มีลักษณะเป็นรอยหยัก (Aliasing) ให้เรียบกว่าเดิม ก่อนการขจัดรอยหยัก หลังการขจัดรอยหยัก การขจัดรอยหยัก

15 ภาพใหม่หลังจากการแปลง (พลิกภาพ)
Transformation เป็นการแปลงรูปร่างของภาพให้มีลักษณะแตกต่างจากเดิม เช่น ย่อภาพให้เล็กลง หมุนภาพให้อยู่ในแนวที่ต้องการ และบิดภาพให้เอียงในองศาที่เหมาะสม ภาพเดิมก่อนการแปลง ภาพใหม่หลังจากการแปลง (พลิกภาพ) การ Transformation

16 การปรับข้อมูลสีด้วยวิธี Dithering
เป็นการปรับข้อมูลสีของแต่ละพิกเซลให้มีความใกล้เคียง และกลมกลืนกับข้อมูลสีที่ต้องการ ด้วยการคำนวณหาค่าเฉลี่ยของข้อมูลสีภายในภาพแล้วปรับเปลี่ยนให้ได้ตามความต้องการ การปรับข้อมูลสีด้วยวิธี Dithering

17 การ Rendering ด้วยโปรแกรม 3D Studio Max
เป็นการเพิ่มพื้นผิวใกล้กับภาพซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับภาพ 3 มิติ เนื่องจากการสร้างภาพ 3 มิติทำได้เพียงโครงร่างของภาพ การ Rendering ด้วยโปรแกรม 3D Studio Max

18 การทำงานของแสงสีร่วมกับคอมพิวเตอร์
เนื่องจากดวงตาของมนุษย์ไวต่อสีหลัก 3 สี คือ สีแดง (Red) เขียว (Green) และน้ำเงิน (Blue) โดยใช้หลักการผสมแสงสีเข้าด้วยกันเพื่อได้ได้สีต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป เช่น เมื่อเห็นวัตถุสีส้ม จะเกิดจากการรวมกันของแสงสีเขียว และสีแดง เป็นต้น ด้วยความต้องการให้สีบนจอภาพเหมือนกับสีที่มองเห็นจากดวงตามนุษย์ จึงนำลักษณะการรวมสีของดวงตามนุษย์มาประยุกต์ใช้กับการแสดงผลของจอภาพคอมพิวเตอร์ สำหรับเครื่องพิมพ์นอกจากใช้ 3 สีข้างต้นแล้ว ต้องมีการใช้สีเพิ่มคือ สีคราม (Cyan) สีม่วง (Magenta) สีดำ และสีเหลือง ในทางตรงข้ามกันจอภาพคอมพิวเตอร์จะใช้ปฏิกิริยาทางเคมีของสารฟอสฟอรัสรวมจุดสีหลัก 3 สี (แดง น้ำเงิน เขียว ) ผสมเป็นแสงสีที่แตกต่างกันบนจอภาพ สื่อมัลติมีเดียปัจจุบันแสดงผลบนจอภาพได้อย่างน้อย 640X480 พิกเซล 256 สีขึ้นไป ถ้าจอภาพแสดงผลแสงสีได้มากก็สามารถสร้างภาพที่ละเอียดได้มากขึ้น

19 ตารางแสงสี ใช้อ้างอิงข้อมูลแสงสี เพื่อกำหนดค่าแสงสีของแต่ละพิกเซลในการแสดงผลบนจอภาพ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบ Windows เรียกได้จาก Palette โดยตารางการอ้างถึงข้อมูลแสงสีส่วนใหญ่มีความละเอียดของข้อมูลแสงสีขนาด 1, 4, 8,16 และ 26 บิต สำหรับการแสดงผลแสงสีขนาด 8 บิต 256 แสงสี ระบบคอมพิวเตอร์จะเลือกแสงสีเพียง 256 แสงสีจากจำนวนล้านกว่าแสงสีที่สามารถผสมได้มาเก็บข้อมูลไว้ในตารางแสงสีโดยให้รายละเอียดว่าแต่ละแสงสีมีส่วนผสมของสีแดง เขียว และน้ำเงินอย่างไรแล้วดึงแสงสีมาใช้งานตามความเหมาะสม

20 โปรแกรมที่สนับสนุนการวาดและแก้ไขภาพจะมีตารางแสงสีช่วยแสดงผลแสงสีที่เหมาะสม แต่อาจมีข้อจำกัดคือ ไม่สนับสนุนทุกรูปแบบแสงสี และแก้ไขภาพได้เฉพาะกลุ่ม ระบบแสงสี 26 บิต จะแบ่งแสงสีแดง เขียว และน้ำเงิน ออกเป็นแสงสีละ 256 เฉดสี เมื่อนำมาผสมกันจะได้จำนวนสีถึง 16,777,216 แสงสี (256X256x256) จำนวนแสงสีที่แสดงจะขึ้นอยู่กับความละเอียดของจอภาพด้วย เช่น ถ้าความละเอียดของจอภาพที่ 660X680 พิกเซล จะแสดงแสงสีได้สูงสุด 307,200 แสงสีต่อหนึ่งครั้ง ทำนองเดียวกันแม้การ์ดจอจะแสดงผลได้ 26 บิต หากจอภาพมีความละเอียดสูงสุดเพียง 1026X768 พิกเซล จอภาพก็จะแสดงผลแสงสีได้ครั้งละ 786,632 สีเท่านั้น เมื่อเปลี่ยนแปลงการแสดงผลของจอภาพคอมพิวเตอร์ ระบบจะคำนวณและเปลี่ยนค่าข้อมูลแสงสีในตารางแสงสีใหม่ทุกครั้งเรียกว่า “พาเลตแฟลซซิ่ง” (Palette Flashing) ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งของการออกแบบมัลติมีเดีย เช่น ขณะที่แสดงภาพเคลื่อนไหวหากมีการเปลี่ยนแปลงตารางแสงสีจะเกิดข้อผิดพลาดในการแสดงผลเป็นผลให้การแสดงผลติดขัด และสูญเสียคุณภาพด้วย

21 รูปแบบของแสงสีที่ใช้งานบนคอมพิวเตอร์
มีรูปแบบที่แตกต่างกัน แบ่งได้หลายรูปแบบ เช่น HSB (Hue, Saturation, Brightness) เป็นแสงสีที่ตอบสนองการมองเห็นของสายตาของมนุษย์ RGB (Red, Green, Blue) เป็นแสงสีที่ใช้งานกับจอภาพคอมพิวเตอร์ CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, Black) เป็นแสงสีที่ใช้งานกับเครื่องพิมพ์ Lab เป็นมาตรฐานการรองรับแสงสีทั้งสามรูปแบบข้างต้น

22 แสงสีหลักๆ ที่เปลี่ยนแปลง ณ ตำแหน่งองศามาตรฐาน
HSB HSB ประกอบขึ้นด้วยลักษณะของแสงสี 3 ประการ คือ Hue, Saturation และ Brightness Hue เป็นการเปลี่ยนแปลงเฉดสีที่แตกต่างจากแสงหลักทั้งสาม (แดง เขียว น้ำเงิน) ตามมาตรฐานที่เรียกว่า “Standard Color Wheel” โดยเปรียบเทียบกับองศาต่างๆ บนวงกลม ซึ่งเป็นการนำองศาของวงกลมใช้แบ่งความแตกต่างของแสงสีตั้งแต่ องศา ตามการผสมแสงสีมาตรฐานหลัก 3 แสง สี คือ แดง เหลือง และน้ำเงิน ซึ่งแต่ละแสงสีจะมีค่าองศาที่แตกต่างกัน ดังนี้ แสงสีแดงมีค่าเป็น 0 และ 360 แสงสีเหลืองมีค่าเป็น 120 และแสงสีน้ำเงินมีค่าเป็น 240 แสงสีหลักๆ ที่เปลี่ยนแปลง ณ ตำแหน่งองศามาตรฐาน

23 Saturation เป็นค่าความเข้มของแสงสีที่อยู่ในช่วงแสงสีจางจนถึงแสงสีเข้ม จะเป็นสัดส่วนของแสงสี Hue ที่มีอยู่ในโทนสีเทา โดยวัดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ 0% (แสงสีเทา) จนถึง 100% (ค่าความเข้มของแสงสีมากที่สุด) เช่น การปรับ Saturation ของแสงสีน้ำเงิน จะสามารถปรับได้จากแสงสีน้ำเงินเทา (0%) จนถึงแสงสีน้ำเงินเทาเข้ม (100%) Brightness ค่าความสว่างของแสงสี คือค่าของแสงสีดำไล่ระดับสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนถึงแสงสีขาวซึ่งวัดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์จาก 0% (แสงสีดำ) จนถึง 100% (แสงสีขาว)

24 saturation ของแสงสีน้ำเงิน

25 การไล่ระดับของ brightness

26 แสงสีต่างๆ ของ HSB

27 RGB เกิดจากการรวมแสงของแสงสีหลักคือ แสงสีแดง (Red) เขียว (Green) และน้ำเงิน(Blue) ซึ่งจะได้แสงสีแตกต่างกันตามสัดส่วนความเข้มของแสงสี RGB ที่มาผสมกัน โดยแสงสีหลักทั้ง 3 จะมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 255 เมื่อข้อมูลแสงและสี RGB เปลี่ยนไป ความเข้มของแสงสีแดง เขียว และน้ำเงิน บนจอภาพจะปรับเปลี่ยนตามไปด้วย การแสดงแสงสีชนิด RGB

28 CMYK เกิดจากการซึมซับหมึกพิมพ์ลงบนกระดาษ โดยมีสีพื้นฐาน คือ สีน้ำเงินเขียว (Cyan) สีแดงม่วง (Magenta) และสีเหลือง (Yellow) แต่อย่างไรก็ตาม มีบางสีที่ CMYK ไม่สามารถผสมให้เกิดสีได้ เช่น สีน้ำตาล เป็นต้น จึงได้มีการเพิ่มสีดำ (Black) ลงไปด้วย เป็นผลให้เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์สีได้ครอบคลุมทุกสีที่เกิดจากการผสมสีของ CMYK

29 Lab พัฒนาขึ้นโดย Cie (Commission International De I’eclairage) ข้อมูลแสงสีของ Lab ประกอบด้วยค่าต่างๆ ได้แก่ ค่าระดับความเข้มของแสงสว่าง (Luminance Model (L)) ค่าแสดงการไล่แสงสีจากสีเขียวไปยังแสงสีแดง (แทนด้วยตัวอักษร A) และค่าแสดงการไล่แสงสีจากแสงสีน้ำเงินไปยังแสงสีเหลือง (แทนด้วยตัวอักษร B) สำหรับสนับสนุนการใช้งานกับจอภาพ พรินเตอร์ และสแกนเนอร์ จากการพัฒนาส่งผลให้ Lab กลายเป็นมาตรฐานที่สามารถใช้งานครอบคลุมแสงสีทุกแสงสีในรูปแบบ RGB และ CMYK อีกทั้งยังใช้ได้กับสีที่เกิดจากอุปกรณ์ใดๆ เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกน และรูปภาพบนจอภาพคอมพิวเตอร์และโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่แสดงให้เห็นได้ชัดก็คือ โปรแกรม Photoshop ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้สีในรูปแบบอื่นๆ ให้เหมาะกับงานที่ต้องการสร้าง

30 คุณภาพของรูปภาพ ความละเอียดของภาพ (Image Resolution)
การพิจารณาว่าภาพที่ได้มานั้นจะมีคุณภาพหรือไม่ ต้องพิจารณาจาก 2 สิ่ง คือ ความละเอียดของกล้องดิจิตอล ความละเอียดของ Video Monitor หรือ ตัว Printer

31 การบีบอัดขนาดของรูปภาพ (Image Compression)
การบีบอัดขนาดแบบ RLE (Run Length Encoding) เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด Software จะสร้างไฟล์ขึ้นมาจากการอ่านค่าในแต่ละพิกเซลของภาพ แล้วบันทึกไว้ ถ้าพิกเซลที่อ่านได้มีความต่อเนื่องกันจะทำการบันทึกเพียงจำนวนพิกเซลที่มีความต่อเนื่องกันเท่านั้น วิธีการบีบอัดไฟล์แบบ RLE

32 การบีบอัดขนาดแบบ LZW มีความยุ่งยากกว่าแบบ RLE โดยการใส่รหัสของ LZW นั้นจะขึ้นอยู่กับการค้นหา และการบันทึกแพตเทิร์นในโครงสร้างของภาพ LZW โดยจะอ่านค่าพิกเซลสำหรับภาพบิตแมปและสร้างตารางรหัสซึ่งแทนค่าแพตเทิร์นที่ซ้ำๆ กันของพิกเซลที่พบ ภาพที่ถูกสแกนมาหรือภาพที่ไม่ค่อยมีแพตเทิร์นที่เหมือนกันจะไม่ค่อยได้ประโยชน์มากนั้นสำหรับวิธีการบีบอัดแบบนี้ การบีบอัดข้อมูลภาพดิจิตอลนั้นแบ่งการบีบอัดออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ การบีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูล (Lossless) การบีบอัดแบบสูญเสียข้อมูล (Lossy)

33 เทคนิคการทำให้ภาพเล็กลง
RLE หลักการหาจุดที่มีสีเหมือนกันและอยู่ติดกัน แล้วนำมารวมเหลือจุดเดียวและบันทึกจุดเฉพาะค่าจุดสีเดิมไว้ RLE จะตรวจสอบไฟล์ที่ละบรรทัด ทำให้ภาพที่ประกอบด้วยเส้นตาม LZW หลักการหาจุดที่เรียงเหมือนกันเป็นกลุ่ม(Pattern) ซึ่งกลุ่มที่พบบ่อยจะกำหนดให้เป็นโค้ดต่างๆ (มีตารางโค้ด)

34 RLE : Run Length Encoding
5 3 2 2 4

35 LZW - Encoding c1 c2 c2 c1 c2 c2 c1 c2 c2 c1 35

36 การบีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูล (Lossless)
เป็นการบีบขนาดที่ข้อมูลเดิมไม่มีการสูญเสียเลย โดยภาพจะถูกบีบขนาดและถูกขยายกลับคืนแบบพิกเซลต่อพิกเซลเหมือนกับภาพดั้งเดิม ไฟล์ภาพที่ได้จะมีความละเอียดสูง แต่จะมีขนาดใหญ่ทำให้เปลืองพื้นที่ของหน่วยเก็บข้อมูล การบีบอัดแบบ Lossless ที่นิยมใช้ในกล้องดิจิตอลคือการบันทึกเป็นไฟล์ .TIFF ตัวอย่างเช่น ไฟล์ BMP เป็นไฟล์ที่สามารถเก็บสีได้สูงสุด 16.7 ล้านสี เลือกบีบอัดได้ในแบบ RLE ซึ่งเป็นการบีบอัดแบบ Lossless ใช้ได้กับรูปที่มีสีน้อย กรณีที่ภาพมีสีมากบีบอัดได้ไม่ดี ไฟล์ PNG เป็นไฟล์บิตแมปที่มีการบีบอัดแบบ Lossless ให้สี True Color ได้สูงสุด 48 บิตต่อพิกเซล ไฟล์ PNG นับได้ว่าเป็นรูปแบบไฟล์ภาพที่ดีชนิดหนึ่งเนื่องจากสามารถบีบอัดข้อมูล โดยไม่เสียข้อมูลภาพ ทำให้เหมาะสำหรับจับเก็บไฟล์ต้นฉบับ นอกจากนั้นไฟล์ภาพ PNG ยังเล็กกว่าไฟล์แบบ LZW และ TIF ไฟล์ Tiff เป็นไฟล์บิตแมปที่มีคุณภาพสูง และมีความเป็นมาตรฐานยอมรับได้ในหลายโปรแกรมแม้เครื่องต่างระบบ โดยจะเก็บความลึกของสี RGB ได้สูงสุด 48 บิต และ CMYK 32 บิตสามารถเลือกการบีบอัดได้หลายรูปแบบ เช่น LZW, Packbits, JPEG และ RLE การเก็บข้อมูลของ Tiff จะถูกแบ่งออกเป็น สำหรับเครื่อง Macintosh และเครื่อง PC/Windows เนื่องจากระบบการเก็บตัวเลขของ CPU ของ Motorola กับ Intel มีการจัดเก็บตัวเลขกลับกัน แต่ในปัจจุบันโปรแกรมที่ใช้ในการเปิดภาพต่างก็แก้ไขปัญหานี้ได้หมดแล้ว ทำให้ Tiff หรือ Tif สามารถเปิดได้ทั้งบน Macintosh และ Windows อย่างไม่มีปัญหา

37 การบีบอัดแบบสูญเสียข้อมูล หรือ Lossy
เป็นการบีบอัดข้อมูลภาพในลักษณะที่มีการตัดทอนข้อมูลภาพออกไปบางส่วน เพื่อให้ไฟล์ภาพมีขนาดเล็กลง แต่ก็ทำให้สูญเสียข้อมูลบางอย่างไป และไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ การบันทึกแบบ Lossy ที่นิยมใช้ในกล้องดิจิตอลคือการบันทึกแบบ JPEG ตัวอย่างเช่น ไฟล์ JPEG เป็นไฟล์บิตแมปที่มีการบีบอัดเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน เก็บความลึกสีได้สูงสุด 32 Bit เนื่องจาก Jpeg เป็นการบีบอัดแบบ Lossy ซึ่งมีการสูญเสียรายละเอียดบางส่วนของภาพไปจึงทำให้สามารถบีบอัดภาพได้มาก ไฟล์ JPG การบีบอัดไฟล์ Jpg ที่เหมาะสมก็คือ 75-80% ของ Quality โดย Quality คือการเลือกว่าจะให้มีคุณภาพของภาพเหลือเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไร ดังนั้นยิ่งเปอร์เซ็นต์มาก ยิ่งมีการบีบอัดน้อยลง หรือ 20-25% ของ Compression ซึ่ง Compression หมายถึงเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการบีบอัดไฟล์ ยิ่งมีการบีบอัดมาก และส่งผลให้คุณภาพของภาพลดต่ำลง หากกำหนดค่าต่ำหรือสูงเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อคุณภาพของภาพได้โดยตรง และสามารถมองเห็นข้อบกพร่องได้ด้วยตาเปล่า เช่น ภาพอาจไม่ชัดเจน หรือมีสีผิดเพี้ยน เป็นต้น

38 การวาดภาพโดยใช้ดินสอหรือจากสีชนิดต่างๆ
แหล่งที่มาของรูปภาพ Original Art คือภาพที่เกิดจากการวาดโดยจิตรกร อาจวาดโดยใช้ดินสอ หรือสีชนิดต่างๆ หากต้องการนำภาพนั้นมาแสดงผลในคอมพิวเตอร์สามารถทำได้โดยการสแกนภาพด้วยเครื่องสแกนเนอร์ หรืออาจใช้วิธีถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล การวาดภาพโดยใช้ดินสอหรือจากสีชนิดต่างๆ

39 Clip Art กฤตศิลป์จาก Microsoft Clip Gallery กฤตศิลป์จากอินเทอร์เน็ต
เปรียบเสมือน Library สำหรับเก็บงานทางด้าน Graphic ที่สามารถนำมาแทรกไว้ในเอกสาร ถูกจัดเก็บไว้เป็นหมวดหมู่ในรูปของ Cd-Rom หรือในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น ภาพ Drawing ภาพ Photograph แผนที่ ไดอะแกรม แผนภูมิ และภาพลายเส้นต่างๆ เป็นต้น ส่วนมากมีการนำ Clip Art มาใช้ในงาน Graphic Program การใช้ภาพจาก Clip Art จะต้องคำนึงถึงลิขสิทธิ์ กฤตศิลป์จาก Microsoft Clip Gallery กฤตศิลป์จากอินเทอร์เน็ต

40 Photo CD ชุดซีดีภาพถ่าย
เป็นทางเลือกหนึ่งในการนำภาพถ่ายจากฟิล์มมาแปลงเป็นภาพดิจิตอลเพื่อใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดยอ่านจากแผ่นซีดีผ่านเครื่องอ่าน Photo CD ที่ต่อเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ รวมทั้งนำไปเปิดชมภาพกับโทรทัศน์ได้โดยผ่านเครื่องเล่น Photo CD หรือเครื่องเล่นซีดีที่ระบุว่าเล่น Photo CD ได้ โดย Software ที่ใช้ในการจัดการเกี่ยวกับ Photo CD เช่น Precision Device Profile ของ Kodak เป็นต้น ชุดซีดีภาพถ่าย

41 ซอฟต์แวร์สำหรับภาพกราฟิก (Graphic Software)
Photoshop พัฒนาโดย บริษัท Adobe ในปัจจุบันมีการพัฒนาต่อเนื่องจนถึงเวอร์ชัน CS สามารถทำการแก้ไขภาพที่มีตำหนิ ตัดต่อภาพ ตกแต่งภาพ สร้างองค์ประกอบที่ใช้กับเว็บเพจ การดัดแปลงภาพ หรือแม้แต่การสร้างภาพกราฟิกที่ผสมผสารระหว่างข้อความและภาพวัตถุต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว การใช้โปรแกรมอะโดบีโฟโตชอปในการตกแต่งภาพ

42 ซอฟต์แวร์สำหรับภาพกราฟิก (ต่อ)
Chemscape Chine พัฒนาโดย Mdl Information System เป็น Player ที่สนับสนุนไฟล์ภาพ 3 มิติ สามารถแสดงโครงสร้างได้ทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ บนเว็บด้วยภาษา Html ส่วนใหญ่มักนิยมใช้เพื่อจัดทำโครงสร้างข้อมูลด้านเคมีและเวชภัณฑ์ ภาพจากโปรแกรมเคมสเคปไชม์

43 ซอฟต์แวร์สำหรับภาพกราฟิก (ต่อ)
Freehand Shockware พัฒนาโดย Macromedia เป็น Plug-In ใช้สำหรับนำเสนอและจัดการกับภาพด้วยโปรแกรม Freehand นอกจากสร้างภาพเวกเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังรองรับการทำงานและแสดงผลบนเว็บได้สะดวกและรวดเร็วอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การสร้างจุดเชื่อมโยง (Link) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถคลิกเลือกไปยังข้อมูลปลายทางผ่านทางบราวเซอร์ได้ โปรแกรมฟรีแฮนด์

44 ซอฟต์แวร์สำหรับภาพกราฟิก (ต่อ)
Cad ย่อมาจากคำว่า Computer Aided Design โปรแกรม Autocad เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการเขียนแบบ ซึ่งมิได้จำกัดอยู่เพียงแวดวงวิศวกรและสถาปนิกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักโฆษณา และนักสื่อสารมวลชลที่มักจะนิยมมาใช้งานเช่นกัน การใช้โปรแกรมออโตแคดช่วยในการเขียนแบบ

45 ซอฟต์แวร์สำหรับภาพกราฟิก (ต่อ)
Illustrator เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Adobe จัดได้ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างภาพเวกเตอร์ที่มีคนนิยมใช้งานกันมากที่สุด นอกเหนือจากโปรแกรมประเภทเดียวกันนี้ ตัวอย่างเช่น โปรแกรม Coreldraw ของบริษัท Corel และโปรแกรม Freehand ของบริษัท Macromedia เป็นต้น นอกจากสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นในค่ายเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ( Pagemaker และ Photoshop) อีกทั้งยังรองรับและสนับสนุนการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Macintosh และ Windows ได้อีกด้วย โปรแกรมอิลลูสเตรเตอร์

46 Graphic Software อื่นๆ
Paint Program โปรแกรมประเภทตบแต่งภาพวาด ไม่ว่าจะเป็นการวาด สร้าง หรือแก้ไขพิกเซลต่างๆ สามารถทำได้โดยง่ายและรวดเร็ว ดังนั้น จึงนิยมมาใช้สำหรับการแก้ไขภาพถ่าย แต่ไม่เหมาะสำหรับที่จะนำมาใช้งานกับการวาดลายเส้นหรือสร้างตัวอักษรในรูปแบบต่างๆ เนื่องจากคุณสมบัติที่มองทุกอย่างเป็นกลุ่มพิกเซล ทำให้การแก้ไขเคลื่อนย้ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของโปรแกรมประเภทนี้ ก็คือ มีเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Paintbrush, Ink, Felt Pens, Chalk และ Watercolor รวมถึงฟังก์ชันงานสร้างลูกเล่น (Effect) ต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก สามารถสร้างชิ้นงานศิลปะได้ออกมาสมจริงและใกล้เคียงกับธรรมชาติมาก โปรแกรม Microsoft Paint สำหรับใช้ตกแต่งภาพวาด

47 Photo-Manipulation Program
โปรแกรมประเภทปรับแต่งรูปภาพ โดยส่วนใหญ่จะใช้งานร่วมกับกล้องถ่ายรูปดิจิตอล หรือเครื่องสแกนเนอร์ที่ต้องการรายละเอียดสูง มีฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายและไม่สลับซับซ้อนมากนัก เหมาะสำหรับช่างภาพที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการปรับแต่งภาพให้สวยงาม โปรแกรม Imaging for Windows ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Kodak สำหรับใช้ปรับแต่งรูปภาพ

48 Cad Program โปรแกรมประเภทออกแบบสถาปัตยกรรม เหมาะสำหรับใช้งานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมที่ต้องการแสดงรายละเอียดที่สลับซับซ้อนค่อนข้างมาก สามารถสร้างลูกเล่น (Effect) ต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงการแสดงผลที่เป็นภาพ 3 มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบ โปรแกรม Intelligent CAD ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Autodesk สำหรับใช้ออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม

49 โปรแกรม Chem3D สำหรับใช้สร้างแบบจำลอง 3 มิติของโครงสร้างทางโมเลกุล
3D Modeling Program โปรแกรมประเภทสร้างแบบภาพจำลองแบบ 3 มิติ เหมาะสำหรับนักวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการนำเสนอชิ้นงานในรูปแบบจำลอง ทั้งนี้ เนื่องจากภาพแบบจำลอง 3 มิติ สามารถแสดงรายละเอียดที่สลับซับซ้อนได้ทุกมุมมองนั้นเอง ด้วยคุณสมบัติและขีดความสามารถที่โดดเด่นในการสร้างและปรับแต่งวัตถุ (Object) ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพื้นผิว การปรับความลึก หรือแม้แต่การให้แสงตกกระทบกับวัตถุเพื่อให้เกิดความสมจริง รวมถึงเครื่องมือสำหรับสร้างลูกเล่นต่างๆ อีกจำนวนมาก โปรแกรม Chem3D สำหรับใช้สร้างแบบจำลอง 3 มิติของโครงสร้างทางโมเลกุล

50 โปรแกรม Microsoft Visio สำหรับสร้างภาพเชิงวัตถุในรูปทรงต่างๆ
Draw Program โปรแกรมประเภทวาดภาพ ใช้สำหรับสร้างภาพเชิงวัตถุในรูปทรงต่างๆ ไม่เพียงแต่จะเป็นภาพวาดลายเส้นเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างข้อความหรือตัวอักษรได้อย่างสวยงาม รวมไปถึงการมองวัตถุ (Object) จะแยกเป็นชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกจากกัน ผู้ใช้สามารถทำการคัดลอก ลบ และเคลื่อนย้ายวัตถุแต่ละตัวได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่มีผลกระทบกับวัตถุชิ้นอื่นที่อยู่ภายในกลุ่มเดียวกัน เหมาะสำหรับนักออกแบบศิลปะ โปรแกรม Microsoft Visio สำหรับสร้างภาพเชิงวัตถุในรูปทรงต่างๆ

51 รูปภาพบนเว็บ ชนิดไฟล์ภาพ คำอธิบาย ไฟล์ GIF
เป็นไฟล์บิตแมปที่ใช้สีได้สูงสุด 256 สี นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า Gif Animation เป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวที่มีขนาดของไฟล์เล็ก ทั้งนี้ เนื่องจากไฟล์ชนิดนี้ได้มีการบีบอัดข้อมูลแบบ LZW ทำให้ขนาดของไฟล์เล็กลง ส่งผลให้การส่งผ่านข้อมูลไปยังระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถรองรับโหมดสีแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Bitmap-Mode, Grayscale หรือแม้แต่ Indexed-Color Gif ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นผลจากค้นคิดและพัฒนาโดยบริษัท Compuserve อย่างไรก็ตามแม้ว่าไฟล์ชนิดนี้ จะเป็นที่นิยมนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลายบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ตาม แต่ยังคงมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องคุณภาพของสีที่ลดลง ไฟล์ JPEG เป็นไฟล์ภาพที่แสดงผลแบบ Indexed-Color สามารถรองรับโหมดสีแบบ CMYK, RGB, Grayscale Color ได้เป็นอย่างด แต่ไม่รองรับคุณสมบัติการโปร่งแสง (Alpha Channel) นิยมนำมาใช้บนไฟล์เอกสาร Html ไฟล์ JPG เป็นไฟล์ภาพที่ได้จากแหล่งเก็บภาพถ่ายและการสแกนภาพ สามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็วทั้งนี้ เนื่องจากขนาดของไฟล์เล็กมากเป็นพิเศษ นิยมนำมาใช้เพื่อแลกเปลี่ยนภาพผ่านทางอีเมล์และใช้เป็นส่วนประกอบของภาพในไฟล์เอกสาร Html เช่นกัน ไฟล์ PNG เป็นไฟล์บิตแมปอีกชนิดหนึ่ง ที่มีการบีบอัดข้อมูลแบบ Lossless สามารถให้สีชนิด True Color ได้สูงสุดถึง 48 Bit/Pixel ทั้งนี้ได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนไฟล์ไฟล์ Gif นั่นเอง แม้ว่าไฟล์ PNG จะมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าไฟล์ Gif อยู่หลายประการก็ตาม แต่ความนิยมของผู้ใช้ยังคงชมชอบใช้ไฟล์ Gif มากกว่า อย่างไรก็ตาม นักออกแบบเว็บไซต์สมัยใหม่กำลังให้ความสนใจและจะนำไฟล์ชนิดนี้มาใช้งานเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถรองรับโหมดสีต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โหมดสีแบบ Grayscale และ RGB (ที่มี Single Alpha Channel)โหมดสีแบบบิตแมป(Bitmap)ชนิดIndexed-Color(ที่ไม่มีAlpha Channel) รวมถึงขนาดของไฟล์ที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกันกับไฟล์ GIF แต่ก็ให้คุณภาพของสีที่ดีกว่า

52 แบบฝึกหัดท้ายบท หาภาพจากเว็บไซต์ที่เป็นภาพแบบบิตแมปและแบบเวคเตอร์อย่างละ 1 รูป พร้อมบอกที่มา จากโปรแกรม Photoshop ให้ใช้คำสั่ง Edit, Transform ปรับปรุงรูปทรงของภาพใดๆ ก็ได้ ให้ผิดแผกไปจากเดิม พร้อมพิมพ์บอกค่าที่กำหนดไว้ด้วย


ดาวน์โหลด ppt บทที่ 4 ภาพนิ่ง (Still Image)

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google