พันธกิจของเปโตร Lesson 6 for August 11, 2018
พระกิตติคุณได้ถูกสอนให้คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองอันทิโอกด้วย พระเยซูตรัสกับเปโตรก่อนที่เขาจะปฏิเสธ "เมื่อท่านหันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้ง หลายของท่าน" (ลูกา 22:32) เปโตรได้ทำ ตามคำร้องขอดังกล่าวโดยการเดินทางไป ยังสถานที่ต่าง ๆ และรับใช้พี่น้องของตน ผู้ที่ขัดสน ผู้ที่คลางแคลงและชาวต่างชาติ พระกิตติคุณได้ถูกสอนให้คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองอันทิโอกด้วย พันธกิจของเปโตร. พันธกิจการเยียวยารักษา. Acts 9:32-43. พันธกิจต่อคนต่างชาติ. Acts 10:1-43. พันธกิจแห่งการยอมรับ. Acts 10:44-11:1-18. พันธกิจของคริสตจักร. เทศนาต่อคนต่างชาติ. Acts 11:19-30. การเผชิญการข่มเหง. Acts 12.
พันธกิจแห่งการเยียวยารักษา “เปโตรยื่นมือออกมาพยุงเธอ แล้วเรียกพวกธรรมิกชนกับบรรดาแม่ม่ายเข้ามา แล้วมอบหญิงที่มีชีวิตนั้นให้กับพวกเขา.” (Acts 9:41) พระเจ้าทรงใช้ให้เปโตรทำการอัศจรรย์อย่างที่พระเยซูได้ทรงทำ Luke 5:17-26 Acts 9:32-35 ““เราสั่งท่านว่าจงลุกขึ้นยกที่นอนแล้วกลับไปที่บ้านของท่าน." “ไอเนอัส พระเยซูคริสต์ทรงให้ท่านหายโรค จงลุกขึ้นเก็บที่นอนของท่านเถิด.” Mark 5:35-43 Acts 9:36-43 “หลังจากพระองค์ไล่คนเหล่านั้นออกไปแล้ว... เด็กหญิงเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด.’” “เปโตรจึงให้คนทั้งหลายออกไปข้างนอก...ทาบิธา จงลุกขึ้น.’” Acts 9:32-43
พันธกิจแห่งการเยียวยารักษา “เปโตรยื่นมือออกมาพยุงเธอ แล้วเรียกพวกธรรมิกชนกับบรรดาแม่ม่ายเข้ามา แล้วมอบหญิงที่มีชีวิตนั้นให้กับพวกเขา.” (Acts 9:41) ผลลัพธ์ก็เหมือนกันในทั้งสอง กรณี "พวกเขาสรรเสริญพระ เจ้า" พวกเขา "หันมาหาพระ เจ้า" "พวกเขาก็ประหลาดใจ อย่างยิ่ง" และ "หลายคนเชื่อ ในพระเจ้า" เมื่อเรายอมให้พระเจ้าใช้เราอย่างเต็มที่เพื่อพระกิตติคุณ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สามารถเกิดขึ้นได้ Acts 9:32-43
พันธกิจต่อคนต่างชาติ “แล้วเปโตรจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงลำเอียง.’” (Acts 10:34) ทูตสวรรค์องค์หนึ่งบอกนายร้อยโครเนลิอัสว่าใครที่เขาควรเรียกและหา เขาได้ที่ไหน เปโตรเป็นคนยิวที่อุทิศตน เขาจึงไม่ต้องการเข้าไปในบ้านของคน ต่างชาติ จึงเป็นปัญหาการประกาศความรอดของเขา ดังนั้นพระเจ้าตรัส กับเขาด้วยนิมิตพิเศษเพื่อให้สั่งสอนแก่คนต่างชาติ พระเยซูทรงใช้ตัวอย่างของเปโตร เพื่อสอนว่าความรอดเป็นสากล (ติตัส 2:11; กาลาเทีย 3: 26-28; เอเฟซัส 2: 11-19) ไม่มีใครถูกแยกจากพระคุณของพระ เจ้า เราต้องประกาศข่าวประเสริฐแก่ ทุกคน Acts 10:1-43
พันธกิจแห่งการยอมรับ “เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า ‘พระเจ้าก็ทรงโปรดแก่คนต่างชาติให้กลับใจใหม่จนได้ชีวิตรอดด้วย.’” (Acts 11:18) เปโตรเห็นคนต่างชาติได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ " เหมือนกับที่เคยเสด็จลงมาสถิตกับเราเมื่อเริ่มแรก นั้น" เพราะฉะนั้นเขาเข้าใจว่าพวกเขาจะได้รับบัพ ติศมาและกลายเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักร (ไม่ จำเป็นต้องเข้าสุหนัต) แต่คริสตจักรยังไม่พร้อมที่จะยอมรับพวกเขา เขาแย้งกับเปโตรเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ต่อต้านหลังจากฟัง เรื่องราวทั้งหมด ประตูเปิดให้คนต่างชาติ ซึ่งจะนำผลลัพธ์ที่ใหญ่ หลวงมาในเร็ว ๆ นี้ Acts 10:44-11:1-18
การเทศนาต่อคนต่างชาติ “แต่มีบางคนในพวกที่กระจัดกระจายไปนั้นที่เป็นชาวเกาะไซปรัสและชาวไซรีน คนเหล่านี้เมื่อมาถึงเมืองอันทิโอกก็กล่าวประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้ากับพวกกรีกด้วย.” (Acts 11:20) ผู้เชื่อหลายคนต้องหนีจากกรุงเยรูซาเล็มเพราะการข่ม เหงของเซาโล พวกเขาเทศนาให้ชาวยิวทุกคนที่พวกเขา พบ บางคนตัดสินใจที่จะสั่งสอนคนต่างชาติในเมืองอันทิ โอก พระเจ้าทรงจัดทุกสิ่งทุกอย่าง เซาโลได้มาเป็นอัครสาวก เปโตรเริ่มเทศนาให้คนต่างชาติและคริสตจักรยอมรับ พวกเขา เมื่อคริสตจักรได้ยินเกี่ยวกับคนต่างชาติที่กลับใจในเมืองอันทิ โอกเขาได้ส่งบาร์นาบัส ทำไมต้องเป็นเขา? เพราะเขาเป็น "คน ดี เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ" และเขา รู้จักเปาโลและที่อยู่ของท่าน พวกเขาได้ประกาศพระคริสต์ในเมืองอันทิโอกเป็นเวลาหนึ่งปี บรรดาผู้เชื่อถูกเรียกว่า "คริสเตียน" เป็นครั้งแรก Acts 11:19-30
การเผชิญการข่มเหง “ในเวลานั้นกษัตริย์เฮโรดเหยียดพระหัตถ์ออกทำร้ายบางคนในคริสตจักร ท่านฆ่ายากอบพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ.” (Acts 12:1-2) ศัตรูโกรธเพราะการเติบโตของ คริสตจักร ดังนั้นมันจึงเร้าเฮโรดให้หยุด ความก้าวหน้าของข่าวประเสริฐ ความตายของอัครสาวกคนแรกและการคุม ขังของเปโตรทำให้โบสถ์เป็นกังวล เฮโรดทำให้แน่ใจว่าเปโตรจะไม่สามารถ หลบหนีได้ เพราะอัครสาวกคนอื่น ๆ ได้ออก จากคุกได้อย่างง่ายดาย (กิจการ 5: 17-20) คริสตจักรชุมนุมกันเพื่ออธิษฐานด้วยกันและพระ เจ้าทรงสดับคำอธิษฐานของพวกเขาโดยส่งทูต สวรรค์ให้เพื่อปล่อยตัวเปโตร ภายหลังเฮโรดได้รับบาดเจ็บโดยทูตสวรรค์ Acts 12
“พระคริสต์มิได้ทรงแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติ ชนชั้นหรือความเชื่อ ในศาสนา พวกธรรมจารย์และฟาริสีต่างต้องการใช้ของประทานจากสวรรค์ เพื่อ สนองผลประโยชน์ส่วนตัวและสำหรับชาติของตนเท่านั้น และได้กีดกั้นชนชาติอื่นๆ ในโลกซึ่งต่างก็มีสิทธิ์ที่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า ไม่ให้มีส่วนร่วมใน ของประทานนั้น แต่พระคริสต์เสด็จมาเพื่อทลายกำแพงทั้งหลายที่คอยขวางกั้น พระองค์เสด็จมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าของประทานแห่งพระเมตตาคุณและความรัก ของพระองค์ไม่มีขอบเขตจำกัด เช่นเดียวกับอากาศ แสงสว่างหรือสายฝนที่โปรย ปรายลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้แก่แผ่นดินโลก ชีวิตของพระคริสต์ได้ก่อเกิดศานานที่ไม่มีการแบ่งแยกชั้นวรรณะเป็นศาสนาที่ทำ ให้ชาวยิวและคนต่างชาติ อิสระชนและทาส มีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง มีความ เสมอภาคต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ไม่มีกฎระเบียบหรือข้อบังคับใดซึ่งจะมีผลต่อ ราชกิจของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงทำให้มีความแตกต่างระหว่างพื่อนบ้านและคน แปลกหน้า มิตรสหายและศัตรู สิ่งที่ดึงดูดพระทัยของพระองค์คือ จิตวิญญาณที่ กระหายใคร่ดื่มน้ำแห่งชีวิต.” “Christ recognized no distinction of nationality or rank or creed. The scribes and Pharisees desired to make a local and a national benefit of the gifts of heaven and to exclude the rest of God’s family in the world. But Christ came to break down every wall of partition. He came to show that His gift of mercy and love is as unconfined as the air, the light, or the showers of rain that refresh the earth. The life of Christ established a religion in which there is no caste, a religion by which Jew and Gentile, free and bond, are linked in a common brotherhood, equal before God. No question of policy influenced His movements. He made no difference between neighbors and strangers, friends and enemies. That which appealed to His heart was a soul thirsting for the waters of life.” E.G.W. (The Ministry of Healing, cp. 1, p. 25)