ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยChumbot Sepsook ได้เปลี่ยน 9 ปีที่แล้ว
2
หนังสือเล่มนี้มาจากงานวิจัยกว่าเก้าปีของ ผู้เขียนทั้งสอง โดยในปี 2002 ผู้เขียนทั้งคู่ตั้ง คำถามสำคัญขึ้นมา ว่า ทำไมบริษัทบางบริษัท ถึงได้ประสบความสำเร็จในสภาวะแวดล้อมที่มี การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่บริษัท อื่นที่มีรูปแบบธุรกิจ กลยุทธ์ แนวทางการบริหาร ในลักษณะเดียวกันถึงได้ประสบความล้มเหลว
3
ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนทั้งสองเรียกบริษัทที่ ประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ เปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรุนแรง ว่า พวก 10X ซึ่งที่มาของชื่อดังกล่าวก็เนื่องจากบริษัท เหล่านี้ ( มีทั้งหมด 7 บริษัทที่ผ่านเกณฑ์จาก ทั้งหมด 20,400 บริษัทที่ทำการศึกษาครับ ) ต่าง มีผลประกอบการและการเติบโตที่สูงกว่า ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมตนเองอย่างน้อย 10 เท่า กลุ่ม 10X ในการศึกษานี้ : :Amgen, Biomet, Intel, Microsoft, Progressive Insurance, Southwest Airlines, Stryker
4
Three basic tests: The enterprise sustained truly spectacular results for an era of 15+ years relative to the general stock market and relative to its industry. The enterprise achieved these results in a particularly turbulent environment, full of events that were uncontrollable, fast-moving, uncertain, and potentially harmful. The enterprise began its rise to greatness from a position of vulnerability, being young and/or small at the start of its 10X journey.
5
Successful leaders in a turbulent world are bold, risk-seeking visionaries Innovation distinguishes 10X companies in a fast-moving, uncertain and chaotic world A threat-filled world favours the speedy; you are either the quick or the dead Radical change on the outside requires radical change on the inside Great enterprises with 10X success have a lot more good luck But 10Xers havn’t
6
They’re not more creative They’re not more visionary They’re not more charismatic They’re not more ambitious They’re not more blessed by luck They’re not more risk seeking They’re not more heroic They’re not more prone to making big, bold moves
7
Fanatical Discipline Empirical Creativity Productive Paranoia Level 5 ambition
8
Fanaical Disciplin e Productiv e Paranoid Level 5 ambition Empirical Creativity
9
Fanatical Discipline 20 Mile March ตัวอย่างของ 10X บริษัทหนึ่ง ก็คือ สายการ บิน Southwest ครับ ที่ในปี 1996 อุตสาหกรรมการบินมีการเติบโตอย่างมาก มี เมืองกว่า 100 เมืองที่ต้องการให้ Southwest บินไปลง แต่สุดท้ายแล้วในปีนั้น Southwest ได้เปิดเส้นทางการบินในเมืองแค่ 4 เมืองเอง Empirical Creativity Bullets then cannonball Ex. Apple Rebirth
10
Productive Paranoia 1: Build cash reserves and buffers – oxygen canisters –to prepare for unexpected events and bad luck before they happen. Southwest Airline = สำรองเงินไว้ ทำให้ไม่ขาดทุน ไม่ ลดเที่ยวบิน หลังเกิด 11/9 Productive Paranoia 2: Bounding risk: – Death Line risk, asymmetric risk, and uncontrollable risk – and manage time- based risk.
11
Productive Paranoia 3: Zoom out, then zoom in, remaining hyper-vigilant to sense changing conditions and respond effectively Zoom Out Sense a change in conditions. Assess the time frame: How much time before the risk profile changes? Assess with rigor: Do the new conditions call for disrupting plans? If so, how? Zoom In Focus on supreme execution of plans and objectives.
12
10Xers channel their ego and intensity into something larger and more enduring than themselves. They’re ambitious, for a purpose beyond themselves, Be it building a great company, Changing the world, or Achieving some great object that’s ultimately not about them.
13
Ex. Microsoft 1985-1997, south west airline There are two healthy approaches to amending the SMaC recipe: 1. Exercising empirical creativity, which is more internally driven, and 2. Exercising productive paranoia, which is more externally focused. The first involves firing bullets to discover and test a new practice before making it part of the recipe. The second employs the discipline to zoom out to perceive and assess a change in conditions, then to zoom in to implement amendments as needed.
15
องค์กรที่ประสบความสำเร็จยืนยงท่ามกลาง กระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง มีโชคดีหรือร้าย มากกว่าหรือน้อยกว่าองค์กรอื่นหรือไม่ และ โชค มีส่วนทำให้เขาประสบความสำเร็จเท่าไร ทีมงานนักวิจัยเริ่มให้คำจำกัดความว่าโชคที่จะ ศึกษา คืออะไร และสรุปว่าต้องมีลักษณะเข้าข่าย 3 ประเด็น คือ 1. เป็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา เขามาเอง ไม่ว่าจะขอหรือไม่ 2. เป็นประเด็นที่สามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์สำคัญ นั่นคือ เป็นเรื่องใหญ่ ไม่หยุมหยิม 3. ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด หรือ เกิดเมื่อไร
16
จากนั้น ทีมงานได้ติดตามและศึกษาข้อมูลขององค์กรต่างๆ หลากหลาย ตลอด 9 ปี เพื่อรวบรวมประเด็น และวิเคราะห์ว่า แต่ละองค์กรที่ประสบความสำเร็จและคู่แข่งที่สำเร็จน้อยกว่า มี โชคทั้งดีและร้าย มากน้อยต่างกันอย่างไร ผลปรากฏว่า หลังจากประเมินทั้งในแง่จำนวน และคุณภาพ ของ “ โชค ” ที่แต่ละองค์กรและคู่แข่งประสบ เขาพบว่า ทั้งองค์กรที่ประสบความสำเร็จ และองค์กรที่ไม่สำเร็จ เท่า ต่างมีจำนวนโชคทั้งดีและร้ายคล้ายกันมาก มิได้มี ใครได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างมีนัยสำคัญแต่ประการ ใด แต่สิ่งที่ทีมงานวิจัยค้นพบและฟันธงว่าสำคัญกว่าคือ แม้มีโชค ดีและร้ายคล้ายๆ กัน องค์กรที่ประสบความสำเร็จ สามารถเก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากโชค ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าใครต่างหาก มิใช่เป็นเพราะมีโชค มากกว่า ใคร อาจารย์ Collins เรียกมุมมองนี้ว่า ROL- Return on Luck หรือ ผลตอบแทนจากโชค
17
เมื่อโชคลอยมา จะเกิด ROL 4 รูปแบบคือ 1. เก็บเกี่ยวได้ เมื่อมีโชคดี และเราสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้เต็มที่ เพราะเรามีความพร้อม มาปุ๊บ ได้ปั๊บ จับได้เต็มๆ 2. พลาดโอกาส มีโชคดีแต่เราพลาด ไม่ได้ใช้โอกาสอย่างน่าเสียดาย อาจ เป็นเพราะไม่เห็น เลยปล่อยให้เขาลอยผ่านไป หรือได้มา ก็ใช้ค่าไม่เป็น 3. ซวย มีโชคร้ายกระหน่ำ ซ้ำเติม เป็นภัย โดยเราไม่ได้ตั้งตัว มิได้ เตรียมพร้อม พอโชคร้ายย่างกรายเข้าใกล้ จึงรับมือไม่ไหว ได้แต่คร่ำครวญว่า ทำไมต้องเป็นฉัน 4. เอาอยู่ มีโชคร้ายแต่เรากล้าสู้ ลองดูกันสักตั้ง แบบไม่นั่งดูดาย หากสู้ไม่ ไหว ก็ฉลาดและมีหนทางที่จะถอยห่างทันท่วงที แต่แม้บางครั้งแพ้ ก็ไม่ตี โพยตีพาย ส่ายหน้าฟาดหาง โดยเห็นประโยชน์จากสถานการณ์ ทำตัวให้ได้ เหมือนบุคคลตัวอย่าง เช่น คุณกฤษณะ ละไล “ มนุษย์ล้อ ” พิธีกรที่เด่น แตกต่าง เพราะความพิการ ผลการศึกษาชี้ว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จ มีพฤติกรรมตามข้อ 1 และ 4 กล่าวคือ สามารถใช้ทั้งโชคดีและโชคร้ายให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้เป็น เพราะเขาเตรียมความพร้อม ซ้อมรับมือกับเรื่อง “ บังเอิญ ” ที่เขารู้ว่าอย่างไรก็ ต้องเกิด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร จึงไม่เคยประมาท เมื่อพร้อมรับ จึงมั่นคง ไม่ หวั่นไหว ไม่วอกแวกไม่ว่าจะได้โชคดีหรือร้าย ก็สามารถใช้สติและความ พร้อมน้อมนำ ไขว่คว้าโชคที่ลอยมา เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อไป ไม่เสีย ของ อาจารย์ Jim Collins สรุปการวิจัยว่า เราจะอยู่หรือจะไป จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับว่า เราทำอะไรกับโลก มากกว่า โลกทำอะไรกับเรา ความสำเร็จ และ Return on Luck สร้างได้ ไม่บังเอิญ ครับ
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.