ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
ไขก๊อกสินเชื่อบ้าน ยื่นขออย่างไรผ่านฉลุย
วันพุธที่ 16 กันยายน 2552 คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย
2
หัวข้อการนำเสนอ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2552 แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
วิธีการตรวจสอบกำลังซื้อ (เบื้องต้น) ... ด้วยตัวคุณเอง การเลือกแหล่งเงินกู้ ... ต้องดูตัวเองเป็นหลัก หลักเกณฑ์สำคัญที่ธนาคารพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อรายย่อย เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ลูกค้ารายย่อยไม่ได้รับอนุมัติ และแนวทางแก้ไข การเตรียมตัวของผู้ประกอบการเพื่อช่วยลูกค้าในการขอสินเชื่อ ปัญหาเรื่อง “เครดิตบูโร” แนวทางในการตัดสินใจเลือกสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ลูกค้า
3
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2552
ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2552 เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังอยู่ภายใต้ปัจจัย ความไม่แน่นอนหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง : ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในอีกด้านหนึ่งก็อาจเป็นตัวเร่งเงินเฟ้อ หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็วกว่าอุปสงค์ที่แท้จริง ความรุนแรงของการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สถานการณ์การเมืองภายในประเทศและเสถียรภาพของรัฐบาล ปัญหาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค เช่น อิหร่าน เกาหลีเหนือ หรือความไม่สงบในไนจีเรีย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้น ภาคการส่งออกอาจได้รับแรงกดดันจากทิศทางค่าเงินบาทของไทย ซึ่งอาจยังคงมีแรงหนุนให้อยู่ในระดับที่แข็งค่า เนื่องจากไทยยังมีแนวโน้มเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและมีแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าในช่วงครึ่งปีหลัง จึงคาดว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 น่าจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก โดยคาดว่า : ในไตรมาสที่ 3/2552 จีดีพีอาจจะหดตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 4.5 และอาจจะเริ่มขยายตัวเป็นบวกในช่วงไตรมาสที่ 4/2552 ถ้าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในครึ่งหลังของปี 2552 จีดีพีอาจจะหดตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 1.0 จากที่หดตัวร้อยละ 6.0 ในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้กรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปีปรับขึ้นมาเป็นหดตัวร้อยละ 3.5 ถึงร้อยละ 5.0
4
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย : วัฏจักรดอกเบี้ยนโยบายขาลงสิ้นสุดแล้ว ณ ขณะนี้
เริ่มต้นขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2551 ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 1.00% (จากระดับ 3.75% สู่ 2.75%) ต่อเนื่องด้วยการลดขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุม 3 รอบถัดมา โดยกนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75%, 0.50% และ 0.25% ในการประชุมเดือนม.ค., ก.พ. และ เม.ย ตามลำดับ ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2552 กนง. ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% อย่างต่อเนื่องในการประชุม 3 รอบที่ผ่านมา โดยมองว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ธปท.เริ่มดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม 2543
5
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย : ธนาคารกลางในประเทศอื่นๆ
ในขณะที่เฟดน่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ในช่วงปลาย 3Q53 การกลับสู่ระดับปกติของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้น จะใช้เวลานานกว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางแกนหลักของโลก และ ธปท. สำหรับ ธปท. คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทยอยถูกปรับขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกับเฟด และเข้าหาระดับ % ในปี 2555 Most Likely Case ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
6
จังหวะเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบถัดไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด ?
คำตอบนี้ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจตามมาอย่างชัดเจนในช่วงเวลานั้นเป็นหลัก โดยคาดว่ากนง.น่าที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 1.25 ในช่วงที่เหลือของปี 2552 และอาจต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 โดยกระแสการคาดการณ์ต่อวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์คงจะทยอยเข้าสู่รอบของวัฏจักรขาขึ้นก่อนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. ตามภาวะสภาพคล่องของสถาบันการเงินที่จะต้องเผชิญกับผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการออมประเภทอื่นๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในระยะถัดไป ก็อาจทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง
7
วิธีการตรวจสอบกำลังซื้อ (เบื้องต้น) ... ด้วยตัวคุณเอง
ประเมินกำลังซื้อจากราคาบ้านที่จะซื้อ เริ่มจากการสำรวจเงินออมว่าเพียงพอสำหรับการจ่ายเงินดาวน์หรือไม่ และที่เหลือต้องขอกู้จากธนาคารจำนวนเท่าใด โดยทั่วไปสถาบันการเงินจะให้กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 40% ของรายได้ หากวงเงินผ่อนชำระสูงเกินกว่า 40% ของรายได้ ผู้กู้อาจต้องหาผู้กู้ร่วม หรือจ่ายดาวน์ให้มากกว่าเดิม หรือเพิ่มระยะเวลาการกู้ให้นานขึ้น เพื่อให้เงินงวดที่ผ่อนชำระลดลงจนเพียงพอกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ประเมินกำลังซื้อจากรายได้ของผู้ซื้อ วิธีนี้จะทำให้ทราบว่ารายได้เท่านี้จะสามารถซื้อบ้านได้ในระดับราคาใด ตัวอย่าง นายก. มีรายได้ประจำเดือนละ 20,000 บาท นายก.จะสามารถกู้เงินได้ในวงเงินประมาณ 1,000,000 บาท (40% ของรายได้) ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.0% - 7.0% จะต้องผ่อนชำระเดือนละ 7, ,000 บาท ในระยะเวลา 20 ปี
8
การเลือกแหล่งเงินกู้ ... ต้องดูตัวเองเป็นหลัก
ผู้กู้ควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงินให้รอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบคงที่และลอยตัว หากต้องการความมั่นใจว่าจะไม่รับผลกระทบจากการขึ้น – ลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่จะทำให้ผู้กู้สามารถวางแผนการชำระเงินค่าบ้านได้อย่างชัดเจน (จะเลือกในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น) แต่หากคิดว่าในอนาคตดอกเบี้ยมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงลดลงต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยคงที่ในปัจจุบัน ก็สามารถเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวได้ (จะเลือกในช่วงดอกเบี้ยขาลง) ผู้กู้ควรคำนึงถึงความต้องการและเงื่อนไขความจำเป็นของตัวเองเป็นหลัก จากนั้นค่อยดูว่าข้อเสนอของสถาบันการเงินใดที่ตรงกับเงื่อนไขที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด ก็น่าจะช่วยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
9
หลักเกณฑ์สำคัญที่ธนาคารพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อรายย่อย (1/4)
มีคุณสมบัติพื้นฐานตามที่ธนาคารกำหนด อาทิ อายุ ไม่มาก - น้อยจนเกินไป เป็นผู้ที่มีรายได้มั่นคง แน่นอน มีรายการเดินบัญชีสม่ำเสมอ ต้องไม่มีประวัติเสียในระบบ Credit Bureau ต้องไม่เป็นลูกหนี้ NPL กับสถาบันการเงินใดๆ ต้องไม่อยู่ในกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ (Blacklist) ของธนาคาร อาทิ ประกอบธุรกิจโรงแรมม่านรูด, อาบอบนวด, อาชีพติดตามตัวยาก, พวกที่มีอิทธิพล และ อาชีพที่ผิดศีลธรรม เป็นต้น พิสูจน์ได้ว่ามีรายได้แน่นอน สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ กรณีเป็นผู้มีรายได้ประจำ: แสดงเอกสารทางการเงิน อาทิ หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ Slip เงินเดือน กรณีเป็นผู้มีอาชีพอิสระ: แสดงเอกสารการเดินบัญชีผ่าน Statement ที่ดี มีที่อยู่อาศัยและที่ทำงานเป็นหลักแหล่งแน่นอน สามารถติดตามตัวได้
10
หลักเกณฑ์สำคัญที่ธนาคารพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อรายย่อย (2/4)
“หากประกอบอาชีพอิสระ รายได้ไม่แน่นอนจะขอกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ ?” ตัวอย่างของ “อาชีพอิสระ” ได้แก่ งานขายตรง ดารา นักแสดง นักร้อง นายหน้า นายประกัน ร้านค้าแผงลอย / ร้านขายก๋วยเตี๋ยวข้างทาง / ร้าค้าโชห่วย ฯลฯ แนวทางในการกู้ให้ผ่าน: ต้องแสดงให้ธนาคารเห็นถึงรายได้ที่แท้จริงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และควรเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอด้วย ต้องแสดงเอกสารแสดงรายได้ อาทิ หนังสือ 50 ทวิ หรือ รายการเดินบัญชี Statement ที่มีรายได้เข้า – ออกอย่างสม่ำเสมอ ต้องแสดงฐานะ และทรัพย์สินที่มั่นคง เช่น บัญชีเงินฝาก, โฉนดปลอดภาระ, รถยนต์ปลอดภาระ หรือทรัพย์สินอื่นๆ เป็นต้น
11
หลักเกณฑ์สำคัญที่ธนาคารพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อรายย่อย (3/4)
เอกสาร / หลักฐานที่สำคัญประกอบการขอกู้สินเชื่อบ้าน: สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล สำเนาทะเบียนสมรส / หย่า / ใบมรณะบัตร (กรณีหม้าย) ใบแจ้งความ สำเนาใบต่างด้าว (กรณีผู้ขอกู้เป็นชาวต่างชาติ) กรณีผู้ขอกู้มีรายได้ประจำจากเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน (ฉบับจริง) ไม่เกิน 3 เดือน สลิปเงินเดือน (ฉบับจริง) สำเนา Statement ย้อนหลัง 6 เดือน กรณีผู้ขอกู้เป็นผู้ประกอบธุรกิจ สำเนา Statement ย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาใบทะเบียนการค้า / ทะเบียนพาณิชย์ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล อายุไม่เกิน 6 เดือน สำเนาหนังสือบริคนธ์สนธิ สำเนาใบประกอบแสดงรายการผู้ถือหุ้น (บอจ.5) สำเนาใบแสดงรายการชำระค่าภาษี
12
หลักเกณฑ์สำคัญที่ธนาคารพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อรายย่อย (4/4)
หากเอกสารครบจะได้รับการพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่ จะได้รับการแจ้งผลอนุมัติภายในระยะเวลาที่ธนาคารกำหนดไว้ ประมาณ 3 วันทำการ ผลเสียจากการจัดเตรียมเอกสารไม่ครบถ้วน ธนาคารจะไม่สามารถดำเนินการพิจารณาได้ ต้องรอจนกว่าเอกสารจะครบ ซึ่งทำให้ล่าช้า เอกสารครบและถูกต้องตามข้อกำหนดของธนาคาร อาทิ รายการเดินบัญชี Statement หรือใบรับรองเงินเดือนต้องมีอายุไม่เกินกี่เดือน เป็นต้น
13
เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ลูกค้ารายย่อยไม่ได้รับอนุมัติ และแนวทางแก้ไข
เหตุผลในการปฏิเสธ แนวทางแก้ไข มีประวัติเคยเป็น NPL ของสถาบันการเงิน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ / ชำระหนี้ให้หมด / มีประวัติผิดเงื่อนไขการชำระหนี้ ชำระหนี้ตามเงื่อนไขเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ไม่มีเงินออม หาข้อมูลแสดงแหล่งรายได้และฐานะเพิ่มเติม / รายได้ไม่เพียงพอในการผ่อนชำระหนี้ หาผู้กู้ร่วม รายได้ไม่ผ่านเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ของธนาคาร ความน่าเชื่อถือ / ความมีตัวตน ไม่มีหลักแหล่งที่อยู่อาศัยแน่นอน พยายามพิสูจน์แหล่งที่อยู่อาศัยที่แน่นอน ไม่มีเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน มีเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน ไม่สามารถติดต่อได้ สามารถตรวจสอบความมีตัวตนได้ เช่นโทรไปที่บริษัท แล้วตามตัวได้ เป็นต้น
14
การเตรียมตัวของผู้ประกอบการเพื่อช่วยลูกค้าในการขอสินเชื่อ
ทดสอบความสามารถในการกู้ผ่านระบบ K-Home Loan Online (สินเชื่อบ้านออนไลน์กสิกรไทย) กลั่นกรองลูกค้ารายย่อยให้มีคุณสมบัติตรงตามที่ธนาคารกำหนด, มีรายได้เพียงพอ, ติดตามการผ่อนเงินดาวน์ของลูกค้า และไม่เป็น NPL ตั้งแต่เริ่มต้น แนะนำการจัดเตรียมเอกสารในการยื่นขอสินเชื่อให้พร้อม โดยพยามยามแสดงหลักฐานแสดงรายได้ให้ครบ หรือมากที่สุดเท่าที่มีอยู่ ประสานงานระหว่างธนาคาร – ลูกค้าอย่างใกล้ชิด เผื่อกรณีธนาคารขอเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมจะได้รวดเร็ว (โดยหาผู้ประสานงานระหว่างเจ้าของโครงการกับธนาคาร) หากพบว่าลูกค้ามีรายได้ไม่เพียงพอ ให้หาผู้กู้ร่วมจะได้ไม่เสียเวลา
15
ปัญหาเรื่อง “เครดิตบูโร”
ทำอย่างไรจึงจะไม่ติดเครดิตบูโร (วิธีการรักษาเครดิต) ??? ผู้บริโภคควรดำรงสัดส่วนหนี้อย่างเหมาะสม โดยไม่ควรมีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนสูงเกินไป จนรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายหลักในการดำรงชีพที่จำเป็นเหลือไม่พอสำหรับชำระหนี้ขั้นต่ำในแต่ละงวด ผู้บริโภคควรมีบัตรเครดิตจำนวนน้อยเท่าที่พอเพียงต่อความจำเป็น และควรปิดบัญชีบัตรเครดิตใดๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้ว โดยปกติสถาบันผู้ให้สินเชื่อจะดูขีดความสามารถในการจับจ่ายว่าผู้บริโภครายนั้นๆ มีขีดความสามารถในการชำระหนี้ได้ขนาดไหน หากมีจำนวนบัตรเครดิตมากแนวโน้มการก่อหนี้ก็จะมีมากขึ้น ผู้บริโภคควรชำระหนี้ทุกรายการตามใบแจ้งหนี้จากสถาบันเจ้าหนี้ในจำนวนอย่างน้อยที่สุดเท่ากับจำนวนขั้นต่ำที่กำหนดและภายในระยะเวลาที่กำหนด และควรต้องชำระเต็มจำนวนตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับสถาบันเจ้าหนี้ ควรรีบติดต่อกับสถาบันการเงินทันที หากไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ตามกำหนดระยะเวลา หรือหากพบว่าข้อมูลในใบแจ้งหนี้มีความคลาดเคลื่อน การดำเนินการร้องเรียนหรือแก้ไขข้อมูลควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร
16
ปัญหาเรื่อง “เครดิตบูโร”
แนวทางแก้ไข หากลูกค้าติดเครดิตบูโร พยายามหาเหตุผล / หลักฐานอื่นมาแสดง ติดเครดิตบูโรแบบอ่อน อาทิ หนี้บัตรเครดิต - -> ให้จ่ายชำระให้ครบ แล้วนำหลักกฐานมาแสดง ติดเครดิตบูโรแบบเข้ม อาทิ เป็นหนี้ปรับโครงสร้าง ต้องพยายามผ่อนชำระให้ตรงตามกำหนดเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึงมายื่นขอกู้
17
แนวทางในการตัดสินใจเลือกสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ลูกค้า
พิจารณาจากประเภทอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมที่สุด เลือกอัตราดอกเบี้ยแบบ “คงที่” ให้ยาวที่สุด (เหมาะกับช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น) เลือกอัตราดอกเบี้ยแบบ “ลอยตัว” (เหมาะกับช่วงดอกเบี้ยขาลง) พิจารณาระยะเวลาการกู้ให้ยาวนานที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนให้น้อยลง พิจารณาวงเงินได้เพียงพอ และรวดเร็ว เสนอบริการที่ครบวงจร และดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง (Total Financial Solutions) “K Home Smiles Club” เนรมิตทุกสิ่งเรื่องบ้าน ... ให้เป็นเรื่องง่าย
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.