งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

Wealth Journal ธันวาคม 2554

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "Wealth Journal ธันวาคม 2554"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 Wealth Journal ธันวาคม 2554

2 การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ต่างๆ 11 เดือนแรก ปี 2554
Chart : Relative return since Jan to Nov 2011 Quarterly Return

3 แนวโน้มการลงทุนในเดือนธันวาคม
ภายหลังจากภาวะน้ำท่วมคลี่คลาย และ6 ธนาคารกลางใหญ่ ร่วมกันอัดฉีดสภาพคล่องในตลาดเงินทั่วโลกตลาดทุนไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามในระยะต่อไป ปัจจัยลบเช่นการ ครบกำหนดของหนี้ของรัฐบาลในกลุ่มประเทศยุโรปในไตรมาส แรกของปี 2555 และการปรับพอร์ทของนักลงทุนที่ถือครอง กองทุน LTF อาจกดดันตลาดได้ในระยะสั้น จึงแนะนำลงทุนเท่า ตลาดในเดือนธันวาคม แนะนำทยอยลดน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ (Slightly Underweight) ไปถือครองกองทุนตลาดเงิน เพิ่มเติมแล้วค่อยปรับเพิ่มสถานะลงทุนตราสารหนี้ระยะปานกลาง ถึงระยะยาวเมื่ออัตราตอบแทนปรับสูงขึ้น แนะนำเพิ่มน้ำหนัก การถือครองตราสารหนี้เอกชน (Overweight) เนื่องจากจะ ยังคงได้อัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่มมากกว่าการถือครองตราสาร หนี้ภาครัฐอยู่ค่อนข้างมาก ผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมส่งผลต่อรายได้ของกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนลงทุนอยู่ปรับลดลง ประมาณ 3 เดือน แต่คาดว่าจะทำให้ Dividend Yield ลดลงชั่วคราวและสามารถ กลับมามีรายได้ปกติได้ใน 3-6 เดือนข้างหน้า และปัจจุบัน Net yield ของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 5.5-6% ทำให้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เริ่มกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น แนะนำ Neutral

4 แนวโน้มการลงทุนในเดือนธันวาคม
ถึงแม้ว่า ตลาดหุ้นจะ Rebound ขึ้นมาได้อย่างมีนัยสำคัญจาก มาตรการของ Central Bank แต่ปัญหาเศรษฐกิจ และหนี้ยัง ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว แนะนำคง น้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด (Neutral) สำหรับ ทั้ง Developed market และ Emerging market แนะนำเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำต่อไป และเพิ่มน้ำหนัก การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพสูงขึ้นบางส่วน เนื่องจาก สภาพคล่องในตลาดทุนสูง และ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเครดิต (credit spread) ที่กว้างขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตราสาร ดังกล่าวยังมีอัตราผลตอบแทนที่ดี โดยปรับลดน้ำหนักการลงทุน ในหุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง เนื่องจาก credit spread ของหุ้น กู้ดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่จะกว้างขึ้น ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากที่ระดับ $98-$100 แต่ แนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางและปริมาณการผลิตที่ยังคง สูงทำให้คาดการณ์ราคาน้ำมันปรับลดลงได้ แนะนำลดน้ำหนัก Underweight ในเดือนธันวาคม การที่สภาพคล่องในตลาดเงินทั่วโลกมีมากขึ้นหลังจากธนาคาร กลางใหญ่ 6 แห่งทั่วโลกประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ การเงินต้นเดือนธันวาคม ทำให้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวโน้ม เป็นขาขึ้นได้ แนะนำ Overweight ในเดือนธันวาคม

5 แนวโน้มการลงทุนในเดือนธันวาคม
ภาวการณ์ลงทุนโดยรวมของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ (REITs) คาดว่าจะยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับสูงขึ้นได้ไม่มากนัก และยังคงมีความผันผวนที่สูงอยู่ แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านในขาลงก็น้อยลงเช่นเดียวกันจากมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐและธนาคารกลาง แนะนำน้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด Neutral คาดว่าช่วงสิ้นปีมีแรงซื้อดอลลาร์ สรอ. จากบริษัทแม่ในสหรัฐเพื่อปิดงบการเงินสิ้นปีทำให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. มีแนวโน้มแข็งค่าได้แต่อาจถูกจำกัด ที่ระดับ ส่วนค่าเงินยูโรอาจถูกกดดันให้อ่อนค่าได้ที่ระดับ ดอลลาร์ สรอ. ต่อยูโร โดยมีปัจจัยเสี่ยงภาคธนาคารของยุโรปต่อการเพิ่มทุนและการแก้ปัญหาหนี้ของอิตาลีซึ่งอาจต้องได้รับความช่วยเหลือจาก IMF รวมทั้งโอกาสการเข้าสู่สภาวะถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปในปี 2012 นอกจากนี้คาดว่าการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยจะชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปี และการขยายตัวของการส่งออกที่ลดลงจากผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้คาดการณ์ว่าค่าเงินบาท ต่อ ดอลลาร์ สรอ. มีแนวโน้มอ่อนค่าที่ระดับ บาทต่อดอลลาร์ สรอ.

6 กลยุทธการลงทุนตามความเสี่ยง
พอร์ตการลงทุนแบบ Conservative พอร์ตการลงทุนแบบ Moderate พอร์ตการลงทุนแบบ Aggressive Performance 101.82 100.70 97.90 Note : Performance is calculated by using 2011 year to date historical data

7 กลยุทธการลงทุนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
พอร์ตการลงทุนแบบ Conservative Conservative Tactical Asset Allocation Nov Dec Conservative Portfolio Performance 101.82 101.18 Note : MFC Wealth ยึดถือ Strategic Asset Allocation (SAA) ซึ่งเป็นเป้าหมายการลงทุนระยะยาว มาเป็น Benchmark ในการลงทุน โดยจะเปรียบเทียบกับ Tactical Asset Allocation (TAA) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนตามเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภานการปัจจุบัน

8 กลยุทธการลงทุนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
พอร์ตการลงทุนแบบ Moderate Moderate Tactical Asset Allocation Nov Dec Moderate Portfolio Performance 100.70 99.48 Note : MFC Wealth ยึดถือ Strategic Asset Allocation (SAA) ซึ่งเป็นเป้าหมายการลงทุนระยะยาว มาเป็น Benchmark ในการลงทุน โดยจะเปรียบเทียบกับ Tactical Asset Allocation (TAA) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนตามเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภานการปัจจุบัน

9 กลยุทธการลงทุนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
พอร์ตการลงทุนแบบ Aggressive Aggressive Tactical Asset Allocation Nov Dec Aggressive portfolio performance 99.74 97.90 Note : MFC Wealth ยึดถือ Strategic Asset Allocation (SAA) ซึ่งเป็นเป้าหมายการลงทุนระยะยาว มาเป็น Benchmark ในการลงทุน โดยจะเปรียบเทียบกับ Tactical Asset Allocation (TAA) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนตามเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภานการปัจจุบัน

10 ตราสารทุนในประเทศ

11 ภาวะตลาดทุนในประเทศเดือนพฤศจิกายน
ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆระหว่าง 950-1,000 จุด จากการที่นักลงทุนรอดูความชัดเจนของการลงทุน ก่อนที่จะปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าจะเผชิญกับแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางการขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยที่ดัชนีตลาดฯ ในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.11% นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 11,458 ล้านบาท ปัญหาหนี้สินในยุโรปยังคงเป็นประเด็นที่เข้ามากระทบบรรยากาศการลงทุนในเดือนพฤศจิกายนเป็นระยะๆ ปัญหาในกรีซและอิตาลีกดดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ / รัฐบาลเฉพาะกิจตามมา อีกทั้งสถานการณ์ในหลายประเทศของยุโรปยังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อไป ทั้งอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส หรือแม้แต่เยอรมัน ที่ประสบปัญหาในการออกพันธบัตรด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะ ประเด็นปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง เมื่อ Super Committee ไม่สามารถหาข้อสรุปแนวทางการลดการขาดดุลงบประมาณจำนวน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ตามกำหนดในวันที่ 23 พ.ย. ตัวเลข GDP ของไทย ในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวเพียง 3.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 4.5% ค่อนข้างมาก รวมถึงการส่งออกเดือน ต.ค. ที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี เพียง 0.3% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 10% เช่นเดียวกับตัวเลข GDP

12 ภาวะตลาดทุนไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2554
ในช่วง 11 เดือนแรกของปี SET Index ปรับตัวลดลง 3.62% ในขณะที่ SET50 Index ปรับลง 3.17% Sector ที่มี performance ที่ดีกว่าตลาดหุ้นโดยรวมในช่วง 11 เดือนแรก ยังคงเป็นกลุ่ม Domestic และ Consumption Play อันได้แก่หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดพาณิชย์ หมวดอุตสาหกรรมอาหาร และหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์

13 แนวโน้มตลาดทุนในประเทศเดือนธันวาคม
ปัจจัยการเมืองในประเทศ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศอาจกลับมามีปัญหาอีกครั้งหากมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ / พ.ร.บ. กลาโหม ภาวะเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลกค่อนข้างเปราะบาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งน่าที่จะมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงในปี 2555 และยังคงมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่า เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศ รัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายการลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐในระบบสาธารณูปโภคเพื่อฟื้นฟูหลังน้ำลด และคาดว่ายังคงดำเนินนโยบายประชานิยมตามที่ได้หาเสียงไว้ต่อไป ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่อุปสงค์จากภายนอกประเทศจะชะลอตัว โดยคาดการณ์ GDP ของไทยเติบโตที่ % ในปีนี้ จากผลกระทบของอุทกภัย และ % ในปี 2555 ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศ PIIGS เป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด แม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากความคาดหวังการเข้ามาช่วยเหลือของ EU ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของไทยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 15-18% ในปี 2554 นี้ และเติบโตต่อเนื่องไปอีก 12% ในปีหน้า โดยที่อัตราการเติบโตในปีนี้ ได้ถูกปรับลดลงจาก 20% จากผลของอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ประมาณการของปี 2555 อาจได้รับผลกระทบหากภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มแย่ลงกว่าที่คาด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในตราสารทุนในประเทศสำหรับช่วงเดือนธันวาคม คือ Neutral

14 ตราสารหนี้ในประเทศ

15 การเคลื่อนไหวตลาดตราสารหนี้ภาครัฐ
Thai Government bond Yield Movement เดือนพฤศจิกายน อัตราผลตอบแทนตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลง ธุรกรรมที่เบาบางของนักลงทุนต่างชาติในสถานการณ์ที่ความกังวลฝั่งยุโรปกลับมาอีกครั้ง ปัญหาน้ำท่วมในไทยที่ขยายวงกว้าง ทำให้ตลาดคาด ธปท. มีโอกาสคงดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ในอนาคต อุปทานพันธบัตรในตลาดแรกที่เริ่มเปิดประมูลหลังจากไม่มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเลยในเดือนตุลาคม 54 ที่ผ่านมา ผลประมูลออกมาค่อนข้างแย่กว่าตลาดคาดการณ์

16 การเคลื่อนไหวตลาดตราสารหนี้เอกชน
Thai Corporate bond Spread Movement เดือนพฤศจิกายน ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนและตราสารหนี้ภาครัฐปรับตัวแคบลง การปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐอย่างรวดเร็วทำให้มีความต้องการลงทุนหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยให้กับพอร์ตลงทุน อุปทานหุ้นกู้เอกชนอายุ 1 -5 ปีในตลาดแรกค่อนข้างมีน้อย โดยส่วนใหญ่บริษัทเอกชนนิยมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวเกิน 5 ปี ในตลาดแรกมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา

17 แนวโน้มและกลยุทธ์การลงทุนเดือนธันวาคม
นักลงทุนคลายกังวลปัญหาหนี้ยุโรปลงเล็กน้อยภายหลังบรรดาธนาคารกลางให้ความร่วมมือในการอัดฉีดสภาพคล่อง จึงส่งผลให้ Fund Flow ไหลกลับเข้ามาได้บ้าง ทิศทางเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก สำหรับนักลงทุนภายในประเทศ และอุปทานพันธบัตรระยะยาวในไตรมาส 4 ปี 2554 มีค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ต่ำเกินไป และธุรกรรมของนักลงทุนที่เบาบางช่วงปลายปี อาจเป็นเหตุให้อัตราผลตอบแทนค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นในระหว่างเดือนธันวาคม 54 สำหรับตราสารหนี้เอกชน ด้วย Credit Spread ที่ยังคงกว้างอยู่มาก ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังคงมีความต้องการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพิ่มมากขึ้นเพื่อผลตอบแทนส่วนเพิ่ม กลยุทธการลงทุน เดือนธันวาคม : แนะนำให้นักลงทุนทยอยลดน้ำหนักลงทุน (Slightly Underweight) ไปถือครองกองทุนตลาดเงินเพิ่มเติมแล้วค่อยปรับเพิ่มสถานะลงทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางถึงระยะยาวเมื่ออัตราตอบแทนปรับสูงขึ้น แนะนำเพิ่มน้ำหนักการถือครองตราสารหนี้เอกชน (Overweight) เนื่องจากจะยังคงได้อัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่มมากกว่าการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐอยู่ค่อนข้างมาก

18 Property Fund

19 ภาวะตลาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดือนธันวาคม
ปัจจัยบวก การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้น จากมาตรการฟื้นฟูความเสียหายหลังน้ำท่วมและนโยบายกระตุ้น เศรษฐกิจของภาครัฐ ส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจค้าปลีก (CPNRF, FUTUREPF, MJLF) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในระยะอันใกล้ ส่งผลดีโดยตรงต่อกองทุน รวมอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับโรงแรม สนามบิน เป็นต้น (SPF, DTCPF) หลังจากดัชนีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (SETPFUND) ได้ปรับตัวลดลงในเดือนกันยายน-ตุลาคม ส่งผลให้ Dividend yield ปรับตัวสูงขึ้น โดย Gross yield ของกองทุน MPROP อยู่ที่ประมาณ 7-8% และ Net yield อยู่ที่ประมาณ 5.5-6% ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดลง ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนใน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น ปัจจัยลบ ผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมส่งผลต่อรายได้ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนลงทุนอยู่ปรับลดลง ประมาณ 3 เดือน แต่คาดว่าจะทำให้ Dividend Yield ลดลงชั่วคราวและสามารถกลับมามีรายได้ปกติได้ใน 3- 6 เดือนข้างหน้า กลยุทธ์การลงทุนในตลาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงขอคงกลยุทธ์การลงทุนเป็น Neutral

20 ตลาดตราสารทุนต่างประเทศ

21 ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011
ภาวะตลาดตราสารทุนต่างประเทศรายภูมิภาคเดือนพฤศจิกายน ดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวลดลงอีกครั้ง หลังจากมีการ Rebound ขึ้นมาในเดือนตุลาคม โดยดัชนี MSCI AC World Index ปรับตัวลง 2.7% จากเดือนตุลาคม เนื่องจากตลาดผิดหวังจากมาตรการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป ประกอบกับเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัว ความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะของยุโรปยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปเป็นหนึ่งในตลาด Underperforms ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว เนื่องจากตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่มีขนาดเล็กกว่า ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมากในช่วงที่มีการขายเพื่อลดสัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงลง ราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังคงมีความผันผวนสูง เนื่องจากยังไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และหนี้สาธารณะที่เป็นรูปธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตราสารทุนปรับตัวลดลงไม่มากนักในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากข่าวร้ายต่างๆ ได้สะท้อนไปในราคาสินทรัพย์มากแล้ว และตลาดคาดว่าภาครัฐฯอาจจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ รวมถึงนักการเมืองในยุโรป และสหรัฐฯ น่าจะถูกกดดันให้ออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเพื่อมาช่วยเหลือเศรษฐกิจ และภาคการเงิน แต่อย่างไรก็ตาม พื้นฐานทางเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระยะยาวอยู่ เนื่องจากการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องที่ธนาคารกลางต่างๆประกาศออกมาไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาหนี้ในระยะยาว November October ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011 - 21 -

22 Global Equities – Regional (YTD)
ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011 - 22 -

23 Global Equities – Regional (MTD)
ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011 - 23 -

24 Global Equities - Sector
ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011 - 24 -

25 ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011
แนวโน้มภาวะตลาดตราสารทุนต่างประเทศเดือนธันวาคม Valuation อยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ ผ่านมา โดยเฉพาะ Valuation ของหุ้นใน Develop Market (+) ภาครัฐ และธนาคารกลางในหลายประเทศออกมาให้ความ ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ยุโรป (+) แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ภาครัฐของยุโรปยังคงเป็นปัญหาเชิง โครงสร้างในระยะยาว (-) แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง (-) ความเสี่ยงที่จะมีการปรับตัวเลขการคาดการณ์ของผลกำไรบริษัท จดทะเบียนลงในอนาคตตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของ เศรษฐกิจ (-) แนะนำคงน้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด (Neutral) สำหรับ ทั้ง Developed market และ Emerging market ถึงแม้ว่า ตลาดหุ้น จะ Rebound ขึ้นมาได้อย่างมีนัยสำคัญจากมาตรการของ Central Bank แต่ปัญหาเศรษฐกิจ และหนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว Forward P/E MSCI World Forward P/E MSCI Emerging ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011 - 25 -

26 Source: Bloomberg, Goldman Sachs
S&P 500 เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ต่ำลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นมี Upside ที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตาม Momentum ของเศรษฐกิจในปี 2012 น่าจะปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ S&P 500 มี Downside Risk ที่จำกัดเช่นเดียวกัน โดย S&P 500 น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,100 – 1,350 ในปี 2012 S&P 500 Target - 1,370 ($105 EPS and 12.5x – 13x PE Assumption) Source: Bloomberg, Goldman Sachs

27 S&P 500 PE & Trialing EPS PER Ave 16x Target 12.5x -13x PE
Current 12.5x EPS Ave $77 EPS Target (10% Earning Growth Assumption) Current $95

28 MSCI Developed Market เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ต่ำลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นมี Upside ที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตาม Momentum ของเศรษฐกิจในปี 2012 น่าจะปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ MSCI Developed Market (MXWO) มี Downside Risk ที่จำกัดเช่นเดียวกัน โดย MXWO น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,100 – 1,400 ในปี 2012 ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะ Out Perform เนื่องจากการขยายตัวของกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ตลาดหุ้นในญี่ปุ่น และยุโรปน่าจะ Under Perform เนื่องจากปัญหาหนี้ภาครัฐฯยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับที่ต่ำมาก Target 1,303 (EUR and 12.7x PE Assumption)

29 MSCI Developed Market PE & Trialing EPS
PER Ave 17x Target 12.7x Current 12.7x EPS Target EUR (10% EPS Growth Assumption Current EUR 93.3 Ave EUR 80.1

30 ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

31 สภาวะตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศเดือนพฤศจิกายน
ในเดือนที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศเคลื่อนไหวผันผวนเกือบตลอดเดือน มูลค่าพันธบัตรรัฐบาลแกว่งตัวในแดนบวก จากความกังวลวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปัญหาการเมืองในกรีซ และอิตาลี ซึ่งนำมาสู่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เส้นอัตราผลตอบแทนของประเทศกลุ่มยูโรยังคงปรับตัวสูงขึ้น ผลการประมูลพันธบัตรที่มีความต้องการต่ำกว่าคาดการณ์ของกลุ่มประเทศในยูโร รวมถึงเยอรมัน และการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ในเยอรมัน ต่อมาตลาดได้รับข่าวดีในวันที่ 30 พ.ย. ธนาคารกลางใหญ่ 6 ประเทศได้แก่ FED, Bank of Canada, Bank of England, Bank of Japan, European Central Bank และ Swiss National Bank ร่วมกันลดดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างกัน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบธนาคาร ทำให้นักลงทุนหันมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง มูลค่าดัชนีพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก หุ้นกู้เอกชน และตราสารหนี้แปลงสภาพจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย ปรับลดลง ขณะที่ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวก 370.5 351.2 ที่มา MFC, Bloomberg

32 US & EU Yield Curves เดือนพฤศจิกายน
US twisted down and EU yields have twisted up amid series of concerns Euro sovereign debt crises. 10-Yr Yield 2.07% 10-Yr Yield 2.33% Source: Bloomberg 32

33 No M&A Cycle in Sight, Good for Credit
ภาคเอกชนยังคงมีเงินสดอยู่ในระดับสูง ไม่มีการนำไปใช้ในควบรวมกิจการ จึงน่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพสูง (เครดิตบอนด์) Source: Societe Generale Cross Asset Research

34 Corporate Bonds IG: The Best Risk/ Reward Profile
หุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพสูง (Investment Grade) ให้ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงดีกว่า หุ้นสามัญ และ พันธบัตรรัฐบาล

35 แนวโน้มตลาดตราสารหนี้เดือนธันวาคม
อัตราผลตอบแทน (yield) ของพันธบัตรรัฐบาลน่าจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวลงจากความกังวลปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย ยังคงทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล จึงควรเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำต่อไป ขณะที่ควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพสูงขึ้นบางส่วน เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดทุนสูง และ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเครดิต (credit spread) ที่กว้างขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตราสารดังกล่าวยังมีอัตราผลตอบแทนที่ดี ขณะที่ควรลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง เนื่องจาก credit spread ของหุ้นกู้ดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่จะกว้างขึ้น

36 การลงทุนทางเลือกต่างประเทศ

37 Commodity Index Movement
37

38 ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เดือนพฤศจิกายน
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมปรับบวกตัว 4.1% จากช่วงต้นปี 2554 กลุ่ม ทองคำในกลุ่มสินค้าโลหะมีค่าปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยปรับตัวบวก 22.8% ในจากช่วงต้นปี 2554 ได้เป็นอันดับสองกลุ่มสินค้าโลหะมีค่าปรับตัวโดยปรับตัวบวกถึง 20.5% ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมปรับบวก 1.2% ในช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยมีราคาน้ำมันดิบปรับตัวบวกเป็นอันดับหนึ่งโดยปรับตัวขึ้นถึง 7.7% ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% มาที่ระดับ 21% เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี เป็นการบ่งชี้ว่า จีนได้ปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และเงินเฟ้อเริ่มแผ่วลง ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางจีนได้ลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงินในชนบทกว่า 20 แห่งลง 0.5% ธนาคารกลางยุโรป ร่วมมือกันบรรเทาภาวะตึงตัวในระบบการเงินโลกและบรรเทาผลกระทบของภาวะดังกล่าวที่มีต่อการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคครัวเรือนและภาคเอกชน โดยธนาคารทั้ง 6 แห่งเห็นพ้องต้องกันว่า จะลดอัตราดอกเบี้ยในการสวอปเงินดอลลาร์ลง 0.5% เราคาดว่าข่าวดังกล่าวจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์สินค้าโภคภัณฑ์ในเดือนนี้ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้น แนะนำลงทุนเท่าตลาด (Neutral) ในเดือนธันวาคม - 38 - ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011

39 ราคาน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวบวก 7.7% ในเดือนพฤศจิกายน
ราคาน้ำมันปรับตัวบวกเพราะได้แรงหนุนจากปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ การอ่อนค่าของดอลลาร์และความหวังต่อการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซน คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มแกว่งบวกลบในช่วงสั้นแต่ราคาได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากที่ระดับ $98-$100 แนะนำน้ำหนัก Underweight ในเดือนธันวาคม - 39 -

40 Only speculation, Fundamental has priced in
WTI forward yield curve to end 2012 CFTC Money Manager net long position is 34% above 3 yrs mean - 40 -

41 Supply is Back Supply / demand data end-Oct shows supply returning
Supply / demand reading 1x or above seems to be spot crude negative - 41 -

42 แนะนำน้ำหนัก Overweight ในเดือนธันวาคม
ราคาทองคำ ราคาทองคำปรับตัวบวก 1.2% ในเดือนพฤศจิกายน ธนาคารกลางยุโรป ร่วมมือกันบรรเทาภาวะตึงตัวในระบบการเงินโลกและบรรเทาผลกระทบของภาวะดังกล่าวที่มีต่อการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคครัวเรือนและภาคเอกชน โดยธนาคารกลางทั้ง 6 แห่งได้แก่ FED, Bank of Canada, Bank of England, Bank of Japan, European Central Bank และ Swiss National Bank เห็นพ้องต้องกันว่า จะลดอัตราดอกเบี้ยในการสวอปเงินดอลลาร์ลง 0.50% โดยคาดว่า Money Supply ในตลาดระบบจะมีมากขึ้น กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีการเทขายทองคำออก โดยกองทุนดังกล่าวยังถือครองทองคำ อยู่ถึง 1,241 ตันอยู่เท่าเดิม ปัจจัยพื้นฐานของทองคำในฐานะ Asset Allocation นั้นยังไม่เปลี่ยนไป 1) ความผันผวน และไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงวิกฤตหนี้สินในยุโรป 2) ภาวะ negative real interest rates (ดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรป จะยังคงอยู่ในระดับใกล้ 0% ไปจนถึงกลางปี 2013) แนะนำน้ำหนัก Overweight ในเดือนธันวาคม - 42 -

43 Morgan Stanley has revised up Gold Price
Source: Morgan Stanley Nov 2011 - 43 -

44 Real Estate Investment Trusts

45 ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011
REITs โดยรวม DJ Global Selected Real Estate Index ปรับตัวลดลง 4.3% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา REITs ซึ่งมีการลงทุนในทวีปยุโรปปรับตัวลดลงมากที่สุดโดยปรับตัวลง 7.9% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ในขณะที่ REITs ซึ่งมีการลงทุนในทวีปเอเชียปรับตัวลดลง 7.8% และ REITs ซึ่งมีการลงทุนในทวีปอเมริกาเหนือปรับตัวลดลง 3.9% ในช่วงเดือนพฤศจิกายน REITs ปรับตัวลดลงหลังจากมีการ Rebound ขึ้นในเดือนตุลาคม ทิศทางโดยรวมของ REITs ยังคงปรับตัวตามตลาดหุ้นโดยรวมที่ถูกเทขายจากความกังวลเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และปัญหาหนี้ของยุโรป ซึ่งนักลงทุนยังคงมีความกังวลว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ภาวการณ์ลงทุนโดยรวมของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ (REITs) คาดว่าจะยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับสูงขึ้นได้ไม่มากนัก และยังคงมีความผันผวนที่สูงอยู่ แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านในขาลงก็น้อยลงเช่นเดียวกันจากมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐและธนาคารกลาง แนะนำน้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด Neutral ที่มา: Bloomberg as of November 30, 2011 - 45 -

46 อัตราแลกเปลี่ยน

47 สภาวะค่าเงินเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ตลาดเงินยังคงถูกชี้นำด้วยปัจจัยจากยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ดังนี้ 1. วิกฤตหนี้ยุโรปที่ยืดเยื้อ และปัญหาการเมืองภายในของยุโรปของกรีซ และ อิตาลี ซึ่งกระทบต่อการแก้ไขปัญหาการขาดดุลทางการคลัง รวมทั้งการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีที่แตะระดับ 7% ซึ่งเป็นระดับที่สูง และการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเล็กในเยอรมัน 2. ความล้มเหลวของ Super committee ของรัฐบาลและฝ่ายค้านต่อการเสนอแผนปรับลดงบประมาณเพื่อลดการขาดดุลทางการคลังต่อสภา ซึ่งทำให้เข้าสู่การปรับลดงบประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาออกมาค่อนข้างดี 3. ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน มีความร่วมมือของ 6 ธนาคารกลางของสหรัฐ (Fed), อังกฤษ,ยุโรป,ญี่ปุ่น,แคนาดา และสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ยุโรปและธนาคารในยุโรป ค่าดัชนีชี้วัดค่าเงินดอลลาร์ สรอ. (Dollar Index) เคลื่อนไหวแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ ณ วันที่ 30/11/11 จากที่ระดับ ณ วันที่ 1/11/11 และสูงสุดที่ระดับ ณ วันที่ 25/11/11 เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างสกุลดอลลาร์ สรอ. แต่ในช่วงปลายเดือนปัญหาการเมืองภายในยุโรปคลี่คลายและมาตรการความร่วมมือของธนาคารกลาง 6 ประเทศดังกล่าว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเล็กน้อย ดัชนีดอลลาร์ สรอ. (DXY Index) 78.384 ที่มา : Bloomberg

48 สภาวะค่าเงินกลุ่ม G-10 เดือนพฤศจิกายน
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าที่ 2.10% มาอยู่ที่ ณ วันที่ 30/11/11 จาก ดอลลาร์ สรอ. ต่อยูโร ณ วันที่ 1/11/11 โดยค่าเงินยูโรร่วงลงต่ำสุดที่ระดับ ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ในวันที่ 25/11/11 เป็นผลจากความกังวลต่อปัญหาหนี้ในประเทศอิตาลี เนื่องจากประเทศอิตาลีเป็นตลาดพันธบัตรที่ใหญ่สุดของยุโรป ในขณะที่ประเทศฝรั่งเศสมีสัดส่วนการถือครองพันธบัตรอิตาลีสูงสุดในกลุ่มยุโรป ทำให้ฝรั่งเศสมีความเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับเครดิตลงจาก AAA ณ ปัจจุบัน ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ ณ วันที่ 30/11/11 จาก เยน ต่อ ดอลลาร์ สรอ. ณ วันที่ 1/11/11 โดยค่าเงินเยนแข็งค่าสูงสุดที่ ในวันที่ 18/11/11 ซึ่งเป็นผลจาก risk off ต่อความกังวลในยุโรปทำให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างสกุลเยน ค่าเงิน ดอลลาร์ ออสเตรเลีย เคลื่อนไหวอ่อนค่า 0.95% มาอยู่ที่ระดับ ณ วันที่ 30/11/10 จาก ณ วันที่ 1/11/11 ซึ่งเคลื่อนไหวตามความผันผวนค่าเงินยูโร โดยซื้อขายต่ำสุดที่ระดับ 0.97 ดอลลาร์ ต่อดอลลาร์ ออสเตรเลีย ณ วันที่ 25/11/11 % การอ่อนค่าของค่าเงิน 01/11/ /11/11 % การแข็งค่าของค่าเงิน ที่มา : Bloomberg

49 สภาวะค่าเงินสกุลเอเชียและเงินบาทเดือนพฤศจิกายน
โดยภาพรวมค่าเงินเอเชียเคลื่อนไหวอ่อนค่าตามปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะวิกฤตหนี้ยุโรปและการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติในตลาดทุนซึ่งมีความผันผวนตามข่าวยุโรปและสถานการณ์ risk off ทำให้ตลาดหุนเอเชียปรับฐานลง โดยค่าเงินรูปี อ่อนค่าถึง 5.69% ตามด้วยวอนอ่อนค่า 1.71%, ค่าเงินรูเปี๊ยะและริงกิต ที่อ่อนค่า 1.55% และ 1.50% ตามลำดับ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าที่ 0.13% ซึ่ง Outperform เมือเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆในเอเชีย จากเดิมค่าเงินบาที่ระดับ บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ณ วันที่ 1/11/11 มาอยู่ที่ บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ณ วันที่ 30/11/11 ในเดือนนี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน จากแตะระดับแข็งค่ามากที่สุด บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ณ 3/11/11 และกลับมาอ่อนค่ามากสุดถึง บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ณ วันที่ 25/11/11 จากปัจจัยยุโรป และปริมาณซื้อขายในตลาดเงินภายในประเทศที่ค่อนข้างเบาบางจากปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในกรุงเทพช่วงต้นเดือน รวมทั้งความผันผวนของเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยและตลาดตราสารหนี้ไทยที่มีแรงเทขายจากต่างชาติในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือน 1/11/ /11/11 กราฟค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ สรอ. ตั้งแต่ 1/12/10 – 30/11/11 % การอ่อนค่าของค่าเงิน % การแข็งค่าของค่าเงิน 30.88 ที่มา : Bloomberg

50 การเคลื่อนไหวค่าเงินตั้งแต่ต้นปี 2554 ถึง 1 ธ.ค.2554
ค่าเงินกลุ่ม G-10 % การอ่อนค่าของค่าเงิน % การแข็งค่าของค่าเงิน ค่าเงินกลุ่มเอเชีย % การแข็งค่าของค่าเงิน % การอ่อนค่าของค่าเงิน ที่มา : Bloomberg

51 แนวโน้มค่าเงินเดือนธันวาคม
ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. มีแนวโน้มแข็งค่าได้แต่อาจถูกจำกัด ที่ระดับ จากความวิตกกังวลต่อปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปและคาดว่าช่วงสิ้นปีมีแรงซื้อดอลลาร์ สรอ. จากบริษัทแม่ในสหรัฐเพื่อปิดงบการเงินสิ้นปี ค่าเงินยูโรอาจถูกกดดันให้อ่อนค่าได้ที่ระดับ ดอลลาร์ สรอ. ต่อยูโร โดยมีปัจจัยเสี่ยงภาคธนาคารของยุโรปต่อการเพิ่มทุนและการแก้ปัญหาหนี้ของอิตาลีซึ่งอาจต้องได้รับความช่วยเหลือจาก IMF รวมทั้งโอกาสการเข้าสู่สภาวะถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปในปี 2012 ค่าเงินเยนคาดว่าจะทรงตัวที่ เยนต่อดอลลาร์ สรอ. พร้อมด้วยการแทรกแซงของธนาคารกลางญี่ปุ่น เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินเยนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ในขณะที่ค่าเงินเยนเป็นสกุลเงินปลอดภัยในภาวะที่นักลงทุนมี risk aversion ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าต่อได้ อย่างไรก็ตามมีแรงเก็งกำไรค่าเงินเยนจากนักลงทุนบางส่วน ค่าเงิน ดอลลาร์ ออสเตรเลีย เคลื่อนไหวอ่อนค่าได้ที่ระดับ จากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศของยุโรปและการชะลอการเติบโตเศรษฐกิจของออสเตรเลียในไตรมาส 1 ปี 2012 ค่าเงินบาท ต่อ ดอลลาร์ สรอ. มีแนวโน้มอ่อนค่าที่ระดับ บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากปัจจัยลบน้ำท่วมซึ่งกระทบต่อการส่งออกที่ลดลงในไตรมาส 4 ปี 2011 และต่อเนื่องในไตรมาส 1 ปี 2012 และคาดว่าเงินทุนต่างชาติในตลาดทุนจะชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปี นอกจากนี้ ปัจจัยลบในยุโรปยังคงกดดันค่าเงินบาทและค่าเงินในสกุลเอเชียได้

52 คำแนะนำการลงทุน

53 กองทุนที่แนะนำ : กองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้
คำแนะนำการลงทุน กองทุนที่แนะนำ : กองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้ คงน้ำหนักการลงทุนในกองทุน MMM ที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอายุคงเหลือของตราสารสั้นๆประมาณ 0.25 ปี และเป็นตราสารที่มีคุณภาพ จึงทำให้กองทุนมีความเสี่ยงต่ำ เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนหรือกองทุน MFF ที่มีการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ (Investment Grade) โดยกองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 1 ธ.ค. 54 ดังนี้ ชื่อกองทุน 3M 6M 1Y 3Y YTD Since Inception MMM 3.11 2.87 2.33 1.59 2.22 17.57 MFF 3.68 3.10 1.86 2.25 2.14 72.91 - 53 -

54 โปรโมชั่นเด็ด+กองทุน MMM
MFC Exclusive Promotion!! โปรโมชั่นเด็ด+กองทุน MMM รับบัตรกำนัล Central Gift Voucher มูลค่า 2,500 บาท ทุกๆยอดเงินลงทุนเฉลี่ยส่วนเพิ่ม 5 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 10 ต.ค. 54 ถึง 29 ก.พ. 55 โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  - 54 -

55 คำแนะนำการลงทุน คำแนะนำการลงทุน กองทุนรวมตราสารทุน
แนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุนไว้เท่าเดิม (Neutral) M-ACTIVE ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี = -3.27% (กองทุนจ่ายปันผลไปแล้ว 0.45 บาท) HI-DIV ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี = -3.38% (กองทุนจ่ายเงินปันผลไปแล้ว บาท โดยปิดสมุดทะเบียนเพื่อจ่ายปันผลล่าสุดเมื่อ 4 พ.ค. 54 ที่ผ่านมา) - 55 -

56 กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ
คำแนะนำการลงทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ เลือกลงทุนในกองทุน I-Credit เน้นลงทุนใน ETF ตราสารหนี้ทั่วโลกประมาณ 85% และสามารถเลือกลงทุนใน ETF ที่เป็น High yield Bond ต่างประเทศได้ไม่เกิน 15% จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ ช่วงเดือนนี้ควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) 25 พฤศจิกายน 2554 ชื่อกองทุน YTD 3M 6M 1Y 3Y Since Inception (22 ก.ย. 2552) I-Credit 1.05 -0.08 -0.80 0.36 n.a. 4.72 Benchmark* 8.86 1.55 4.05 8.93 1.65 *ตัวชี้วัด (Benchmark) คืออัตราผลตอบแทนของ Barclays Capital Bond Index ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเทียบเท่าสกุลเงินบาท - 56 -

57 กองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวม Commodity ต่างประเทศ
คำแนะนำการลงทุน กองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวม Commodity ต่างประเทศ เลือกลงทุนในกองทุน I-Emerging ซึ่งลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว และมีสภาพคล่องสูง ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ของตลาดได้ทันท่วงที โดยบริหารแบบกลยุทธ์เชิงรุก ช่วงเดือนนี้ควรคงน้ำหนักการลงทุนไว้เท่าเดิม (Neutral) 25 พฤศจิกายน 2554 - 57 -

58 ช่วงเดือนนี้ ควรคงน้ำหนักการลงทุนไว้เท่าเดิม (Neutral)
คำแนะนำการลงทุน I-Develop เลือกลงทุนในกองทุน I-Develop ซึ่งลงทุนในหลักทรัพย์ในประเทศพัฒนาแล้ว ทั่วโลกที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว โดยบริหารแบบกลยุทธ์เชิงรุก ช่วงเดือนนี้ ควรคงน้ำหนักการลงทุนไว้เท่าเดิม (Neutral) - 58 -

59 ช่วงเดือนนี้ ควรลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight)
คำแนะนำการลงทุน กองทุนน้ำมัน I-OIL ผู้ถือหน่วยสามารถดูราคากองทุน PowerShares DB Oil Fund (กองทุนหลัก) ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ที่จดทะเบียนในประเทศอเมริกา โดยกองทุน I-OIL มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ค่าเงินในแต่ละขณะ I-OIL มีโปรแกรมเสริมแจ้งเตือนเมื่อทำกำไรทุก 10% เพื่อ IP สามารถให้ข้อมูลผู้ลงทุนในการขายคืนส่วนกำไรเป็นระยะได้ ช่วงเดือนนี้ ควรลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) 25 พฤศจิกายน 2554 - 59 -

60 ช่วงเดือนนี้ควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)
คำแนะนำการลงทุน กองทุนทองคำ I-Gold เน้นให้ลงทุนแบบสม่ำเสมอและเน้นลงทุนระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้นเพราะมีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ช่วงเดือนนี้ควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) 25 พฤศจิกายน 2554 - 60 - 60

61 กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ
คำแนะนำการลงทุน กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ I-REITs เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และตราสารของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น REITs ETF, Real Estate Investment Trusts (REITs) และ Property Fund เป็นต้น ปัจจุบันกองทุน I-REITs มีการกระจายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มทวีปต่างๆ ทั่วโลก 3 กลุ่มหลัก คือ อเมริกาเหนือ เอเชีย และ ยุโรป * Benchmark : อัตราผลตอบแทนของ DJ Global Selected Real Estate Index ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน ช่วงเดือนนี้ควรคงน้ำหนักการลงทุนไว้เท่าเดิม (Neutral) 25 พฤศจิกายน 2554 ชื่อกองทุน 3M 6M YTD Since Inception (29 มิ.ย. 2553) I-REITs -7.65 -17.18 -13.54 1.27 Benchmark -3.78 -13.01 -6.63 5.54 - 61 -

62 LTF 105.97 52.29 25 พฤศจิกายน 2554 กองทุนแนะนำ
MV-LTF กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว กองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี หรือ หุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง มีนโยบายจ่ายปันผล ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง รวมถึงสามารถได้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้เมื่อทำตามเงื่อนไขของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ทั้งนี้ หากผู้ลงทุนไม่มีเวลาจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) แนะนำลงทุนแบบสม่ำเสมอทุกเดือน เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย Dollar Cost Average 25 พฤศจิกายน 2554 ชื่อกองทุน YTD 3M 6M 1Y 3Y Since Inception (22 ก.ย. 2552) MV-LTF -12.07 -5.84 -11.70 -8.16 146.03 105.97 Benchmark* -6.35 -5.64 -8.37 -2.94 146.82 52.29 - 62 -

63 LTF หากไม่มีเวลาจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) แนะนำลงทุนแบบสม่ำเสมอทุกเดือน แนะนำ MIF-LTF ที่มีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ลำดับที่ 1 จากอุตสาหกรรม 52 กองทุน ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2554 - 63 - ที่มา :

64 RMF กองทุนแนะนำ การลงทุนในทองคำในระยะยาว มีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนนิยมลงทุนใน ETF ทองคำมากขึ้น โดยปัจจุบัน SPDR Gold Trust ที่กองทุนลงทุนเป็น ETFที่ขนาดใหญ่ที่สุดมูลค่า Billion USD ปัจจุบันมี 7 บลจ.ที่มีกองทุน RMF ที่ลงทุนใน SPDR Gold Trust โดย บลจ.เอ็มเอฟซี และ บลจ. วรรณ ลงทุน SPDR ที่ listed ในประเทศฮ่องกง ส่วน บลจ. กสิกรไทย, บลจ. อยุธยา บลจ. บัวหลวง บลจ. กรุงไทย และบลจ.ทหารไทย ลงทุนใน SPDR ที่ listed ในประเทศสิงคโปร์ แนะนำลงทุนใน I-GOLD RMF ของ MFC เนื่องจากลงทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในฮ่องกง และมีนโยบายบริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และมี All in feeที่ถูกเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม โดยมีอัตราผลตอบแทนย้อนตั้งแต่ต้นปี อยู่อันดับ 2 ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2554 - 64 - ที่มา :

65 RMF 276.95 98.54 25 พฤศจิกายน 2554 กองทุนแนะนำ
M-Value กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เน้นลงทุนในตราสารทุนปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการให้ผลตอบแทนสูง และมีราคาตลาดต่ำ (value stocks) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ทั้งนี้ หากผู้ลงทุนไม่มีเวลาจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) แนะนำลงทุนแบบสม่ำเสมอทุกเดือน เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย Dollar Cost Average 25 พฤศจิกายน 2554 ชื่อกองทุน YTD 3M 6M 1Y 3Y Since Inception (22 ก.ย. 2552) M-Value -11.98 -5.85 -11.76 -8.07 145.09 276.95 Benchmark* -1.47 -2.35 -2.94 0.00 78.02 98.54 - 65 -

66 MFC Smile Gold - 66 -

67 MFC Savings Plan กองทุน MFC ที่เปิดให้บริการ MFC Savings Plan
บริการซื้อหน่วยลงทุนแบบหักบัญชีสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากันทุกงวด อาจจะลงทุนรายเดือนหรือเฉพาะบางเดือนที่ต้องการ โดยไม่สนใจว่าภาวะของตลาดเงินและตลาดทุนจะเป็นอย่างไร MA-LTF I-GOLDRMF MG-LTF M-BOND MIF-LTF M-CR MV-LTF M-FIX M-SAV M-VAL ข้อดี MFC Savings Plan การกระจายการลงทุนในช่วงเวลาต่างๆ ทำให้ลดความผันผวนได้โอกาสได้ต้นทุนเฉลี่ยต่ำกว่าการลงทุนเพียงครั้งเดียวมีโอกาสสร้างผลกำไรที่ดีกว่า การลงทุนเพียงครั้งเดียว ธนาคารที่สามารถหักบัญชีเงินฝาก MFC Savings Plan เอกสารประกอบการขอใช้บริการ MFC Savings Plan ใบคำสั่งซื้อแบบสม่ำเสมอ หนังสือขอให้หักบัญชีเงินฝาก สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก เงื่อนไขการให้บริการ MFC Savings Plan บริษัทจะทำรายการซื้อหน่วยลงทุนและหักบัญชีเงินฝากทุกวันที่ 7 ของเดือน โดยมีขั้นต่ำในการลงทุนเพียง 2,000 บาท กรณีที่ไม่สามารถหักบัญชีได้ 2 ครั้ง (ติดต่อกันหรือไม่ติดต่อกันก็ได้) คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ ต้องการแก้ไขคำสั่งซื้อ ลูกค้าต้องดำเนินการกรอกคำสั่งซื้อแบบสม่ำเสมอใหม่ ทั้งนี้ฉบับเก่าจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ - 67 -

68 ข้อสงวนสิทธิ์ (Disclaimer)
เอกสารนี้เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (เอ็มเอฟซี) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้สนใจได้รับทราบเกี่ยวกับสินค้าและบริการของเอ็มเอฟซี และใช้สำหรับการนำเสนอภายในประเทศไทยเท่านั้น เอ็มเอฟซี ขอสงวนสิทธิ์ในการห้ามลอกเลียนข้อมูลในเอกสารนี้ หรือห้ามแจกจ่ายเอกสารนี้ หรือห้ามทำสำเนาเอกสารนี้ หรือห้ามกระทำการอื่นใดที่ทำให้สาระสำคัญของเอกสารฉบับนี้เปลี่ยนไปจากเดิม โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเอ็มเอฟซี ข้อมูลบางส่วนในเอกสารนี้ได้อ้างอิงจากแหล่งที่มาของข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่มิได้หมายความว่า เอ็มเอฟซี ได้รับรองในความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลดังกล่าวเนื่องจากข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่นำข้อมูลมาใช้ในการอ้างอิง ข้อมูลและความเห็นที่ปรากฏในเอกสารนี้เป็นเพียงความเห็นเบื้องต้นเท่านั้น มิใช่คำมั่นสัญญาหรือการรับประกันผลตอบแทนแต่อย่างใด เอกสารนี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหรือรับรองจากหน่วยงานทางการใดๆ ทั้งสิ้น การตัดสินใจใดๆ จากเอกสารฉบับนี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้กรุณาสอบถามจากเจ้าหน้าที่โดยตรง - 68 -

69 คำเตือน (Warning) ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การวัดผลการดำเนินงานของกองทุน จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานที่กำหนดโดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และผู้ลงทุนควรศึกษาคู่มือภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวเมื่อเห็นว่าการลงทุนในกองทุนรวมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวได้ ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวเมื่อมีความเข้าใจในความเสี่ยงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และผู้ลงทุนควรพิจารณาความเหมาะสมของการลงทุน โดยคำนึงถึงประสบการณ์การลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุน และฐานะการเงินของผู้ลงทุนเอง การประมาณการอัตราผลตอบแทนหรืออัตรารับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามคำสั่งล่วงหน้า หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้หรือบริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราที่โฆษณาไว้ - 69 -

70 บลจ. ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกระทรวงการคลัง
มันสมองทางการลงทุนที่คุณวางใจ บลจ. ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกระทรวงการคลัง - 70 - - 70 - Internal use only


ดาวน์โหลด ppt Wealth Journal ธันวาคม 2554

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google