งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐาน ทางการจัดการโลจิสติกส์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐาน ทางการจัดการโลจิสติกส์"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 03764491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐาน ทางการจัดการโลจิสติกส์
ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐาน ทางการจัดการโลจิสติกส์ Basic Research Methods in Logistics Management กุสุมา พิริยาพรรณ เติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ คณะวิทยาการจัดการ 5 : 9 ก.พ. 58

2 การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review)
ความหมายการทบทวนวรรณกรรม 1 ความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรม 2 วัตถุประสงค์และเป้าหมายการทบทวนวรรณกรรม 3 ประเภทการทบทวนวรรณกรรม 3 4 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม 3 5 กรอบแนวคิดในการวิจัยและประโยชน์ของกรอบแนวคิด 3 6

3 1. ความหมายการทบทวนวรรณกรรม
ความหมายวรรณกรรมวิจัย วรรณกรรม หมายถึง งานหนังสือ งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด โดยที่มี การนำเสนอในรูปแบบต่างๆ กัน เช่น ตำรา หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คำปราศรัย สุนทรพจน์ สิ่งบันทึกเสียง ภาพถ่าย และอื่นๆ เป็นต้น วรรณกรรมในงานวิจัย หมายถึง เอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ (1) แนวคิด/ทฤษฎี และ (2) ผลงานวิจัยที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กับเรื่องที่ทำกา ร การศึกษาวิจัย The University of Sydney (2010) การทบทวนวรรณกรรมเป็นการจัดระบบหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย โดยผ่านการ สังเคราะห์เพื่อนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยครั้งต่อไป ตัวอย่าง วรรณกรรม Logistic

4 1. ความหมายการทบทวนวรรณกรรม
Zikmund, Babin, Carr, & Griffin (2010) การทบทวนวรรณกรรม หมายถึง การค้นหาโดยตรงจากงานที่ได้รับการตีพิมพ์ รวมถึงวารสารที่ ตีพิมพ์ตามเวลาที่กำหนดและหนังสือที่มีการกล่าวถึงทฤษฎีและแสดงผล การศึกษาเชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่ทำการศึกษา Hart (อ้างถึง Levy & Ellis, 2006) กล่าวว่า การทบทวนวรรณกรรม เป็นการใช้ความคิดที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมนั้น เพื่อสนับสนุนวิธีการที่ เฉพาะสำหรับหัวข้อวิจัยการเลือกวิธีการวิจัยและแสดงให้เห็นว่า งานวิจัย นี้นำเสนอสิ่งใหม่ นอกจากนี้ Hart ยังกล่าวว่า คุณภาพของการทบทวน วรรณกรรมหมายถึงความเหมาะสมทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก โดยมีความ เข้มข้นและสม่ำเสมอ มีความชัดเจนและใช้คำที่กระชับและมีการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ

5 1.ความหมายการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรม (literature review) เป็นการกระบวนการตรวจสอบเอกสารทางวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้องานวิจัยเพื่อนำมาวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ขึ้นอย่างเป็นระบบและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ การทบทวนวรรณกรรมควรเป็นกระบวนการสำคัญของทุกขั้นตอนการวิจัยหลัก ๆ ได้แก่ ก่อนเริ่มทำวิจัย-เพื่อกำหนดชื่อเรื่อง ปัญหา วัตถุประสงค์ สมมติฐาน กรอบแนวคิดการวิจัยระเบียบวิธีการวิจัยและวิธีดำเนินการวิจัย ระหว่างการทำวิจัย-เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของงานวิจัยต่างๆ ที่ยังตรวจไม่พบตอนเสนอโครงร่าง สรุปผลการวิจัย-เพื่อจะได้ข้อมูลสนับสนุนผลการวิจัยเพิ่มเติม

6 1.ความหมายการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมวิจัย การศึกษาค้นคว้าและเรียบเรียงแนวคิด ทฤษฎีและผลงานวิจัยที่จะ เกี่ยวข้องให้เชื่อมโยงกับเรื่องที่ศึกษาวิจัย การนำเสนอวรรณกรรม เป็นการคัดเลือกวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะทำการศึกษา วิจัยมาวิเคราะห์และรวบรวมกำหนดเป็นแนวคิดรวมแล้วนำมาเสนอเพื่อ สนับสนุนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา กรอบแนวคิด ตัวแปร การกำหนดสมมติฐานและการอภิปรายผล

7 2.ความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรม
1. สร้างความชัดเจนให้กับหัวข้อวิจัย 1.1 ช่วยให้ผู้วิจัยมองปัญหาด้วยความเข้าใจ และอธิบายปัญหาการ วิจัยถูกต้องชัดเจน 1.2 ช่วยให้ความเป็นมา และความสำคัญของปัญหามีน้ำหนัก เพราะมี แนวคิด ทฤษฎีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุน ช่วยสนับสนุนการ ตั้งสมมติฐานและวิธีการวิจัย 1.3 ช่วยให้ผู้วิจัยสามารถสังเคราะห์กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual framework) 7

8 2.ความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรม
2. ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของเรื่องที่จะศึกษา ช่วยให้ทราบว่าเรื่องที่จะศึกษามีใครเคยทำมาก่อน? จะได้เพิ่มหรือฉีก แนวการวิจัยให้แตกต่างออกไป 3. สนับสนุนการอภิปรายผล ช่วยให้ผู้วิจัยมีเหตุผลสนับสนุนสิ่งที่ผู้วิจัยค้นพบว่า จะแตกต่าง/เหมือน กับงานวิจัยเดิมอย่างไร เช่น หากผลการศึกษา พบว่า กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็น กลุ่ม Gen z ที่เป็นเพศหญิงส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงาม ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการวิจัยของศูนย์วิจัยกสิกรไทย (2551) ที่พบว่า เพศหญิงมีแนวโน้มซื้อผลิตภัณฑ์เสรอมอาหารมากกว่าเพศชาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเพศหญิงมีความรักสวยรักงามมากกว่าเพศชาย เป็นต้น 8

9 2.ความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรม
4. การขยายความรู้ทางวิชาการ ช่วยให้ผู้วิจัยได้แนวคิด ทฤษฎีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวมา 4.1 ขยายความรู้ทางวิชาการในเรื่องที่ทำ 4.2 ช่วยการให้นิยามศัพท์ให้มีความชัดเจนขึ้น 4.3 ช่วยให้เกิดแนวคิดใหม่ในการต่อเติมงานวิจัยที่มีอยู่ให้เป็นหัว ข้อใหม่ ในการวิจัยคราวต่อไป เช่น ภาพลักษณ์ต่อองค์กร หมายถึง ภาพที่เกิดขึ้นในใจของคน (Mental picture) ภาพลักษณ์ต่อองค์กร หมายถึง องค์รวมของความเชื่อ ความคิด และ ความ ประทับใจ ที่บุคคลมีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ภาพลักษณ์ต่อองค์กร หมายถึง การรับรู้ของผู้บริโภคต่อองค์กรทั้งหมด 9

10 3.วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรม
ผู้วิจัยทำการค้นคว้าศึกษารวบรวมและประมวลผลงานทางวิชาการ เช่น ผลงานวิจัย บทความเอกสารทางวิชาการและตำราที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องหรือประเด็นที่ทำการวิจัย วัตถุประสงค์ : เพื่อประเมินประเด็นปัญหา แนวคิด ระเบียบวิธีการวิจัย ข้อสรุป ข้อเสนอแนะจากผลงานวิจัยหรือเอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ หัวข้อหรือประเด็นของปัญหาของการวิจัยก่อนที่จะดำเนินการ ทำการวิจัย ของตนเองและในบางครั้งอาจมีการทบทวนเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ลงมือทำ ไปบ้างแล้ว (สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์) 10

11 3.เป้าหมายการทบทวนวรรณกรรม
จะได้ทราบว่ามีใครเคยทำงานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังศึกษา ทำให้ ไม่ทำวิจัยซ้ำกับผู้อื่น ทำให้ทราบอุปสรรค หรือข้อบกพร่อง ในการทำวิจัยในเรื่องนั้นๆ ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการพิจารณากำหนดขอบเขตและตัวแปร ในการวิจัย ใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดกรอบแนวคิดการวิจัยและกำหนดสมมติฐาน การวิจัย ช่วยในการกำหนดรูปแบบและวิธีการวิจัย ช่วยในการเชื่อมโยงสิ่งที่ค้นพบในการวิจัยครั้งนี้กับที่พบจากการวิจัยที่ ผ่านมา 11

12 3.เป้าหมายการทบทวนวรรณกรรม
แสดงให้ผู้ตรวจสอบโครงการรู้ว่า ผู้เสนอโครงการ มีความรู้ครบถ้วนแล้วทั้งทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่สอดคล้องและที่ขัดแย้ง รู้ครบถ้วนแล้วว่า ใครทำอะไรไว้บ้าง เพื่อสรุปให้ได้ในตอนท้ายว่า ด้วยความรู้ทั้งปวงที่ปรากฏอยู่นั้น ทำให้เราเชื่อได้ว่าเราต้องทำอะไรต่อไป Remember: The purpose of your literature review is not to provide a summary of everything that has been written on your research topic, but to review the most relevant and significant research on your topic 12

13 บทความทางวิชาการ(Articles)
4.ประเภทวรรณกรรม บทความทางวิชาการ(Articles) 1. วรรณกรรมประเภทปฐมภูมิ (Primary Literature) วิทยานิพนธ์ (Thesis) งานนิพนธ์ (Independent Study ) รายงานผลการวิจัย (Research Report) สิ่งค้นพบอื่นๆ เช่น ภาพ เสียง 13

14 5 บทความทางวิชาการ(Articles) 4.ประเภทวรรณกรรม
2. วรรณกรรมประเภททุติยภูมิ (Secondary Literature) บทความทางวิชาการ(Articles) ตำรา (Text Book) ปริทัศน์งานวิจัย (Research Review) สารานุกรม (Encyclopedia) พจนานุกรม (Dictionary) คู่มือ (Handbooks) รายงานประจำปี (Yearbooks) 14

15 4.ประเภทวรรณกรรม แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย :
แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย : ระบุแหล่งที่น่าเชื่อถือ และอ้างอิงถูกต้อง 2) ความเหมาะสม ทันสมัย (ไล่เรียงจากปัจจุบันย้อนหลังไป) 3) พอเพียงที่ใช้เป็นแนวคิดการวิจัยและกรอบการวิจัย

16 ตัวอย่าง พฤติกรรมการเปิดรับและทัศนคติของกลุ่มคนวัยทำงานที่มีต่อรายการข่าวภาคเที่ยงของสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย แนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นกรอบแนวความคิดในการศึกษา จึงประกอบด้วย 1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมการเปิดรับข่าว 2. ทฤษฏีการเลือกและการแสวงหาข่าวสาร 3. แนวคิดและทฤษฏีเกี่ยวกับทัศนคติ 4. งานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง : ทัศนีย์ ยาสมาน การชมรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาของประชาชนในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เทวี แย้มสรวล การวิเคราะห์องค์ประกอบที่มีผลต่อความสนใจรายการโทรทัศน์ สำหรับเด็กของนักเรียนชั้นประถมศึกษาในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 16

17 ตัวอย่าง การพัฒนารูปแบบการให้บริการขนส่งเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางด้านสุขภาพในจังหวัดชลบุรี การแนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นกรอบแนวความคิดในการศึกษา จึงประกอบด้วย 1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการตอบสนองความต้องการเดินทาง (DRT) 2. ทฤษฏีปัญหาการขนส่ง 3. วิเคราะห์ต้นทุนการขนส่งทางเศรษฐศาสตร์และการเงิน 4. ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค 5. งานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง : กุสุมา พิริยาพรรณ การพัฒนารูปแบบการให้บริการขนส่งเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางด้านสุขภาพในจังหวัดชลบุรี. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา. 17

18 The Literature Review Process
5.ขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม The Literature Review Process

19 5.เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยอย่างพินิจพิเคราะห์ การอ่านเก็บความจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย การอ่านเก็บความคิดสำคัญ (Main Ideas) การอ่านเก็บรายละเอียด (Details) การอ่านวิธีการจัดระเบียบความคิด (Organisation of Ideas) การอ่านระหว่างบรรทัด (Read Between the Lines) จากนั้นจึงถอดความ (Paraphrase) สรุป (Summarise) และ คัดลอกข้อความ (Quote) 19

20 5.เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
การจดบันทึกเนื้อหาสาระที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม ในเรื่อง/หัวข้อ ต่อไปนี้ ปัญหาและวัตถุประสงค์การวิจัย เหตุผลที่ทำวิจัย สมมติฐาน ทฤษฎี หรือ กรอบแนวคิด ตัวแปร เครื่องมือการวิจัย วิธีดำเนินการ ผลการวิจัย ข้อเสนอแนะ 20

21 ตัวอย่าง : การอ่านเก็บความจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
การค้นคว้าอิสระเรื่อง “การศึกษาโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าประเภทผักสดเพื่อการส่งออก” นี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจ(Exploratory research) กึ่งการวิจัยเชิงพรรณา (Descriptive Research)เพื่อหาโครงสร้างข้อมูลขั้นต้นที่เกษตรกรหรือผู้ส่งออกผักสดไฮโดรโปนิกส์ของไทยจำเป็นต้องเก็บและบันทึกเพื่อให้สามารถแสดงที่มาของวัตถุดิบที่หรือสินค้าที่ได้รับการส่งมอบจากคู่ค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ และสามารถแสดงถึงสินค้าที่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับคู่ค้าที่เป็นลูกค้าโดยการใช้หลักในการตรวจสอบย้อนกลับแบบ “ถอยหลังหนึ่งขั้น และ ไปข้างหน้าหนึ่งขั้น (One-Step Forward and One-Step Backward)” การทำศึกษาวิจัยในครั้งนี้ใช้การเก็บข้อมูลปฐมภูมิจากกลุ่มประชากรตัวอย่างเพื่อค้นหาความต้องการขั้นต้นและความพร้อมขององค์กรเหล่านั้น ร่วมกับการค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิเพื่อค้นหามาตรฐานที่สามารถใช้เป็น “ภาษากลาง” หรือ “Global Language” ในการดำเนินการตรวจสอบย้อนกลับร่วมกับคู่ค้าใดๆจากทุกองค์กรในห่วงโซ่อุปทานเดียวกันทั่วโลก จากการศึกษาทำให้ได้ข้อสรุปถึงโครงสร้างข้อมูลซึ่งสามารถนำไปใช้งานขั้นต้นได้โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพิมพ์ฉลาก โลจิสติกส์ในแบบที่เป็นบาร์โค้ดและสามารถรองรับการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้กับฉลากชนิด RFID ได้อีกด้วยซึ่งหากเกษตรกรและผู้ส่งออกของไทยสามารถทำการตรวจสอบย้อนกลับได้โดยที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลย่อมจะช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าให้กับเกษตรกรและผู้ส่งออกผักสดไฮโดรโปนิกส์ของไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถช่วยลดข้อจำกัดและการกีดกันทางการค้าเนื่องจากเป็นการเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety Rules and Regulations Compliance Capability) ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการส่งออกที่สำคัญในปัจจุบัน

22 การประเมินวรรณกรรม ระดับความเกี่ยวข้อง
1. เกี่ยวข้องกับชื่อเรื่องหรือปัญหาในการวิจัย เพื่อใช้ในการเขียนภูมิหลัง ความสำคัญและที่มาของปัญหาได้ชัดเจน 2. เกี่ยวข้องกับสมมติฐานเพื่อจะได้มีเหตุผลว่าทำไมกำหนดสมมติฐานเช่น เน้นวรรณกรรมที่คัดเลือกมาควรจะเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนสมมติฐาน 3. เกี่ยวข้องกับตัวแปร เพื่อจะได้กำหนดตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย นำไปสู่การสร้างกรอบแนวคิดในการวิจัย 4. เกี่ยวข้องกับการอภิปรายผล เพื่อนำมาสนับสนุน/โต้แย้ง ผลการวิจัยที่ได้ /เปรียบเทียบกับผลงานวิจัยในอดีต 22

23 การประเมินวรรณกรรม ระดับความครอบคลุม
การเลือกวรรณกรรมที่สามารถนำมาอ้างอิง สนับสนุน/ โต้แย้งครอบคลุมประเด็นต่างๆ ให้มากที่สุดตั้งแต่ภูมิหลังความ เป็นมา กรอบแนวคิด สมมติฐาน ขอบเขต ตัวแปร และการ อภิปรายผลการวิจัย ถ้าเลือกวรรณกรรมที่ครอบคลุมน้อยจะต้องใช้วรรณกรรม เป็นจำนวนมากเกินไปในการศึกษาวิจัย 23

24 การประเมินวรรณกรรม ระดับความน่าเชื่อถือ
1. ความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา จะต้องสามารถสืบค้นได้ถึงเจ้าของผลงานเดิม 2. ความน่าเชื่อถือของประเภทวรรณกรรมปฐมภูมิมากกว่าทุติยภูมิ 3. ความน่าเชื่อถือของเจ้าของวรรณกรรม คุณวุฒิ ความถนัด ความชำนาญของเจ้าของวรรณกรรม 4. ความน่าเชื่อถือในสำนักพิมพ์ McGraw-Hill ,Adison Wesly,. Prentice-Hall, Dryden Press 5. ความทันสมัยของวรรณกรรม ปี พ.ศ. 24

25 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
25

26 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม ตารางสังเคราะห์การทบทวนวรรณกรรม
26

27 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
ตัวอย่าง : ตารางแสดงการสรุปตัวแปรที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม 27

28 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
ตัวอย่าง : ตารางแสดงการสรุปตัวแปรที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม 28

29 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
ตัวอย่าง : ตารางแสดงการสรุปตัวแปรที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม 29

30 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
ตัวอย่าง : ตารางแสดงการสรุปตัวแปรที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม 30

31 เทคนิคและขั้นตอนการทบทวนวรรณกรรม
ตัวอย่าง : ตารางแสดงการสรุปตัวแปรที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม 31

32 หลักคิดในการทบทวนวรรณกรรม
การทบทวนวรรณกรรมไม่จำเป็นต้องอ้างถึงวรรณกรรมหลักทั้งหมดในสาขาที่ศึกษา การทบทวนวรรณกรรมควรระบุความจำเป็นสำหรับการศึกษาครั้งต่อไปทุกครั้ง คำถามการวิจัยมีความสำคัญต่อการกำหนดแนวทางการวิจัย สำหรับการทบทวนวรรณกรรม วรรณกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยไม่ควรนำมาใส่ในงานวิจัย ที่มา: ปรับมาจาก The University of Sydney (2010) อ้างใน ชัยเสฏฐ์ พรหมศรี

33 6.กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework)
ความหมาย : แบบจำลองที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสร้างขึ้นโดยใช้ ทฤษฎี ข้อสรุปเชิงประจักษ์ ข้อมูลจากสมมติฐานและผลงานวิจัย นำมา สังเคราะห์เพื่อให้ผู้วิจัยเกิดมุมมองภาพรวมของงานวิจัยเรื่องนั้น แบบจำลองที่ใช้แทนความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันระหว่างปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเรื่องที่ศึกษาว่ามีแนวคิดที่สำคัญอะไรบ้างในปรากฏการณ์นั้น ตัวแปร หรือ ปรากฏการณ์เชื่อมโยงเกี่ยวกันอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อจะนำความสัมพันธ์ที่คิดขึ้นไปตรวจสอบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ต่อไปว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่

34 6.กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework)
ความหมาย : เป็นภาพพจน์ ที่กำหนดว่าตัวแปรต่างๆ ที่ผู้วิจัยจะศึกษามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร เป็นปัญหาที่ตั้งไว้แต่ละข้อจะหาคำตอบได้อย่างไร เป็นใช้ระเบียบวิธีการวิจัยอย่างไรจึงจะค้นหาคำตอบในปัญหาเหล่านั้น ตัวแปร หรือ ปรากฏการณ์เชื่อมโยงเกี่ยวกันอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อจะนำความสัมพันธ์ที่คิดขึ้นไปตรวจสอบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ต่อไปว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่

35 6.กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework)
ความหมาย : เป็นภาพสรุปสุดท้ายของการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นผลรวมความคิดของผู้วิจัยกับเรื่องราวทางทฤษฎีต่างๆ เป็นแนวคิดของผู้วิจัยที่ต้องการหลักฐานเชิงประจักษ์ มาพิสูจน์ความถูกต้อง เป็นกรอบของการวิจัย ด้านเนื้อหาสาระ ประกอบด้วย ตัวแปร และการระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร

36 6.กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework)
สรุป : การนำเสนอภาพรวมๆ ของงานวิจัยที่ผู้วิจัยจะทำโดยกำหนดออกมาให้เห็นรูปธรรมชัดเจน จากการศึกษาวิเคราะห์เอกสาร ตำรา ทฤษฎี ตลอดจนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม แล้วนำเสนอหรือสรุปเป็นภาพรวมให้ชัดเจนให้ง่ายต่อความเข้าใจปัญหาและวิธีการวิจัย การเขียนกรอบแนวคิดการวิจัยเชิงพรรณนา มุ่งพรรณนาคุณสมบัติของปรากฏการณ์หรือสิ่งที่ต้องการศึกษา ดังนั้น จะมีแต่การเขียนระบุว่า มีตัวแปรอะไรบ้างที่จะนำมาศึกษา เช่น ในการวิจัยเกี่ยวกับพรรคการเมือง ผู้วิจัยอาจ จะศึกษาคุณสมบัติทางด้านเศรษฐกิจสังคม การศึกษาและประเภทของคำขวัญที่ใช้ในการหาเสียง การเขียนกรอบแนวคิดการวิจัยเชิงอธิบาย การวิจัยประเภทอธิบาย (Explanatory research) มุ่งอธิบายการเกิดขึ้นหรือการเปลี่ยนแปลงเชิงสาเหตุและผลของปรากฏการณ์ที่ต้องการศึกษา ดังนั้น ต้องระบุว่ามีตัวแปรอะไรบ้าง และตัวแปรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

37 6.ความสำคัญของกรอบแนวคิดการวิจัย
การศึกษาปัญหาเดียวกันอาจมีทฤษฎีต่างๆ หรือแนวความคิดในการมองปัญหามากมายหลายรูปแบบ หัวข้อปัญหาวิจัยและประเด็นการวิจัยเรื่องเดียวกันอาจมีกรอบแนวความคิดแตกต่างกันได้ การระบุกรอบแนวความคิดจึงเป็นการช่วยให้ นักวิจัยเองและผู้อื่นได้ทราบว่าผู้วิจัยมีแนวคิดอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการศึกษาในรูปแบบใดและทิศทางใด

38 6. พื้นฐานเชิงทฤษฎีของกรอบแนวคิดการวิจัย กรอบแนวคิดการวิจัยและสมมติฐาน
การที่ตัวแปรในกรอบแนวความคิดมีพื้นฐานทางทฤษฎีต่างๆ จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ที่มีอยู่แล้วให้ถูกต้องสมบูรณ์มากขึ้น กรอบแนวคิดการวิจัยและสมมติฐาน ทบทวนผลงานวิจัยและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง จะได้สมมติฐานการวิจัย ถ้าผู้วิจัยสามารถกำหนดกรอบแนวความคิดการวิจัยได้ ผู้วิจัยก็ สามารถตั้งสมมติฐานระบุความ สัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ เกี่ยวข้องกันได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

39 ตัวอย่างของกรอบแนวความคิด แผนภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุ
ตัวอย่างของกรอบแนวความคิด แผนภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุ พฤติกรรมการเปิดรับและความพึงพอใจต่อรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม MEDIA NEWS CHANNEL ของผู้ชมในเขตกรุงเทพมหานคร ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม 1. พฤติกรรมการเปิดรับชมรายการข่าวรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม MEDIA NEWS CHANNEL 2. ความพึงพอใจจากการรับชมรายการรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม MEDIA NEWS CHANNEL 3. ความคาดหวังต่อรายการรายการข่าว ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม MEDIA NEWS CHANNEL ลักษณะส่วนบุคคลของประชาชนที่ เปิดรับชมรายการข่าวทางสถานี โทรทัศน์ดาวเทียม MEDIA NEWS CHANNEL

40 6.หลักการในการเลือกกรอบแนวความคิดในการวิจัย
ความตรงประเด็น พิจารณาได้จากเนื้อหาสาระของตัวแปรและระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา ความง่ายและไม่สลับซับซ้อน ควรเลือกทฤษฎีที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่ต้องการศึกษาได้ จำนวนตัวแปรและรูปแบบของความ สัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่มีอยู่ในทฤษฎีไม่ซับซ้อน ความสอดคล้องกับความสนใจ เนื้อหาสาระเกี่ยวกับตัวแปรหรือความ สัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสอดคล้องกับความสนใจของผู้วิจัย ความมีประโยชน์เชิงกลยุทธ์ คำนึงถึงประโยชน์ทางด้านกลยุทธ์หรือการพัฒนากลยุทธ์ ผู้วิจัยจึงควรเลือกตัวแปรที่เกี่ยวข้อง

41 6.ประโยชน์ของกรอบแนวความคิดในการวิจัย
1. ทำให้ผู้วิจัยทราบว่าตัวแปรที่จะวัดมีกี่ตัว อะไรบ้าง 2. ทำให้ผู้วิจัยกำหนดสิ่งที่จะศึกษาชัดเจน และเลือกสถิติได้อย่างเหมาะสม 3. ทำให้ผู้วิจัยวางแผนเก็บข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ช่วงเวลาใดควรจะเก็บข้อมูลกับตัวแปรใดก่อน – ตัวแปรใดหลัง 4. ทำให้ผู้วิจัยมองเห็นภาพที่จะทำการศึกษาชัดเจน และสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ เป็นไปอย่างมีเหตุผล

42 6.การเสนอกรอบแนวความคิด
1. แบบพรรณนาหรือบรรยาย เป็นการเขียนบรรยายเพื่อให้เห็นว่า  ในการวิจัยนี้มีตัวแปรอะไรบ้างที่สำคัญเกี่ยวข้องกับปัญหาหรือ ประเด็นของการวิจัย  ตัวแปรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับตัวแปรตามอย่างไร  มีเหตุผลหรือทฤษฎีอะไรมาสนับสนุน 2. แบบสมการ  Y = a + bx 3. แบบแผนภาพ  แผนภาพที่แตกต่างกันช่วยให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นว่าผู้วิจัยมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร  ผู้วิจัยที่มีตัวแปรเดียวกัน จำนวนเท่ากันอาจมีแนวความคิดแตกต่างกัน 4. การบรรยายและนำเสนอสรุปเป็นแผนภาพ 

43 ตัวอย่าง ความสัมพันธ์ แบบที่ 1
กรอบแนวคิดการวิจัย ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ Independent Variables Dependent

44 ตัวอย่าง ความสัมพันธ์ แบบที่ 2
Variable component

45 ตัวอย่าง ความสัมพันธ์ แบบที่ 3
1 input 2 process 3 output

46 ตัวอย่าง ความสัมพันธ์ แบบที่ 4
ขั้นตอนที่1 ศึกษาเอกสาร ขั้นตอนที่ 2 สร้างเครื่องมือ ขั้นตอนที่ 3 เก็บรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล

47 จากกรอบทฤษฎีสู่กรอบแนวความคิด
ตัวอย่างสรุป จากกรอบทฤษฎีสู่กรอบแนวความคิด คุณค่าตราสินค้า (BE) การตระหนักต่อตราสินค้า (Brand awareness) การรับรู้คุณภาพ (Perceive quality) การเชื่อมโยงกับตราสินค้า (Brand association) ความภักดีต่อตราสินค้า (Brand loyalty) การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) คุณภาพของฐานข้อมูลลูกค้า (Database) การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม (Electronic) การกำหนดโปรแกรมเพื่อการสร้างความสัมพันธ์ (Action) ลักษณะส่วนบุคคลของลูกค้า เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ สิทธิ์การรักษา ความพึงพอใจด้านความคาดหวังของลูกค้า (Customer Satisfaction)

48 ความผูกพันต่อองค์การ
ตัวอย่างสรุปจากกรอบทฤษฎีสู่กรอบแนวความคิด ตัวอย่าง เช่น กรอบแนวความคิดงานวิจัยเรื่อง “ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์การ” ที่มา : สุวิมล ตริกานันท์, : 53 ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ลักษณะส่วนบุคคล 1. เพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ลักษณะงาน 1. ความหลากหลายในงาน ความอิสระในงาน งานมีโอกาสปฏิสังสรรค์ ความน่าสนใจของงาน ความผูกพันต่อองค์การ

49 ตัวอย่าง ศึกษากระบวนการโลจิสติกส์ที่ส่งผลต่อมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ในธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้า
ปัจจัยความสำเร็จของกระบวนการโลจิสติกส์ - การเป็นผู้นำด้านต้นทุน - การสร้างความแตกต่าง - การตอบสนองที่รวดเร็ว - การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่วัดจากสมรรถนะขององค์กร จากการประเมินงานแบบสมดุล - มุมมองด้านการเงิน - มุมมองด้านลูกค้า - มุมมองด้านกระบวนการภายใน -มุมมองด้านการเรียนรู้และเติบโตขององค์กร


ดาวน์โหลด ppt ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐาน ทางการจัดการโลจิสติกส์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google